บล็อกเชน อาวุธคุม เงินเฟ้อรุนแรง!! เวเนซุเอลา นำร่องทดลองใช้งานจริง

อย่างไรที่ประเทศอย่าง เวเนซุเอลา ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนปกป้องประชาชนของพวกเขาจาก ภาวะเงินเฟ้อรุนแรง (Hyperinflation) ?

หลายคนคงมีโอกาสได้เห็นการสูญเสียมูลค่าของสกุลเงินโบลิวาร์อย่างรุนแรงในประเทศเวเนซุเอลา โดยอัตราเงินเฟ้อของประเทศในช่วงปี 2016 สูงถึง 18,000% และภายใน 2 ปีคือช่วงปี 2018-2019 มูลค่าสกุลเงินโบลิวาร์หายไปมากกว่า 99.9% จนนำไปสู่ความวุ่นวายต่อเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง

ซึ่งสาเหตุเหล่านี้ไม่ได้บังเอิญเกิดขึ้น แต่มันคือผลลัพธ์จากความผิดพลาดอันยาวนานตั้งแต่ปี 1999 ในสมัยประธานาธิบดีฮูโก ชาเวซ เรื่อยมาจนถึงสมัยนายนิโคลัส มาดูโร (จริง ๆ เรื่อง เวเนซุเอลา ที่วุ่นวายขนาดนี้ไม่ได้เกิดจากความผิดพลาดของฝ่ายบริหารอย่างเดียว แต่พวกเขายังถูกอิทธิพลทางการเมืองระหว่างประเทศเล่นงานอีกด้วยซึ่งนำโดยสหรัฐอเมริกา)

อย่างที่เรารู้กันประเทศเวเนซุเอลามีทรัพยากรเยอะซึ่งเปรียบดั่งขุมทรัพย์คล้าย ๆ กับประเทศไทยเรา (คนจำนวนมากไม่รู้) นั้นทำให้ทรัพยากรเหล่านี้ถูกหมายปองโดยเหล่าประเทศมหาอำนาจมากมาย นอกจากนั้นรัฐบาลได้ทำการควบคุมอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศมาตั้งแต่ปี 2003 (ซึ่งทำให้ประชาชนไม่สามารถแลกเปลี่ยนได้เอง ทำให้เกิดตลาดมือและการพังทลายของค่าเงินในที่สุด)

และในช่วงปี 2016 ซึ่งน้ำมันดิบตกต่ำเหลือแค่ 30 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งรายได้ส่วนนี้เป็นรายได้หลักของประเทศ นั้นทำให้พวกเขาไม่มีเงินมาใช้จ่าย และเมื่อผสานเข้ากับการทำประชานิยมอย่างหนักหน่วงมาตลอดหลายปี รวมไปถึงการนำเข้าสินค้าเกษตรมากกว่าจะผลิตเอง พร้อมด้วยโครงการสนับสนุนราคาสินค้าจนทุกอย่างถูกแบบผิดปกติ ตรงนี้นำไปสู่การพิมพ์เงินของรัฐบาลเพื่อประคองสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในประเทศของพวกเขา และแน่นอนเอาไม่อยู่ในที่สุดก็เกิด ภาวะเงินเฟ้อรุนแรง (Hyperinflation)

ภาวะเงินเฟ้อรุนแรงในประเทศเวเนซุเอลาส่งผลให้ครอบครัวที่มั่งคั่งร่ำรวยจำนวนมากสูญเสียเงินทองและทรัพย์สมบัติที่เขาสร้างมาไปจนหมดสิ้น และความยากจนที่เกิดขึ้นได้ผลักพวกเขาเข้าสู่ความสิ้นหวังทันที นาย Simon Chamorro ผู้ก่อตั้งและ CEO ของแพลตฟอร์มอย่าง Valiu ซึ่งเขาเติบโตในประเทศแห่งนี้ บอกว่า “เรื่องราวเหล่านี้ถูกรับรู้กันในวงกว้าง สิ่งที่พ่อแม่ของผมสร้างมาทั้งชีวิต ตอนนี้หายไปหมดแล้ว ผมจำได้ว่าเมื่อระบบเศรษฐกิจล้มเหลว พวกเราก็เริ่มขาดน้ำขาดไฟใช้งาน หลังจากนั้นสกุลเงินของประเทศเราก็เข้าสู่สภาวะเฟ้ออย่างรุนแรง”

โลกแห่งความเป็นจริงในประเทศแห่งนี้ประชาชน 99% สูญเสียทุกอย่างที่พวกเขาสร้างมา เพราะประเทศล้มเหลว เงินเก็บทั้งหมดของชนชั้นกลางกลายเป็นศูนย์ นาย Simon Chamorro เผยว่า “นาทีนั้นผมรู้ทันทีว่าต้องสร้างอะไรขึ้นมาสักอย่าง ผมตัดสินใจเรียนการออกแบบอุตสาหกรรมเพื่อสร้างบริษัทขึ้นมา และมันพาผมเดินทางเข้าสู่โลกของเทคโนโลยี แต่ที่นี้เองที่ผมพบกับสิ่งที่เรียกว่า คริปโตเคอเรนซี่ ซึ่งตอนนั้นผมตระหนักได้ทันทีว่าประเทศแห่งนี้มีศักยภาพในการจะทำเรื่องนี้ในระดับประเทศ”

ก็อย่างที่ได้เกริ่นนำไปแล้วในช่วงแรกว่าเวเนซุเอลามีการควบคุมอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (ตรงนี้คือหนึ่งในต้นตอของปัญหาที่เกิดเงินเฟ้อรุนแรง) ซึ่งเบื้องหลังและถือเป็นพื้นฐานของ เทคโนโลยีคริปโตเคอเรนซี่ ที่จะสามารถเข้ามาแก้ปัญหาตรงนี้ได้ก็คือ การไม่ต้องมีตัวกลางในการแลกเปลี่ยน หรือการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ามาใช้งานนั้นเอง

แพลตฟอร์มอย่าง Valiu ของนาย Simon Chamorro ได้มอบโอกาสให้กับประชาชนในประเทศนี้ได้ปกป้องตัวเองจากสภาวะเงินเฟ้ออันรุนแรงผ่าน คริปโตเคอเรนซี่ “ภายใต้ความไม่เชื่อมั่นในสกุลเงินของประเทศตัวเองและรัฐบาลประเทศตัวเอง นั้นทำให้สถานที่แห่งนี้เหมาะกับการเป็นแหล่งทดลองอะไรใหม่ ๆ รวมไปถึงอุปสรรคของการทดลองสิ่งใหม่ ๆ จะต่ำมาก”

นั้นทำให้การมาของ Digital Dollars, Stablecoins และ Cryptocurrency ในประเทศไม่ถูกต่อต้านและเต็มใจที่จะทดลอง พร้อมกับการทดลองแบบช้า ๆ ทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดี ตอนนี้วัตถุประสงค์หลักแรกเลยก็คือการทำให้คนยอมรับใน Digital Dollars ว่าเป็นสื่อกลางของการชำระเงิน และนั้นจะนำไปสู่การใช้เงิน โบลิวาร์ น้อยลงและน้อยลง “ผลิตภัณฑ์ที่เราทำมุ่งตอบสนองทั้งคนรวยที่มีการศึกษาไปจนถึงคนที่มีรายได้น้อยและการศึกษาน้อย”

ปัจจุบันเวเนซุเอลามีค่าแรงขั้นต่ำคือ 1 ดอลลาร์สหรัฐ และด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่ประเทศเริ่มมีเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กเกิดขึ้นจำนวนมากทำให้เกิดชุมชนขนาดใหญ่ในการซื้อขายเกิดขึ้น ซึ่งแพลตฟอร์มอย่าง Valiu ก็จะเข้ามาช่วยให้พวกเขายอมรับการชำระเงินในรูปแบบ Digital Dollars มากขึ้น และการจ่ายเป็นดอลลาร์สหรัฐก็ดีกว่าสำหรับพ่อค้า

จนถึงตอนนี้แพลตฟอร์ม Valiu ได้เข้าไปเคลื่อนย้ายเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์ ซึ่งเงินจำนวนนี้เกี่ยวข้องกับครอบครัวมากกว่า 150,000 ครัวเรือน ปัจจุบันพวกเขามีผู้ใช้งานรายเดือนตกเดือนละ 33,000 คนและกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความเป็นจริงในวันนี้คือ เทคโนโลยีคริปโตเคอเรนซี่ แค่เข้ามาแก้ปัญหาความเป็นอิสระทางเศรษฐกิจโดยตรงเท่านั้น

ตอนนี้เวเนซุเอลามีการทดลองสกุลเงินดิจิตอล (ข่าวบางสำนักยังเรียกว่า คริปโตเคอเรนซี่ ซึ่งจริง ๆ มันคนละอันกัน) ของประเทศตัวเองที่ชื่อว่า El-Petro ไปแล้ว โดยมันถูกสนับสนุนจากทรัพยากรจำนวนมากของประเทศตัวเอง แม้หลายฝ่ายจะมองว่าโอกาสล้มเหลวสูงมาก แต่เนื่องจากประเทศแห่งนี้ตกอยู่ในสภาพง่อนแง่นอย่างมากทำให้ขั้นตอนการทดลองเป็นเรื่องจำเป็น

ซึ่งการทดลองครั้งนี้จะทำให้เทคโนโลยีบล็อกเชนแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้พร้อมสำหรับถูกใช้งานอีกครั้งในอนาคต นาย Simon Chamorro มองว่า “เทคโนโลยีบล็อกเชน คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของมนุษยชาติ และมันถือเป็นสิ่หนึ่งที่สำคัญมากทางประวัติศาสตร์ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้”

ในความเห็นของแอดมิน ต้องบอกว่า เวเนซุเอลา เป็นประเทศที่ถูกออกแบบเพื่อทดลองหรือจำลองสถานการณ์ เงินเฟ้อรุนแรง พร้อมกับการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ดิจิตอลเคอเรนซี่ เพราะหลังจากประเทศวุ่นวายแล้วจากปัญหาที่ถูกสร้างมาหลายปี มันก็พอดิบพอดีกับ Solution ที่มีการเตรียมไว้นานแล้วอย่าง ดิจิตอลเคอเรนซี่ ผสานด้วยการระบาดเพื่อเร่งอัตราการเปลี่ยนผ่าน ซึ่งก็ไม่ได้น่าแปลกใจอะไรที่คนในประเทศแห่งนี้จะยอมรับสิ่งใหม่โดยง่าย เพราะเมื่พวกเขาหวาดกลัว ก็ย่อมต้องมองหาความหวัง แม้เป็นแค่แสงวูบเดียวเพื่อทดลองก็ยินดีที่จะตอบรับ เพราะพวกเขาไม่มีอะไรจะเสียแล้วนั้นเอง
.
เขียนและเรียบเรียง : เอกพล มงคลพัฒนกุล
.
ข้อมูล : Bloomberg
.
#BusinessPlus #เงินดิจิตอล #Valiu #DigitalDollars #Stablecoins #Cryptocurrency #ภาวะเงินเฟ้อรุนแรง #Hyperinflation