ทิพยประกันภัย นวัตกรรมบริหารคนแบบ ‘สองนคราประชาธิปไตย’

บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ถือเป็นหนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมประกันภัยรายใหญ่ของไทย โดย 2 ไตรมาสของปี 2564 ที่ผ่านมาแม้จะเป็นช่วงเวลาที่อยากลำบากสำหรับบริษัทจำนวนมากทั่วโลก แต่กับทาง ทิพยประกันภัย ผ่านวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของ ดร.สมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ที่ได้เตรียมการในเรื่องต่าง ๆ เอาไว้ก่อนเกิดวิกฤต ทำให้บริษัทและพนักงานทุกคนสามารถก้าวข้ามช่วงเวลาที่ยากลำบากและกำลังเติบโตอยู่บนเส้นทางของอนาคตอันยิ่งใหญ่ที่กำลังรออยู่

ดร.สมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ เปิดเผยว่า 2 ไตรมาสของปี 2564 ที่ผ่านมาถือเป็นอีกปีหนึ่งที่ดีที่สุดของทิพยประกันภัย โดย 2 ไตรมาสแรกบริษัทสามารถทำ New High การเติบโตของธุรกิจทำได้ถึงเลขสองหลักเลยทีเดียว กำไรสองไตรมาสแรกก็ค่อนข้างที่จะเติบโตได้ดี

และมีแนวโน้มดีต่อเนื่องมาจนถึงไตรมาสปัจจุบัน (ไตรมาสที่ 3) ธุรกิจประกันวินาศภัยจำนวนมากเผชิญปัญหาการจ่ายค่าสินไหมให้กับโรคระบาด แต่ทาง ทิพยประกันภัย ไม่มีประกันประเภท ‘เจอจ่ายจบ’ ซึ่งหลายบริษัทเจอปัญหานี้จำนวนมาก แต่ทาง ทิพยประกันภัย ยืนยันมาตั้งแต่แรกแล้วว่าเราไม่ขายกรมธรรม์ประกันภัยประเภท‘เจอจ่ายจบ’ เราขายเฉพาะในเรื่องของค่ารักษาพยาบาลหรือชดเชย หรือในกรณีที่เสียชีวิตเท่านั้น ทำให้เราอยู่ในสถานะที่ค่อนข้างที่จะดี เมื่อเทียบกับบริษัทประกันภัยอื่น ๆ การเติบโตเราเชื่อว่าปีนี้จะ New High อีกปีหนึ่ง ในขณะที่กำไรก็น่าจะดีไม่แพ้ปีที่แล้ว ถือเป็นปีที่ดีอีกปีของทิพยประกันภัย

การบริหารคนในองค์กร และการนำเทคโนโลยีมาใช้

เราโชคดีมากที่มีการวางพื้นฐานทางด้านดิจิทัลเอาไว้สัก 4-5 ปีก่อนหน้านี้แล้ว โลกเปลี่ยนไปจากการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ของเทคโนโลยี เทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปทำให้ประชาชนมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปด้วย และการที่เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงการมาของสังคมผู้สูงอายุ ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศอย่างรุนแรงทั่วโลก มันทำให้ทุกอย่างในโลกของการประกันภัยเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว นั้นทำให้เรามีการเตรียมความพร้อมในการนำเทคโนโลยีเข้ามาทำงาน

พร้อมกับการมาของ ความปกติใหม่ (New Normal), การเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing), การทำงานจากที่บ้าน รวมไปถึงธุรกิจหลายอย่างต้องปิดตัว และการมาเจอหน้ากันไม่ได้ นั้นทำให้พื้นฐานที่เราเตรียมมาในอดีตก็มาช่วเราได้ในตอนนี้

COVID-19 รอบแรกเราขายประกันภัย COVID-19 ได้มากที่สุดในประเทศไทย ประมาณสัก 30% ของจำนวนรวมการขายประกันภัยของบริษัท คิดเป็นจำนวน 2,500,000 กรมธรรม์ ซึ่งถ้าเรายังขายแบบเดิม ๆ ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะสามารถออกกรมธรรม์ได้ทัน แต่พอเราเปลี่ยนมาเป็นดิจิทัล นั้นมันเป็นการพิสูจน์ดิจิทัลด้วยตัวของเราเองว่ามันดี ตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ ในแง่การทำงานที่บ้าน ใครที่ป่วย สูงอายุ ต้องเดินทางกับรถสารสาธารณะ กลุ่มนี้ให้ทำงานที่บ้านได้ 100% ส่วนใครที่แข็งแรง มีพาหนะส่วนตัวมาทำงานได้อันนี้ให้ทำงานที่บ้านครึ่ง ๆ และนั้นทำให้ ทิพยประกันภัย รับมือกับวิกฤตครั้งนี้ได้เป็นอย่างดี

การบริหาร ‘คน’ ความท้าทายครั้งใหญ่

ทิพยประกันภัย เป็น ‘สองนคราประชาธิปไตย’ คือคนที่อยู่ในโลกของการทำงานแบบดั้งเดิมก็สามารถทำงานแบบดั้งเดิมต่อไปได้ ขณะที่คนรุ่นใหม่ของเราก็ทำงานบนวิถีใหม่ ช่วงแรก ๆ เรามีการทดลองเอาคนดั้งเดิมมาทำงานแบบวิถีใหม่ปรากฎว่าคุณภาพในการทำงานลดลงเพราะเขาไม่ถนัด ขาดความมั่นใจ ไม่เชื่อมั่นตัวเอง ทำให้เราตัดสินใจว่า แบ่งคนออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มที่ชอบแบบเดิมก็อยู่กับการทำงานบนวิถีเดิม เพราะลูกค้าที่อยู่กับกลุ่มนี้ก็มีจำนวนมาก ส่วนใครถนัดดิจิทัลก็ให้เดินหน้าเต็มตัวสู่วิถีใหม่ไปเลย

คน ถือเป็นเรื่องท้าทายเรามีคนหลากหลายเจเนอเรชั่นการที่จะทำให้ทุกคนมองไปยังเป้าหมายเดียวกัน การทำให้ทุกคนรู้ว่าจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลง เราต้องเรียนรู้กันใหม่หมด ในอดีตเราออกแบบกรมธรรม์มาหนึ่งกรมธรรม์ขายให้ทุกคนเลย สมัยนี้ไม่ใช่ละความต้องการของคนแตกต่างกันไป เมื่อก่อนขายแบบแยกเป็นสินค้าชนิดหนึ่ง แต่ทุกวันนี้ต้องไปฝังอยู่ในสินค้าอื่น ๆ หรือบริการอื่น ๆ ตลาดปัจจุบันมีความเฉพาะตัวมากขึ้นเราจำเป็นต้องศึกษาลงลึกมากขึ้นเพื่อตอบสนองลูกค้า เวลาในการออกกรมธรรม์ก็เช่นกันสมัยก่อนจะออกแต่ละทีใช้เวลานาน แต่ปัจจุบันออกได้เร็วขึ้นไวขึ้นง่ายขึ้นมาก ตัวอย่าง Tips Lady กรมธรรม์ที่ออกแบบมาเพื่อผู้หญิงโดยเฉพาะ หรืออย่างคนขับรถมากขับรถน้อยเราให้ซื้อประกันภัยตามระยะทางที่ขับ ตามจำนวนกิโลเมตรต่อปีที่คุณใช้ ผู้ใช้ก็ซื้อประกันภัยตามนั้นได้เลย

เขียน : เอกพล มงคลพัฒนกุล

ติดตาม Business+ ได้ที่ thebusinessplus.com
Line Business+ ได้ที่ https://lin.ee/pbIHCuS

#Businessplus #Business+ #นิตยสารBusinessplus #TIP