ตลาด Fintech เวียดนามแข่งเดือด!! MoMo กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ เบอร์ 1 ของประเทศ

หนึ่งในตลาด Fintech ที่ดุเดือดที่สุดตลาดหนึ่งในภูมิภาคนี้ก็คือ ประเทศเวียดนาม ในปี 2020 จากการสำรวจของทาง KPMG บริษัทผู้ตรวจสอบบัญชียักษ์ใหญ่ของโลก พบว่า เวียดนามมีมูลค่าธุรกรรมผ่านระบบดิจิทัลอยู่อันดับ 8 ของเอเชียแปซิฟิก ด้วยมูลค่า 8,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมผู้นำตลาดที่โตมาจากผู้เล่นสตาร์ทอัพท้องถิ่นอย่าง MoMo ที่เป็นผู้ให้บริการ อี–วอลเล็ต (e-Wallet) รายใหญ่ที่สุดในประเทศขณะนี้

ตอนนี้ตลาด Fintech ในเวียดนามมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดมากไม่ว่าจะเป็น MoMo ที่กล่าวไปก่อนหน้าแล้ว ยังมี Grab, Sea (บริษัทช้อปปิ้งและเกมออไนลน์ เจ้าของแอพพลิเคชั่น Shopee และค่ายเกมการีน่า) สองยักษ์ใหญ่จากต่างชาติ และคู่แข่งคนอื่น ๆ อีกที่กระโดดเข้ามาร่วมวง ภายใต้ผู้บริโภคกว่า 100 ล้านคนซึ่งเป็นวัยกำลังสร้างเนื้อสร้างตัวเป็นแรงดึงดูดสำคัญ

แต่กุญแจสำคัญของการเอาชนะยักษ์ใหญ่ของต่างชาติได้สำหรับ MoMo คือการผูกตัวเองอยู่กับร้านกาแฟซึ่งมีสาขาจำนวนมากอยู่ในประเทศ รวมไปถึงแบรนด์ธุรกิจต่าง ๆ ที่มีร้านขายสินค้ามากกว่า 300 ร้านขึ้นไป โดยผู้ใช้บริการของ MoMo จะได้รับส่วนลดสำหรับเมื่อซื้อสินค้าผ่านแอพพิเคชั่นและชำระเงินสำหรับสินค้าที่พวกเขาสั่งซื้อ โดยพวกเขาจะต้องใช้ส่วนลดในเวลาที่กำหนดเอาไว้ โปรโมชั่นเหล่านี้ถูกออกแบบและนี่คือกลยุทธ์ที่ง่ายและพื้นฐานที่สุดสำหรับประเทศที่มีประชากรกว่า 80% ยังคงอยู่บนระบบออฟไลน์

การให้พวกเขาใช้แอพพิเคชั่นเพื่อซื้อกาแฟและได้ส่วนลด ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขากินทุกวันอยู่แล้ว กระตุ้นให้พวกเขายอมเปิดแอพิเคชั่นมากขึ้นและเป็นการสร้างการเรียนรู้และใช้งานเทคโนโลยีของ MoMo ไปด้วย รวมถึงเพิ่มโอกาสในการใช้บริการอื่น ๆ เพิ่มอีกด้วยไม่ว่าจะเป็นการซื้อตั๋วหนัง สั่งอาหาร จองตั๋วเครื่องบิน และเล่นเกม เป็นต้น “การกระจายพอร์ตโฟลิโอด้านบริการจะช่วยเพิ่มรายได้ของ MoMo ในช่วงสถานการณ์การระบาดของโรคในขณะนี้” CEO ของ MoMo คุณ Tuong Nguyen กล่าว

“พวกเราสร้างธุรกิจที่ค่อนข้างสมดุล พวกเรามีความมั่นใจแม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่แย่ที่สุดก็ตาม พวกเราจะสามารถรักษาอย่างน้อยที่สุด 70% ของรายได้ในช่วงเวลาปกติ แน่นอนว่าพวกเราต้องการจะรักษาการเติบโตต่อไป พวกเรามุ่งไปที่การเปลี่ยนวิกฤตไปสู่โอกาส”

นับตั้งแต่ปี 2013 ที่เปิดตัวเป็นต้นมา พวกเขาเดินหน้าพัฒนาความสัมพันธ์กับร้านค้าหลายหมื่นร้านค้าด้วยเทคโนโลยีการโอนเงินระหว่างบัญชีธนาคาร วันนี้ทาง MoMo บอกว่าตลาดการชำระเงินด้วยมือถือของเวียดนามมากกว่า 60% เป็นของพวกเขา พร้อมมูลค่าธุรกรรมกว่า 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ บวกด้วยผู้ใช้งานมากกว่า 25 ล้านบัญชี

การตื่นขึ้นของ MoMo ได้ดึงดูดคู่แข่งจำนวนมากจากต่างประเทศให้เข้ามาในเวียดนามจนกลายเป็นหนึ่งตลาด Fintech ที่ร้อนแรงที่สุดในภูมิภาคนี้ แต่นักวิเคราะห์หลายคนคาดว่าจะมีผู้อยู่รอดน้อยมากในการแข่งขันครั้งนี้เพราะต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล และนี่ยังไม่นับรวมบริษัทที่เป็นแบงค์ และบริษัทที่เป็นธุรกิจโทรคมนาคม ก็มีสิทธิ์ที่จะกระโดดลงมาเล่นในเกมนี้ด้วย

คุณ Takahiro Suzuki ซึ่งเป็น Managing Partner ของ Genesia Ventures ซึ่งเป็นกลุ่มที่ลงทุนมาอย่างยาวนานในประเทศอินโดนีเซียและเวียดนาม มองว่า “สุดท้ายแล้วผู้เล่นในตลาดจะเหลืออยู่ไม่เกิน 2-3 ราย” ซึ่งขึ้นอยู่กับใครสายป่านยาวกว่ากัน และตราบใดที่กระแสเงินยังสามารถหมุนเวียนต่อไปได้พวกเขาก็จะยังคงอยู่รวมกันอย่างมีความสุข

โดยในตลาดนี้ยังมีผู้เล่นอีกมากมายร่วมแข่งขันไม่ว่าจะเป็น VNLife ซึ่งถูกบริหารจัดการโดยผู้ดำเนินธุรกิจกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์อย่าง VNPay ซึ่งมีกลุ่มทุนที่มีชื่อเสียงอย่าง SoftBank Group’s Vision Fund อยู่เบื้องหลัง โดยในเดือนกรกฎาคม 2021 ที่ผ่านมาพวกเขาเพิ่งได้เงินจากการระดมทุนไปถึง 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จาก General Atlantic, Dragoneer Investment Group, PayPal Ventures และอื่น ๆ

ขณะที่ MoMo ก็ได้รับเงินจากการระดมทุนกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากกองทุน U.S. Private Equity Fund ของกลุ่มทุนอย่าง Warburg Pincus และตอนนี้ก็กำลังพิจารณาจะระดมทุนเพิ่มเติมอีก นอกจากนี้พวกเขามองไปถึงการขยายเครือข่ายร้านสะดวกซื้อให้ยอมรับแอพพลิเคชั่นของพวกเขาให้มากขึ้น รวมไปถึงการแตกไลน์ใหม่ ๆ เพื่อเข้าสู่ธุรกิจอย่าง ประกันมอเตอร์ไซค์ สินเชื่อส่วนบุคคล รวมไปถึงการเข้าซื้อบริษัทผู้พัฒนาซอฟต์แวร์เพิ่มเติมเพื่อนำไปสู่การเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตนเองในอนาคต

ดีลธุรกิจจำนวนมากจะเข้ามาสนับสนุนการเติบโตแนวราบของบริษัทเหมือนอย่างที่ Ant Group ของจีน และ Paytm ของอินเดียเป็น มันจะเป็นการค่อย ๆ พัฒนาจากธุรกิจการชำระเงินเข้าสู่ดิจิทัลแบงค์เต็มตัว เวียดนามนั้นถือเป็นแหล่งสร้างสตาร์ทอัพเก่าแก่ในเอเชีย ตัวอย่างในอดีตก็คือบริษัท VNG ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2004 พวกเขาเป็นบริษัทผู้ให้บริการเกมออนไลน์ที่มีแอพพิเคชั่นส่งข้อความที่ได้รับความนิยมที่สุดในประเทศ แม้ช่วงเวลาที่ผ่านมาจะได้รับความสนใจลดลงจากการมาของเพื่อนบ้านอย่างอินโดนีเซีย ซึ่งนักลงทุนจำนวนมากต่างเทเงินหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐลงไปในสตาร์ทอัพท้องถิ่น อย่าง Sea ที่ราคาหุ้นพุ่งกระฉูดจากการที่ Grab ถูกนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐด้วยวิธีการ SPAC (Special Purpose Acquisition Company)

ปัจจุบันมูลค่าเศรษฐกิจของเวียดนามอยู่ที่ 340,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือว่าเล็กกว่า อินโดนีเซีย ไทย และสิงคโปร์ แต่นักลงทุนจำนวนมากมองว่า Fintech ของที่นี่น่าลงทุนด้วยหลายเหตุผล เช่น เวียดนามถือเป็นชาติที่มีอัตราการใช้มือถือค่อนข้างสูงราว ๆ 80% เป็นประชากรผู้ใหญ่ พร้อมกับจำนวนสาขาของธนาคารต่อหัวประชากรที่ต่ำ ผู้กำกับดูแลแสดงออกถึงการสนับสนุน Fintech อย่างชัดเจน มีการควบคุมใบอนุญาตที่ปล่อยออกไปให้ผู้ประกอบการและด้วยเหตุผลรวมกันเหล่านี้ มันได้สร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งให้กับสตาร์ทอัพที่กำลังมองหาทางส่งมอบบริการทางการเงินทั้งหลายผ่านมือถือ

การมาของโรคระบาดได้เข้ามาช่วยแก้ปัญหาเรื่องคอขวดมากมายก่อนหน้านี้ให้สามารถเดินหน้าได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง เช่นการโน้มน้าวให้ร้านค้าต่าง ๆ ยอมรับการจ่ายเงินผ่านกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่เมื่อก่อนเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะพวกเขากังวลเรื่องการจ่ายค่าธรรมเนียมไปให้ผู้ให้บริการ แต่การล็อกดาวน์ทำให้พวกเขาต้องหาทางใหม่ ๆ เพื่อเข้าถึงลูกค้าของตัวเองผ่านอินเตอร์เน็ต การระบาดครั้งนี้จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วกว่าที่เราคาดการณ์เอาไว้มาก พร้อมกับเปอร์เซ็นต์ของมือถือที่สูง พื้นฐานด้านเทคโนโลยีที่พร้อม และการที่คนค้าขายกระโดดเข้าสู่ออนไลน์มากขึ้น นั้นจะทำให้ Fintech ในเวียดนามน่าจับตาไม่น้อย

และ MoMo ก็อยู่ในตำแหน่งที่ดีมากที่จะกระโดดคว้าสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นแบบคาดไม่ถึงในตอนนี้ นับจากก่อตั้งในปี 2007 เพื่อเป็นผู้แจกจ่าย Mobile Phone Top-Up Cards (การ์ดที่ถูกซื้อโดยผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือที่ให้สิทธิพวกเขาระบุเงื่อนไขจำนวนของเครดิตสำหรับการโทรศัพท์ในอนาคต) จนกระทั่งเห็นโอกาสในการเข้าไปทำธุรกิจใหม่ ๆ จากการที่เปอร์เซนต์การใช้มือถือมันเพิ่มสูงถึง ซึ่งพวกเขาได้เริ่มปล่อยแอพพลิเคชั่นโอนเงิน ซึ่งเป็นฟีเจอร์ของมือถือ และกำหนดตัวเองให้หนึ่งในตัวแทนเครือข่าย ก่อนจะขายธุรกิจอย่าง Top-Up Cards ทิ้งไป และนั้นคือจุดเริ่มต้นของความนิยมใน MoMo นับแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

โดยผู้บริหารของ MoMo บอกว่าปัญหาในวันนี้ก็คือความสำเร็จของตัวเองได้ไปดึงดูดคู่แข่งที่น่าเกรงขามจำนวนมหาศาลเข้ามาในตลาดตอนนี้ นั้นรวมไปถึง Tencent Holdings ซึ่งเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง VNG ที่ได้กำลังมีการขยายบริการชำระเงินผ่าน ZaloPay ซึ่ง ZaloPay ถือเป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งมา เพราะพวกเขามีพื้นฐานของผู้ใช้อยู่แล้วจาก แอพพิเคชั่น Wechat ของ Tencent ด้าน Grab ก็เป็นพันธมิตรกับ Moca บริษัทชำระเงินผ่านมือถือท้องถิ่น และถือเป็นตัวเลือกหลักในการชำระเงินเมื่อมีการใช้บริการแอพพลิเคชั่นเรียกรถและบริการส่งอาหาร (Ride-Hailing and Food Delivery Services) ด้าน Sea ซึ่งมีฐานอยู่ที่สิงคโปร์ก็ได้เปิดตัวบริการชำระเงินในเวียดนามแล้ว และพวกเขาก็ถือเป็นหนึ่งในแอพพลิเคชั่นส่งอาหารที่ได้รับความนิยมในเวียดนามเช่นกัน

MoMo เชื่อว่าตัวเองจะสามารถเอาชนะคู่แข่งทั้งหมดได้ด้วยการเป็นพันธมิตรกับร้านกาแฟแบรนด์ดังที่มีสาขาจำนวนมากและร้านสะดวกซื้อที่มีสาขาทั่วประเทศ เพราะผู้บริโภควัยรุ่นหนุ่มสาวจำนวนมากใช้บริการสิ่งเหล่านี้มากกว่าการช้อปปิ้งออนไลน์ หรือแอพพิเคชั่นเรียกรถแท็กซี่

“คุณต้องขยับเข้าไปหาลูกค้าที่ใช้บริการจากเดือนละครั้ง สัปดาห์ละครั้ง มาเป็นวันละครั้งให้ได้ ต่อจากนั้นก็เป็น 2 ครั้ง 3 ครั้ง และหลาย ๆ ครั้งต่อวัน สิ่งเหล่านี้จะนำมาซึ่งบัญชีผู้ใช้ที่จงรักภักดี” CFO ของ MoMo คุณ Manisha Shah กล่าว

ปัจจุบันความจงรักภักดีต่ำมาก คนเวียดนามจำนวนมากดาวน์โหลดกระเป๋าตังอิเล็กทรอนิกส์หลากหลายแอพพิเคชั่น เพียงเพื่อต้องการส่วนลดสำหรับการช้อปปิ้งของพวกเขา การหยุดโปรโมชั่นอันฟุ่มเฟือยเหล่านี้ พร้อมทำให้ผู้ใช้ยังคงใช้แอพพิเคชั่นต่อไปโดยไม่มีโปรโมชั่นคือความท้าทายเป็นอย่างมาก และมันสามารถเป็นไปได้รึเปล่า เพราะจากการทดลองนักเรียนในคลาส Fintech จำนวน 40 คนพบว่า ถ้ากระเป๋าตังอิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ไม่มีโปรโมชั่น พวกเขาทั้งหมดก็จะไม่เก็บมันไว้ในมือถือ

นั้นทำให้การอยู่รอดของธุรกิจนี้ในวันนี้ไม่ใช่เพียงแค่เงินอย่างเดียวอีกแล้ว แต่คุณจำเป็นต้องทำให้แอพพลิเคชั่นของคุณ อยู่บนหน้าแรกของมือถือผู้ใช้บริการของคุณให้ได้ด้วย

เขียนและเรียบเรียง : เอกพล มงคลพัฒนกุล

ที่มา : Asia.Nikkei

ติดตาม Business+ ได้ที่ thebusinessplus.com
Line Business+ ได้ที่ https://lin.ee/pbIHC

#Businessplus #Fintech #eWallet #MoMo #อุตสาหกรรมการเงิน #กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์