ธุรกิจความงาม

หุ้นสวยกำไรงาม เทรนด์ความงามไม่เคยตกยุค Ep2

RS ขอฟื้นกำไรด้วยความงาม

ที่ผ่านมา บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS คนทั่วไปรวมถึงนักลงทุน รู้จักกันดีในฐานะผู้ดำเนินธุรกิจสื่อบันเทิงครบวงจร แต่จากการแข่งขันอย่างรุนแรงของธุรกิจสื่อ ส่งผลให้รายได้และกำไรของบริษัทลดลงอย่างต่อเนื่อง เพราะต้นทุนการผลิตค่อนข้างสูงสวนทางกับรายได้

แต่ในปี 2560 ที่ผ่านมา อาร์เอส ได้ประกาศบุกตลาดสินค้าสุขภาพและความงามอย่างเต็มตัว ผ่านบริษัทในเครือ บริษัท ไลฟ์สตาร์ จำกัด ซึ่งตั้งขึ้นมารองรับธุรกิจดังกล่าว ด้วยทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท เนื่องจากเห็นแนวโน้มเรื่องการดูแลสุขภาพและความงามที่มาแรง และผลประกอบการของไลฟ์สตาร์เติบโตมาอย่างต่อเนื่องตลอด 3 ปีที่ผ่านมา

สำหรับรูปแบบการทำตลาดของไลฟ์สตาร์ เน้นการจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทาง Telesale ทาง Call Center 1781 เป็นช่องทางสร้างรายได้ถึง 95% และขายผ่านช่องทาง Modern Trade อีก 5 % โดยมี 3 แบรนด์หลัก คือ Magique ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว, Revive ผลิตภัณฑ์ดูแลผม และ S.O.M (Science of Body & Mind) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร นอกจากนี้ ยังเป็นช่องทางจำหน่ายสินค้าให้เจ้าของแบรนด์ต่าง ๆ ผ่านทาง Telesale โดยรับรู้เป็นส่วนแบ่งรายได้จากยอดขาย ส่วนแผนงานในอนาคตนั้นบริษัทฯ ยังมีแผนขยายตลาดไปในต่างประเทศเพิ่มากขึ้นอีกด้วย

สำหรับตัวเลขรายได้ของไลฟ์สตาร์ ตั้งแต่ปี 2558 ไตรมาส 2/2560 ค่อนข้างน่าสนใจ โดยในปี 2558 มีรายได้อยู่ที่ 232 ล้านบาท ส่วนปี 2559 รายได้อยู่ที่ 228 ล้านบาท และครึ่งปีแรกของปี 2560 มีรายได้ 500 ล้านบาท

แม้ว่าธุรกิจสุขภาพและความงามจะยังไม่ใช่รายได้หลักของ RS ในปัจจุบัน แต่จากอัตราการเติบโตของธุรกิจนี้ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รวมไปถึงกำไรในช่วง 9 เดือนของปี 2560 ทำได้ถึง 222 ล้านบาท จากรายได้รวม 2,681 ล้านบาท หลังจากที่ขาดทุน 109 ล้านบาท ในปี 2559 ได้ส่งผลสะท้อนออกมาทางราคาหุ้นของ RS ค่อนข้างน่าสนใจ โดยราคา ณ สิ้นปี 2560 ขึ้นมาปิดที่ 27.75 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาที่ขยับขึ้นมาอย่างสูงเมื่อเทียบกับราคา ณ สิ้นปี 2559 ซึ่งปิดที่ราคา 7.80 บาท ส่งผลให้มาร์เก็ตแคปทะลุ 30,000 ล้านบาทไปเรียบร้อย

ธุรกิจความงาม

หุ้น DDD ครีมหอยทากโตสวยงาม

หากเอ่ยชื่อ บริษัท ดู เดย์ ดรีม จำกัด (มหาชน) หรือ DDD หากไม่ใช่คนที่สนใจลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ แต่ถ้าพูดถึง SNAILWHITE หรือครีมหอยทากที่สาว ๆ น่ารู้จักกันดี เป็นอีกหนึ่งหุ้นในกลุ่มธุรกิจความงามที่เข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์รายล่าสุด เมื่อปลายปี 2560 ที่ผ่านมา

หุ้น DDD เป็นหุ้นที่มีการพูดถึงเป็นอย่างยิ่งในช่วงที่ผ่านมา เพราะมีการเติบโตที่ค่อนข้างโดดเด่นตั้งแต่ก่อนเข้าตลาด โดยเริ่มจากการเป็นผู้รับจ้างผลิตผลิตภัณฑ์บำรุงผิวภายใต้เครื่องหมายการค้าอื่น (OEM) ให้แก่ลูกค้า จากนั้นในปี 2556 จึงตัดสินใจเริ่มทำแบรนด์ของ “SNAILWHITE” เป็นของตนเอง

และใช้เวลาเพียง 3 ปี เท่านั้น สินค้าก็ติดตลาดด้วยยอดขายเป็นอันดับ 1 กลุ่มสารสกัดจากเมือกหอยทาก และติด Top 3 สินค้าน่าซื้อในกรุงเทพฯ บนเว็บไซต์แนะนำการท่องเที่ยว Skyscanner อีกด้วย ซึ่งปัจจุบันมีสินค้าจำหน่าย 6 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกาย ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวกาย ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด และชุดของขวัญ (Gift Set)

ส่วนรายได้ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เติบโตอย่างต่อเนื่องโดยปี 2557 มีรายได้ รวม 438.1 ล้านบาท กำไรสุทธิ 27.5 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 6.3% ขณะที่ปี 2558 มีรายได้รวม 956.7 ล้านบาท กำไรสุทธิ 175.7 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 20.3% ส่วนปี 2559 มีรายได้รวม 1,204.8 ล้านบาท กำไรสุทธิ 328.0 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 27.8% และ 9 เดือนปี 2560 มีรายได้รวม 1,263.6 ล้านบาท กำไรสุทธิ 253.5 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 20.1%

แน่นอนว่าด้วยกำไรที่เติบโตอย่างโดดเด่น ส่งผลให้ราคาหุ้น DDD ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างน่าสนใจ จากราคา IPO 53 บาทต่อหุ้น พุ่งขึ้นไปสูงสุดถึง 116 บาทต่อหุ้น (ราคาปิด ณ วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2560) ด้วยกำไรที่สูงและสินค้าเป็นที่นิยม โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยปีละกว่า 10 ล้านคน และสินค้า SNAILWHITE มักจะเป็นตัวเลือกแรก ๆ ที่นักท่องเที่ยวจีนจะซื้อติดมือกลับบ้าน ย่อมทำให้รายได้ของบริษัทฯ เติบโตได้อย่างดี

ธุรกิจความงาม

อย่างไรก็ตาม นอกจากหุ้นที่เกี่ยวกับธุรกิจความงามทั้ง 4 ตัวแล้ว ยังมีหุ้นอีกหลายตัวอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ อาทิ บริษัท เอ็มพีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (MPG) จำหน่ายเครื่องสำอาง Stardust, Clouda และ Keira ซึ่งในอดีตคือบริษัทแมงป่องซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับสื่อบันเทิงนั่นเอง นอกจากนี้ ยังมีบริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (ICC) ซึ่งหนึ่งในธุรกิจหลัก คือค้าปลีกเครื่องสำอางที่สาว ๆ ส่วนใหญ่รู้จักดี อาทิ BSC, Pure Care และ SHEENE

จะเห็นได้ว่า ธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพและความงามเป็นเทนด์และโอกาสที่เปิดกว้างอีกมาก เห็นได้จากหลาย ๆ บริษัทได้ปรับเปลี่ยนธุรกิจ หรือแม้กระทั่งขยายธุรกิจไปสู่ตลาดดังกล่าวกันอย่างคึกคัก เพราะไม่ว่าเศรษฐกิจของประเทศจะซบเซา กำลังซื้อตกต่ำ แต่ธุรกิจความงามและสุขภาพยังไปได้ดี หุ้นธุรกิจเครื่องสำอางและสุขภาพ จึงอยู่ในความสนใจของนักลงทุน และยอมเก็บหุ้นเข้าพอร์ต แม้ราคาในปัจจุบันจะขยับขึ้นมาสูงมากก็ตาม เพราะนักลงทุนพร้อมที่จะซื้ออนาคต ที่เห็นว่าธุรกิจย่อมเติบโตล้อไปกับแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมสุขภาพและความงามนั่นเอง

อ่านตอนแรก หุ้นสวยกำไรงาม เทรนด์ความงามไม่เคยตกยุค