จากข่าวคราวข้อตกลงภูมิอากาศปารีสที่สร้างแรงกระเพื่อมให้ 195 ประเทศร่วมลงนาม กอบกู้วิกฤติโลกร้อน แม้จะเป็นผลดีต่อโลกก็ตาม แต่นักวิเคราะห์หลายสถาบันมองว่า นี่อาจเป็นข่าวร้ายของพลังงานฟอสซิล ซึ่งหมายถึงธุรกิจน้ำมัน ก๊าซ และถ่านหิน
หนังสือพิมพ์การ์เดียนวิเคราะห์ว่า ข้อตกลงภูมิอากาศปารีสแก้โลกร้อนจะมีผลให้อุตสาหกรรมพลังงานฟอสซิลกลายเป็นอุตสาหกรรมดาวร่วง เนื่องจากเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนแก่บรรดาผู้นำภาคธุรกิจ ว่าจะต้องหันไปหาพลังงานทางเลือก
ทั้งนี้ International inverter group on climate change ซึ่งเป็นกลุ่มกองทุนที่บริหารเงินทุน 13 ล้านล้านยูโร แถลงว่า ข้อตกลงที่ปารีสจะทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายการลงทุนจากเชื้อเพลิงฟอสซิลไปสู่พลังงานหมุนเวียน
กลุ่มนักลงทุนออกแถลงการณ์ว่า “นักลงทุนทั่วยุโรปมีความมั่นใจมากขึ้นว่า จะต้องทำอย่างไรกับสินทรัพย์ที่มีองค์ประกอบของคาร์บอนสูง และเพื่อหาโอกาสการลงทุนใหม่ ๆ ในสินทรัพย์คาร์บอนต่ำ ซึ่งกำลังเปลี่ยนแปลงระบบพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานของโลก”
มุมมองของ Jennifer Morgan จากกลุ่มนักวิเคราะห์ของสถาบัน World Resources Institute ให้สัมภาษณ์การ์เดียนว่า “เป้าระยะยาวของข้อตกลงนี้ เป็นการเปลี่ยนแปลง (การใช้พลังงาน) อย่างสิ้นเชิง ซึ่งเป็นสัญญาณที่ซัดเข้าสู่หัวใจของตลาดทุน”
ขณะที่สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานข่าวช่วงก่อนคริตส์มาสปีที่แล้วว่า มีการเคลื่อนย้ายเงินทุนเข้าสู่สินทรัพย์คาร์บอนต่ำแล้ว เมื่อหุ้นของธุรกิจที่ผลิตพลังงานหมุนเวียนทั่วโลกถีบตัวสูงขึ้น ขณะที่หุ้นของธุรกิจเหมืองถ่านหินลดต่ำลง
Thiemo Lang ผู้จัดการพอร์ตหุ้นของบริษัท Robeco Sam ที่เมืองซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ กล่าวว่า “ข้อตกลงที่ปารีส ช่วยเพิ่มพื้นฐานที่แข็งแกร่งให้กับหุ้นพลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังงานแสงอาทิตย์ ขณะที่เชื้อเพลิงฟอสซิลมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น”
รอยเตอร์ รายงานว่า หลังมีการประกาศความสำเร็จของข้อตกลงปารีสอย่างเป็นทาง ดัชนีกองทุนหุ้น แมคโกลเบิล โซลาร์ เอ็นเนอยี เพิ่มขึ้น 4.5%, กองทุนไอแชร์ โกลเบิล คลีน เอ็นเนอร์ยี เพิ่มขึ้น 1.4% ขณะที่ดัชนีหุ้นออย แอนด์ ก๊าซ ของสหรัฐอเมริกาลดลง 1%
สัญญาณที่เกิดขึ้นชี้ให้เห็นว่า ข้อตกลงปารีส เป็นข่าวร้ายของอุตสาหกรรมน้ำมัน ก๊าซ และถ่านหิน อย่างแน่นอน