เดินตามฝัน “ฟิล์ม รัฐภูมิ” กับอีกบทบาทใหม่ในธุรกิจมอเตอร์ไซค์ Moto Parilla

สิ่งที่น่าสนใจสำหรับการทำธุรกิจของ ฟิล์ม รัฐภูมิ หรือ รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ คือ Passion และก็ต้องยอมรับว่า ความมีชื่อเสียงของเขา ในฐานะอดีตซูเปอร์สตาร์ ยังทำให้เขาได้ไปต่อ

ในวัย 33 ปี ฟิล์มมาพร้อมกับประสบการณ์ในมุมของนักธุรกิจที่ถือว่า ประสบความสำเร็จพอสมควร และหนึ่งในประโยคที่น่าสนใจจากการสัมภาษณ์ “ฟิล์ม” ในวันเปิดตัวรถจักรยานยนต์ Moto Parilla ที่บอกว่า

“จาก Passion ที่อยากเห็นคนไทยได้ใช้ผลิตภัณฑ์และบริการคุณภาพดี ทำให้ทุกธุรกิจ รวมทั้งธุรกิจใหม่อย่าง Moto Parilla ถูกขับเคลื่อนภายใต้วิสัยทัศน์ที่ว่า ความมีระดับที่สัมผัสได้”

ได้ฟังดังนั้น เรายิงคำถามให้ฟิล์มว่า ทำไมจึงคิดว่า สินค้าตัวนี้จะได้รับการตอบรับจากแฟนๆ ของฟิล์ม หรือแม้แต่คนซื้อทั่วๆ ไป ฟิล์ม บอกว่า ด้วยความที่เป็นคนที่ชื่นชอบการลงทุนตั้งแต่เล็กๆ ทำให้ตัดสินใจเริ่มทำธุรกิจตัวแรกด้วยวัยเพียง 15 ปีเท่านั้น เรียกได้ว่า ทำธุรกิจเป็นตั้งแต่ก่อนเข้าวงการเลยก็ว่าได้ ซึ่งธุรกิจที่เลือกลงทุนมีหลากหลายธุรกิจ ตั้งแต่เสื้อผ้า ร้านอาหาร อสังหาริมทรัพย์ ความสวยความงาม ท่องเที่ยว แอพพลิเคชันและเทคโนโลยี และล่าสุดกับ รถจักรยานยนต์พรีเมียมคลาสสิก ยี่ห้อ Moto Parilla

“ถ้าเป็นเรื่องของธุรกิจส่วนตัว ผมทำมาแทบทุกธุรกิจ ตั้งแต่อายุ 15 เพราะเป็นเด็กที่ชอบลงทุนอยู่แล้ว จนจุดเริ่มต้นมาเป็นคนมีชื่อเสียง ถือว่ามาไกลเกินกว่าฝันมาก เพราะผมได้รับโอกาสจากแฟน ๆ ทั่วประเทศ ผมจึงมองว่า ถ้าผมจะทำอะไรที่เป็นธุรกิจ ผมจะทำสิ่งที่ดีที่สุดให้คนไทยใช้กัน”

จาก Passion ที่อยากเห็นคนไทยได้ใช้ผลิตภัณฑ์และบริการคุณภาพดี ทำให้ทุกธุรกิจ รวมทั้งธุรกิจใหม่อย่าง Moto Parilla ถูกขับเคลื่อนภายใต้วิสัยทัศน์ที่ว่า ความมีระดับที่สัมผัสได้

“สำหรับธุรกิจล่าสุดตอนนี้คือ รถจักรยานยนต์คลาสสิก Moto Parilla ซึ่งผมลงทุนกว่า 50 ล้านบาท ตั้งบริษัทฯ และโชว์รูม เพราะผมเชื่อว่า ไม่ว่าเด็กผู้ชายหรือผู้หญิงก็ต้องมีความฝันอยากมีมอเตอร์ไซค์สักคัน มันคือความฝันของเด็ก และมาจากแรงบันดาลใจส่วนตัวที่ชอบขับรถจักรยานยนต์อยู่แล้ว จนได้มีโอกาสพบเซโน่ ดีไซเนอร์ ชื่อดังเจ้าของแบรนด์ๆ นี้ และมีโอกาสคุยแนวทางการทำตลาดในเมืองไทยจนเขาตอบตกลง ซึ่งกว่าจะได้แบรนด์ Moto Parilla มาไว้ในพอร์ตก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะทุกขั้นตอนตั้งแต่การคุยธุรกิจกับเจ้าของแบรนด์ การเข้าไปดูโรงงานในทุกขั้นตอนการผลิต และการเฟ้นหาโรงงานประกอบในประเทศไทยให้ตรงกับสเปกที่แบรนด์แม่ตั้งเอาไว้ได้ ผมต้องลงแรงเข้าไปดูและศึกษาเองทุกขั้นตอนจึงมองว่า Moto Parilla สามารถตอบโจทย์ทั้ง คุณภาพ ดีไซน์และราคาที่จับต้องได้ ตรงตามคอนเซ็ปต์ที่ผมวางไว้”

และตลอดเวลาร่วมชั่วโมงที่เราคุยกับฟิล์ม สัมผัสได้จากความมุ่งมั่นที่อยากนำเสนอสินค้าที่ดี ในราคาที่เอื้อมถึง
ฟิล์มเล่าว่า “การเข้ามาของ Moto Parilla ครั้งนี้เป็นการพัฒนาแบรนด์ร่วมกัน เพราะ Moto Parilla อิตาลีเองก็ต้องการเข้ามาเปิดตลาดไทยอยู่แล้ว ส่วนตัวผมมองว่า ตลาดรถทั่ว ๆ ไปเริ่มนิ่ง แต่ตลาดรถที่เป็นทางเลือกใหม่ เช่น รถที่มีคาแร็กเตอร์มีสไตล์คลาสสิก หรือรถบิ๊กไบค์ กลับมียอดขายที่สวนทาง แสดงว่าตลาดปัจจุบันผู้ที่มีความสนใจในเรื่องของรถทางเลือก และที่ผมมั่นใจใน Products นี้ ไม่ใช่แค่รู้จักกับเจ้าของ แต่ผมยังไปดูถึงโรงงาน ดูการผลิต และดูโรงงานประกอบที่ได้รับการไว้วางใจจากแบรนด์อิตาลี เพราะฉะนั้นมันแทบไม่มีจุดไหนเลยที่เราไม่มั่นใจ”

 

สำหรับโมเดลธุรกิจและโรดแมปการตลาดระยะแรก ผมตั้งเป้าจำหน่ายปีแรกที่ 1,200 คัน และ 3,000 คัน ภายใน 2 ปี โดยในระยะแรกจะนำเข้าและประกอบจัดจำหน่าย 2 รุ่น คือขนาด 150 ซีซี รุ่นโมโนโทน สีล้วน และรุ่นท็อป ทูโทน ซึ่งหนุ่มฟิล์มตั้งชื่อว่า เรฟเวอโร่ 150 ในราคาแนะนำเริ่มต้นที่ 69,900 บาท โดยจะเป็นนำเข้าชิ้นส่วนรถมาประกอบที่โรงงานของเดอะ สตาเลียน และบริการหลังการขายแบบ 24 ชม. ทั้งในกรุงเทพและปริมนฑล รวมทั้งจำหน่ายชุดแต่งอะไหล่ต่าง ๆ นอกจากนี้ยังได้วางแพลนจัดกิจกรรมร่วมกับกลุ่มรถจักรยายนต์คลาสสิกเพื่อสร้าง Scooter Club อีกด้วย

“ในมุมองของผมการเป็นดาราไม่สามารถช่วยให้ธุรกิจเติบโตในระยะยาว ชื่อเสียงที่มีช่วยได้แค่ในระยะสั้น ๆ เท่านั้น แต่คนส่วนใหญ่จะวัดว่าเราเป็นตัวจริงเรื่องการบริหารหรือเปล่า ผมไม่ใช่เด็กหนุ่มที่ไม่เคยสร้างอะไรมาก่อน ผมทำธุรกิจมาตั้งแต่อายุ 15 จนถึง 33 เป็นธุรกิจขนาดใหญ่ทั้งสิ้น ดังนั้น ผู้บริโภคสามารถเชื่อใจในความเป็นผมได้ เชื่อมือว่าผมบริหารทุกอย่างมาเยอะมาก และการที่ผมรักมอเตอร์ไซค์ทำให้ผมรู้ว่าคนที่รักมอเตอร์ไซค์เขาต้องการอะไร”

ฟิล์ม ทิ้งท้ายคำพูดของเขาไว้อย่างน่าสนใจว่า “สิ่งที่ผมนำมาให้ใช้กันนั้น ไม่ใช่สิ่งหลอกลวง ไม่ใช่ของที่ไม่ดี เพราะประวัติผมไม่เคยเสียกับเรื่องนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างต้องดีที่สุดสำหรับคนไทยทั้งประเทศ ผมมองว่าธุรกิจนี้ผมทำยาว เพราะเราไม่ได้นำรุ่นนี้เข้ามารุ่นเดียว แต่เราเปิดตัวรุ่นนี้รุ่นเดียวก่อน ในอนาคตยังมีอีกหลายรุ่นรออยู่”

เวลาเท่านั้น จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า ฟิล์มจะไปไกลกว่านี้หรือไม่ เพราะคู่แข่งที่แข็งแกร่งอย่างฮอนด้า และยามาฮ่า ก็เร่งมือแย่งส่วนแบ่งการตลาดกันอย่างเต็มที่ด้วยเช่นกัน

 

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ Moto Parilla Thailand fanpage : https://www.facebook.com/MotoParillaTH/

 บริษัท โมโต พาริลล่า (ประเทศไทย) จำกัด