YLG ทองคำ ธีระพงค์ นววัฒนทรัพย์

ปั้น YLG ผงาดครองบัลลังก์ตลาดทองคำ

อายุไม่ใช่อุปสรรค ธีระพงค์ ปั้น YLG ผงาดครองบัลลังก์ตลาดทองคำ

18 ปีที่แล้ว ใครจะคาดคิดว่าเด็กหนุ่มที่เพิ่งจบไฮสคูลอย่าง ธีระพงค์ นววัฒนทรัพย์ จะสามารถนำพาแบรนด์น้องใหม่ “วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล” หรือ YLG แทรกตัวในตลาดทองคำได้สำเร็จ แต่ด้วยวิถีคิดที่แตกต่าง ทำให้เขาสามารถแจ้งเกิดแบรนด์ YLG ได้อย่างรวดเร็ว จนปัจจุบันผงาดขึ้นมาเป็นผู้นำเข้าและส่งออกทองคำแบบค้าส่งในไทย และยังคงเติบโตอย่างไม่หยุดนิ่งเพื่อนำพาแบรนด์ YLG ก้าวสู่แบรนด์ผู้ค้าทองคำระดับเอเชียต่อไป

แม้ว่าชื่อของ ธีระพงค์ จะไม่ใช่มือเก๋าในตลาดทองคำที่มีอายุเก่าแก่ แต่ก็จัดได้ว่าเป็นคลื่นลูกใหม่ของตลาดค้าทองคำที่เราไม่อาจละสายตาไปได้

เพราะเพียงปีแรกที่เปิดตัว YLG บริษัทสามารถทำยอดขายได้ถึง 1,000 ล้านบาท จากนั้นในปีที่ 2 และ 3 มีการเติบโตแบบก้าวกระโดดจนขึ้นมาเป็นอันดับ 3 ของประเทศ และปัจจุบันก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำเข้าและส่งออกทองคำแบบค้าส่งของประเทศ

YLG ทองคำ
ธีระพงค์ นววัฒนทรัพย์

ธีระพงค์ เล่าย้อนให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นของธุรกิจ YLG ว่า เกิดจากความตั้งใจของคุณพ่อและคุณแม่ (ธณัณพงษ์-พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์) ที่อยากจะขยายธุรกิจใหม่เพิ่มจากธุรกิจเครื่องประดับเพชรพลอยส่งออกที่ครอบครัวทำมายาวนานกว่า 20 ปี ในชื่อ บริษัท ยูหลิมโกลด์ แฟคตอรี่ จำกัด ประกอบกับพี่สาว (ฐิภา นววัฒนทรัพย์) เพิ่งเรียนจบและกำลังกลับมาเมืองไทย คุณแม่จึงให้พี่สาวเลือกว่าจะสานต่อธุรกิจเดิมของครอบครัวหรือทำธุรกิจใหม่

ในที่สุดพี่สาวของเขาขอเลือกที่จะทำธุรกิจใหม่ เพื่อทดลองว่าสิ่งที่ได้ร่ำเรียนมาเป็นอย่างไร ในปี 2546 บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จึงเกิดขึ้นเพื่อดำเนินธุรกิจนำเข้าและซื้อขายทองคำแท่งบริสุทธิ์ 99.99%

“ตอนนั้นผมเพิ่งจบไฮสคูล และกำลังจะไปศึกษาต่อ คุณแม่กับพี่สาวก็เรียกตัวผมกลับมาช่วยงานที่ YLG”

แม้จะคลุกคลีและเติบโตอยู่กับวงการจิวเวลรี่มาตั้งแต่เด็ก แต่ธีระพงค์บอกว่า เมื่อต้องเข้ามาทำธุรกิจทองคำเป็นครั้งแรก กลับไม่ง่าย เนื่องจาก YLG เป็นแบรนด์น้องใหม่ในตลาด ทำให้คนในวงการไม่รู้จัก อีกทั้งเมื่อพูดถึงการซื้อขายทองคำในสมัยนั้น คนส่วนใหญ่จะนึกถึงเยาวราช เมื่อผนวกกับความเป็นเด็กมาก ๆ การหาลูกค้าในช่วงแรกจึงค่อนข้างลำบาก

“ปีแรกเรามีพนักงานประมาณ 7 คน คอนเน็กชันในประเทศแทบไม่มีเลย ขณะที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ได้เข้ามาแตะมากนัก เพียงมีคอนเน็กชันกับกลุ่มสมาคมจิวเวลรี่ส่งออกมาให้บ้าง แต่พอทำไปสักพัก ก็เริ่มไม่พอ จึงต้องช่วยกันวิ่งไปหาลูกค้าเองตามเยาวราช ซึ่งเราค่อนข้างโชคดีที่ได้รับความเอ็นดูจากลูกค้า และคอยชี้แนะตลอด”

ส่งผลให้ในปีแรกที่จุดพลุในตลาด สามารถสร้างยอดขายได้ถึง 1,000 ล้านบาท จากนั้นปีที่ 2-3 ก็มีการเติบโตแบบก้าวกระโดดจนปัจจุบันสามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำเข้าและส่งออกทองคำแบบค้าส่งในไทย

YLG ทองคำ

ดังนั้น จึงน่าสนใจว่าอะไรที่ทำให้ YLG ประสบความสำเร็จและก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำได้อย่างรวดเร็ว ธีระพงค์ นววัฒนทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บอกกับเราอย่างภาคภูมิใจว่า ทั้งหมดเกิดจากแนวคิดการให้บริการที่แตกต่างกับลูกค้ามาอย่างต่อเนื่อง

“ด้วยความเป็นแบรนด์ใหม่ที่เข้ามาในตลาด เราจึงมุ่งมั่นในการให้บริการที่แตกต่างจากผู้ประกอบการทั่วไป ด้วยการบอกเทรนด์ พร้อมบทวิเคราะห์ราคาทองเพื่อให้ลูกค้าเปรียบเทียบได้ว่าจังหวะนี้ควรซื้อ ไม่ซื้อ จนได้ต้นทุนถูกลง กำไรมากขึ้น รวมถึงให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมพนักงานให้มีความรู้ที่แน่นพอและบริการลูกค้าด้วยใจ เนื่องจากสินค้าค่อนข้างมีมูลค่าสูง จึงทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นและประทับใจเมื่อเข้ามารับบริการกับเรา กระทั่งเกิดการบอกต่อปากต่อปากอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน”

ธีระพงค์ ย้ำถึงกุญแจสำคัญที่ขับเคลื่อน YLG ให้เติบโตและครองใจนักลงทุนมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับเสริมว่า นอกจากการให้บริการที่แตกต่างแล้ว อีกปัจจัยสำคัญยังมาจากการยึดมั่นในคำพูดกับลูกค้าเสมอ เพราะทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูง โดยคุณพ่อคุณแม่จะพูดเสมอตั้งแต่วันแรกในการดำเนินธุรกิจว่า “คำพูดคือทองคำสำหรับ YLG ดังนั้นคำพูดของเราก็คือมูลค่า”

นั่นจึงทำให้ YLG สามารถแทรกตัวในตลาดทองคำได้สำเร็จ จนปัจจุบันก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำเข้าและส่งออกทองคำแบบค้าส่งในประเทศไทย

YLG ทองคำ ธีระพงค์ นววัฒนทรัพย์

เมื่อถามถึงความพอใจกับผลตอบรับในวันนี้ ธีระพงค์ ยอมรับว่า “เกินคาดหมายมาก” แต่ถึงจะพอใจในผลตอบรับ ทว่าเขาไม่คิดหยุดนิ่งเพียงแค่นี้ เพราะโลกธุรกิจวันนี้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ทำให้ YLG ต้องปรับตัวให้รวดเร็วทันต่อเหตุการณ์หรือสถานการณ์ของสังคม พร้อมทั้งพยายามหาวิธีต่าง ๆ เพื่อพัฒนาองค์กรให้ดีและรวดเร็วที่สุด รวมถึงหาช่องว่างและโอกาสทางธุรกิจที่เราสามารถยืนอยู่ได้ในยุคสมัยที่เปลี่ยนไปโดยไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน

ดังนั้น YLG ในยุคต่อจากนี้ จึงเดินหน้าขยายช่องทางการขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น รวมถึงรุกพัฒนาโพรดักต์ใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดต่อเนื่อง เช่น นวัตกรรมแผ่นทองคำแท้ 99.99% ตามนักษัตร และเหรียญทองคำแท้ 99.99% ตามนักษัตร เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และความต้องการลูกค้ารุ่นใหม่โดยเฉพาะในกลุ่มคอร์ปอเรตให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

“เราไม่ได้หยุดอยู่แค่กลุ่มโฮลเซล และตลาดในประเทศ ปัจจุบันเรามีวายแอลจี พรีเชียล ซึ่งเป็นศูนย์รวมในการซื้อขายทองคำบนห้างสรรพสินค้า และยังเป็นสถานที่รับส่งทองอีกด้วย ปัจจุบันมี 3 สาขา และวางแผนจะขยายไปในต่างประเทศในรูปแบบแฟรนไชส์ รวมถึงมีวายแอลจี สิงคโปร์ ซึ่งดูแลภูมิภาคอาเซียนทั้งหมด เนื่องจากเราอยากจะ Expand ตลาดให้ครอบคลุม เพราะเรามุ่งหวังจะก้าวขึ้นเป็น 1 ในเอเชียในเรื่องการลงทุนทองคำให้ได้ภายใน 5 ปีจากนี้” ธีระพงค์ ย้ำท้ายถึงเป้าหมายของ YLG

แม้ว่าการโลดแล่นบนเวทีโลกจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่การไม่หยุดนิ่งในการคิดค้นนวัตกรรมและพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา ทำให้เรามั่นใจว่า เส้นทางนี้ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับ YLG และเชื่อว่าไม่นาน เราจะได้เห็นแบรนด์ผู้ค้าส่งทองคำสายพันธุ์ไทยผงาดบนเวทีระดับโลกอย่างเต็มภาคภูมิแน่นอน