เช็คลิสต์ 8 สัญญาณว่าคุณกำลังใช้ชีวิตแบบ ‘Work ไร้ Balance’

เชื่อว่าทุก ๆ คนต่างก็อยากมีวิถีชีวิตที่สามารถจัดสรรปันส่วนเวลาได้อย่างเหมาะสมด้วยกันทั้งสิ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว เมื่อเข้าสู่วัยทำงาน เราต่างก็มีเรื่องให้ต้องจัดการมากมาย ไม่ว่าจะเป็นภาระหน้าที่ในการทำงาน หรือเรื่องส่วนตัว จนหลาย ๆ ครั้งก็ไม่มีเวลามากพอที่จะออกไปทำในสิ่งที่อยากจะทำ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย, การท่องเที่ยว หรือการสังสรรค์กับเพื่อนฝูงและครอบครัว และโดยส่วนใหญ่แล้วก็เป็นผลต่อเนื่องมาจากการทำงานที่ไม่ ‘Balance’ ด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเพราะวัฒนธรรมองค์กร หรือพฤติกรรมส่วนตัวก็ตาม

โดยในวันนี้ Business+ ได้นำเช็คลิสต์ 8 สัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่าคุณกำลังใช้ชีวิตแบบ ‘Work ไร้ Balance’ เพื่อให้คุณได้ลองสำรวจว่ากำลังมีพฤติกรรมเหล่านี้หรือไม่

1. ไม่สามารถหยุดคิดเรื่องงานได้แม้ในตอนที่ไม่ได้ทำงาน โดยผู้ที่ไม่สามารถขีดเส้นแบ่งระหว่างเรื่องงานและชีวิตส่วนตัวมีความเสี่ยงสูงที่จะมีภาวะหมดไฟ

2. ความสัมพันธ์ทั้งในและนอกที่ทำงานเริ่มมีปัญหา อาทิ รู้สึกหงุดหงิดง่ายกับเพื่อนร่วมงาน, ห่างเหินกับคนรัก

3. รู้สึกไม่สบายกาย ไม่สบายใจ อาทิเช่น มีอาการปวดเมื่อยโดยไม่ทราบสาเหตุ, รู้สึกเหมือนไม่ค่อยมีแรง หรือโฟกัสในสิ่งที่ทำได้ยากเมื่ออยู่ที่ทำงาน

4. รู้สึกว่าทุกอย่างดูไม่น่าสนใจหรือไม่สำคัญ โดยมักเกิดขึ้นในวันที่ไม่ได้ทำงาน ทำให้รู้สึกว่าทุกอย่างรอบตัวดูไม่น่าสนใจหรือไม่สำคัญไปเสียหมด ไม่รู้สึกอยากทำอะไรเลยนอกเหนือจากสิ่งที่จำเป็นต้องทำ และมักจะปฏิเสธคำเชิญจากเพื่อนฝูงในการนัดพบปะสังสรรค์อยู่เสมอ และแยกตัวเองออกจากเพื่อนมากขึ้น

5. ใช้เงินจำนวนมากเพื่อจัดการปัญหาส่วนตัว เช่น ค่าซักเสื้อผ้า, การจ้างแม่บ้านทำความสะอาดบ้าน เพราะไม่มีเวลาในการจัดการสิ่งเหล่านี้ด้วยตัวเอง หรือแม้แต่การซื้อของให้กับคนรอบตัวเพื่อชดเชยที่ไม่มีเวลาให้

6. ไม่มีเวลาสำหรับการพักผ่อน ไม่ว่าจะเป็นในวันที่เจ็บป่วย, การท่องเที่ยวเพื่อการผ่อนคลาย หรือแม้แต่จัดการธุระส่วนตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ และในบางคนอาจถึงขั้นจำไม่ได้แม้กระทั่งว่าวันหยุดพักผ่อนครั้งล่าสุดคือเมื่อไหร่ ยิ่งกว่านั้นคือการไม่มีแผนใด ๆ ที่จะทำด้วยซ้ำ

7. มองไม่เห็นภาพว่าจะทำอะไรต่อไปในอนาคต โดยไม่สามารถจินตนาการถึงสิ่งที่จะทำไปตลอดชีวิตได้ แม้ว่าในปัจจุบันจะกำลังทำงานในสายงานหรือในบริษัทที่ชอบ แต่ก็ยังไม่สามารถเห็นภาพสิ่งที่ตัวเองจะทำต่อไปในระยะยาวได้

8. มักมีความรู้สึกว่าควรทำอย่างอื่นมากกว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่ อย่างเช่น อาจจะรู้สึกว่าควรเอาเวลาที่ได้พักผ่อนไปทำงานมากกว่า ทั้ง ๆ ที่เป็นวันหยุด ซึ่งความคิดแบบนี้จะส่งผลให้ไม่สามารถนำเรื่องงานออกจากเรื่องส่วนตัวได้ และอาจทำให้หลงลืมไปว่าควรมีแวลาให้ตัวเองได้ทำสิ่งต่าง ๆ นอกเหนือจากการทำงาน

และนี่เป็นเพียงเช็คลิสต์เบื้องต้นเท่านั้น ซึ่งอาจจะมีพฤติกรรมบางอย่างที่แตกต่างออกไปในแต่ละบุคคล อย่างไรก็ดี แม้ว่าพฤติกรรมบางอย่างอาจจะไม่ตรงกับเช็คลิสต์นี้ แต่เมื่อลองคิดทบทวนดูแล้วพบว่าคุณกำลังใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำงานมากกว่าเรื่องอื่น ๆ ในชีวิต หรือรู้สึกว่าการทำงานกำลังทำร้ายทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ อาจวางแผนบริหารจัดการเวลาให้เหมาะสมยิ่งขึ้น และปล่อยให้ตัวเองได้ใช้ชีวิตครบในทุก ๆ ด้าน มากกว่าแค่การทำงานเพียงอย่างเดียว

เพราะท้ายที่สุดแล้ว การแบ่งเวลาอย่างเหมาะสมในแต่ละส่วนของชีวิต เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากผลกระทบที่ตามมาจากการบริหารจัดการเวลาที่ไม่หมาะสม ไม่ได้ส่งผลกระทบเพียงแค่การทำกิจกรรมอื่น ๆ ในชีวิตประจำวันเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบมากมาย ไม่ว่าจะเป็นทั้งทางด้านร่างกาย ที่สุขภาพอาจจะทรุดโทรมลงไปจากการโหมงานอย่างหนักและขาดการดูแลที่เหมาะสม หรือทางด้านจิตใจที่อาจจะทำให้สุขภาพจิตย่ำแย่ลงจากการที่ไม่สามารถหยุดคิดเรื่องงานได้ และไม่ได้รับการเยียวยาจากกิจกรรมอื่น ๆ ตามที่ควรจะเป็น ดังนั้น การหาจุดตรงกลางให้กับการทำงาน และเรื่องส่วนตัว เพื่อให้ร่างกายและจิตใจได้รับการพักผ่อนและเยียวยา อาจเป็นทางออกที่เหมาะสมที่สุด

ทั้งนี้ กรมสุขภาพจิต เปิดเผยตัวเลขการพยากรณ์สถิติปัญหาสุขภาพจิตของประชาชนประจำเดือนมีนาคม 2565 พบว่า คนไทยเครียดสูงขึ้น 2.1 เท่า, ซึมเศร้าพุ่ง 4.8 เท่า, เสี่ยงฆ่าตัวตายเพิ่ม 5.9 เท่า และภาวะหมดไฟขยับสูงถึง 9.7 เท่า เมื่อเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ปีเดียวกัน

ที่มา : betterup, กรมสุขภาพจิต

 

เขียนและเรียบเรียง : เพชรรัตน์ แสงมณี

 

ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.thebusinessplus.com/

Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS

IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.thailand/

#Businessplus #Business+ #นิตยสารBusinessplus #Workไร้Balance #WorkLifeBalance #การทำงาน #ชีวิตการทำงาน #มนุษย์เงินเดือน #ทำงานหนัก