Warren Buffett ผู้ที่เคยตั้งคำถามเกี่ยวกับ การวัดผลสำเร็จในชีวิตว่าอะไรเป็นตัวแปรที่บอกเราว่าคนไหนประสบความสำเร็จ? โดยวัดจากจากตัวเงินในบัญชี หรือการอยู่ในตำแหน่งระดับสูงในองค์กรหรือไม่
ในชีวิตเราคงจะเคยเห็นหลายคนที่มีชีวิตร่ำรวย และพวกเขาเหล่านั้นได้รับการปฏิบัติจากคนอื่นอย่างดี แต่ความจริงก็คือ ถึงแม้ว่าจะเป็นอย่างนั้นแต่ก็ไม่สามารถวัดความสำเร็จของเขาได้อย่างแท้จริง เพราะมีอยู่สิ่งหนึ่งที่หลายคนมักละเลย ไม่นำมาตีค่าวัดเป็นความสำเร็จ คือ ‘ความรัก’ ที่จะช่วยให้ชีวิตคุณสมบูรณ์ในทุกมิติ
ปัญหาเกี่ยวกับความรัก คือคุณไม่สามารถซื้อได้ด้วยเงิน ถึงแม้ว่าเงินจะสามารถเนรมิตรทุกอย่างในชีวิต จะเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนที่จะเดินไปบอกใครก็ตามว่า “ฉันจะซื้อความรักด้วยเงินมูลค่านับล้านบาท”
สังคมกลายเป็นแหล่งสร้างปัญหาให้แก่ชีวิต เมื่อทุกคนพยายามแข่งขันที่จะ “เอาชนะ” ถึงแม้ว่าจะต้องเสียเงิน หรือแลกมากลับการทำงานหนักจนเกินไป เพื่อแลกกับสิ่งที่ดีที่สุดในชิวีต จนกระทั่งตลอดชีวิตเราไม่เป็นตัวเอง ไม่รู้ว่าชีวิตต้องการอะไร เพราะถูกหล่อหลอมให้เป็นไปตามบรรทัดฐานที่สังคมสร้างขึ้น และหลงลืมความอกเห็นใจ ความกตัญญูและความเคารพผู้อื่น เราจึงพบเห็นว่าหลายคนที่ประสบความสำเร็จกลับอยู่อย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางผู้คนรายล้อม และไม่พบความสุขในชีวิตเสียเลย
กล่าวอีกนัยหนึ่งเราลืมไปว่าความรักเป็นอย่างไร?
Buffett เคยกล่าวไว้ว่า “เราไม่สามารถอยู่ในตำแหน่งที่จะได้รับความรัก ถ้าพวกเขาไม่เต็มใจที่จะวางตัวเองในตำแหน่งที่จะได้มันมา”
เมื่อพิจารณาคำพูดของ Buffett จะพบว่าหากต้องการให้ผู้อื่นแสดงความรักต่อเรา เราจะต้องอยู่ในตำแหน่ง “ผู้ที่สมควร” ได้รับความรักก่อน ดังนั้น มาดูกันดีกว่าหากต้องการเป็นอย่างที่กล่าวมานั้น จะต้องแสดงออกแบบไหน เพื่อให้ความสำเร็จในชีวิตเกิดขึ้ยอย่างแท้จริง
1. รักงาน
“ในโลกของธุรกิจคนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคือ คนที่กำลังทำในสิ่งที่พวกเขารัก”
เราเคยคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้างหรือไม่?
การวิจัยชี้ว่า การทำในสิ่งที่เรารักเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความสุขให้กับมนุษย์ นักปรัชญาและแพทย์ชื่อดังระดับโลก Albert Schweitzer เคยกล่าวไว้ว่า
“ความสำเร็จไม่ใช่กุญแจสู่ความสุข แต่ความสุข คือ กุญแจสู่ความสำเร็จ ถ้าคุณรักสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่คุณจะประสบความสำเร็จได้”
2. รักลูกค้า
ตัวอย่างล่าสุดของการแสดงออกถึงความเอาใจใส่ลูกค้าเป็นอย่างดี คือ CEO ของ Raken อย่าง Kyle Slager ซึ่งเป็นผู้สร้างแอพพลิเคชั่น สำหรับการจัดทำรีพอร์ต และซอฟต์แวร์การจัดการที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการก่อสร้าง
เขาได้แสดงให้เห็นถึงการให้คุณค่ามากกว่าผู้แข่งอื่นในตลาด ทั้งนี้ Slager และทีมงาน ได้เรียนรู้ถึงความเอาใจใส่ และเข้าใจลูกค้าในระดับที่ที่ลึกซึ้งกว่าที่เคยมีมาก่อน ซึ่งหมายถึงการใช้เวลากับลูกค้ามากขึ้น และสร้างความสัมพันธ์ที่มีความซื่อสัตย์ กับตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า
ผลที่ตามมาจากความให้ความสำคัญแก่ลูกค้าของ Raken กลายเป็นภารกิจหลักของธุรกิจ “เพื่อสร้างโซลูชั่นที่ง่ายและรวดเร็วที่สุดสำหรับการใช้งานด้านการก่อสร้าง”
ซึ่งบริษัทส่วนใหญ่ในอุตสาหกรรมการก่อสร้างกลับล้มเหลว เพราะพวกเขาให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตนมากกว่าการให้คุณค่าที่แท้จริง
ทั้งนี้ จะแสดงให้เห็นว่า ถ้าหากธุรกิจมุ่งเน้นแต่ผลิตภัณฑ์มากกว่าลูกค้าจะส่งผลให้คามสำเร็จเป็นไปอย่างลำบาก ไม่ว่าจะเป็นตลาดใด ๆ ก็ตาม
3. รักพนักงาน
การรักพนักงานและเอาใจใส่พวกเขาเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในการแสดงคุณค่าของในฐานะมนุษย์ มันจะขจัดอุปสรรคออกจากเส้นทางที่จะช่วยให้ประสบความสำเร็จทำให้พนักงานมีโอกาสที่จะทำสิ่งที่พวกเขาทำได้ดีที่สุดทุกวันและสร้างความสำเร็จให้กับพวกเขา
กลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมสำหรับการมอบความรักแก่พนักงาน คือ การมอบหมายงานที่มีความหมายและวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน ใน Give and Take โดยศาสตราจารย์ Adam Grant ของ Wharton กล่าวว่า
“การวิจัยพบว่าเมื่อผู้คนพบว่ามีจุดประสงค์ในการทำงานของพวกเขาจะช่วยเพิ่มความสุขให้กับคนคนนั้นได้ มันยังช่วยทำให้พวกเขากลายเป็นมืออาชีพได้ในอนาคต”
ซึ่งหากคุณเป็นพนักงานที่กำลังประสบปัญหาการไม่มีจุดมุ่งหมายในการทำงาน หรือหัวหน้าไม่ได้มอบหมายเป้าหมายให้แก่คุณ เหตุการณ์ดังกล่าวจะส่งผลให้ความสำเร็จเกิดขึ้นอย่างล้าช้า อีกทั้งคุณอาจไม่มีความสุขอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ทั้ง 3 ข้อที่เสนอมานั้น เราควรแสดงออกให้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ทั้งที่ทำงานและในธุรกิจ ซึ่งจะเป็นวิธีที่เราจะกลายเป็นผู้นำที่ดี อันส่งผลต่อทีมเวิร์ค หรือแม้กระทั่งหากเราต้องการเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นด้วยเช่นกัน ดังนั้น หากเราแสดงออกด้วยความรักอย่างเปิดเผย จะช่วยสร้างคุณค่าต่อธุรกิจ อันนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมในที่สุด