เทรนด์เปลี่ยน คนไม่รอแก่! เริ่มปลูกผมตั้งแต่อายุน้อย
หนึ่งในเทรนด์ธุรกิจที่กำลังมาแรงอย่างมากตอนนี้ก็คงหนีไม่พ้น “ธุรกิจปลูกผม” ซึ่งสะท้อนให้เห็นได้จากมูลค่าตลาดปลูกผมทั่วโลก ที่มีมูลค่ามากถึง 3.9 แสนล้านบาทในปี 2024 และยังมีแนวโน้มจะเติบโตไปอีกจนถึงระดับ 1.5 ล้านล้านบาท ภายในปี 2033 (ข้อมูลจากเว็บไซต์ Research and Markets)
สำหรับหลายคนอาจติดภาพจำว่า การปลูกผมเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับคนอายุมาก หรือคนวัยตั้งแต่ 30 ปลาย ๆ ขึ้นไป ที่เมื่อเริ่มผมบาง ก็ถึงจะเริ่มเข้ามารักษาอาการกับแพทย์ แต่รู้หรือไม่ว่า ในปัจจุบันการปลูกผมได้ขยับขึ้นมาเป็น “ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม” ที่คนรุ่นใหม่เริ่มเข้ามาใช้บริการมากขึ้นตั้งแต่อายุยังน้อย
เทรนด์การปลูกผมตั้งแต่อายุยังน้อยนี้สะท้อนให้เห็นได้ในยุโรปที่เกิดอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ ที่ผู้ชายวัยรุ่นมักจะเดินทางไปเมืองอื่นเพื่อปลูกผมโดยเฉพาะ โดยเทรนด์ใหม่นี้มีชื่อเรียกว่า “Baldness Tourism” หรือ การท่องเที่ยวสำหรับคนหัวโล้น
ซึ่งจุดหมายปลายทางยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวมักเดินทางไปปลูกผมได้แก่ ประเทศตุรกี ที่มีค่าใช้จ่ายในการปลูกผมที่ถูกกว่าประเทศเพื่อนบ้าน อีกทั้งรัฐบาลตุรกียังมีมาตรการหลายอย่างเพื่อกระตุ้นอุตสาหกรรมปลูกผม
ธุรกิจปลูกผมไม่ใช่แค่ ‘การรักษา’ แต่กลายเป็น ‘การเสริมสวย’ ลูกค้าในไทยอายุน้อยสุดคือ 16 ปี
เทรนด์ดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นที่ฝั่งตะวันตกเท่านั้น โดยผู้บริโภคชาวไทยจำนวนมาก ที่อายุยังไม่เกิน 30 ปี ก็เริ่มหันมาสนใจเรื่องการปลูกผมเช่นกัน โดยเฉพาะกับกลุ่มคนที่ต้องใช้รูปร่างหน้าตา และบุคลิกในการทำงาน อย่างเช่น อาชีพนักแสดง นางแบบ ผู้ประกาศ หรือแม้กระทั่งผู้บริหารระดับสูงที่ต้องอาศัยภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือ ซึ่งแน่นอนว่ากลุ่มลูกค้าเหล่านี้ล้วนแต่เป็นลูกค้าคุณภาพที่หลายแบรนด์ต้องการ เพราะมีความสามารถในการใช้จ่ายสูง หากแบรนด์ปลูกผมสามารถตอบสนองสิ่งที่ลูกค้าต้องการได้ก็จะเป็นการขยาย Segment Target เพิ่ม และยังเป็นการกระจายความเสี่ยงไปยังกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ไม่ต้องพึ่งพารายได้จากกลุ่มลูกค้าที่มีอายุ และต้องการปลูกผมเพื่อรักษาเพียงอย่างเดียว
เทรนด์การปลูกผมเพื่อความงามนี้ เห็นได้ชัดโดยเฉพาะกับผู้เล่นในตลาดปลูกผมแบบพรีเมียมของประเทศไทย โดยเฉพาะ Vdesign Clinic ในเครือโรงพยาบาลวิภาวดี ซึ่งเป็นคลินิกแห่งแรก ๆ ที่ได้พัฒนาเทคโนโลยีการบำรุงรักษาผมด้วยเกล็ดเลือดหรือเซลล์รากผม อีกทั้งยังนำเข้าการปลูกผมแบบไร้รอยแผลจากเกาหลีใต้เข้ามายังประเทศไทย
โดยนวัตกรรมการปลูกผมแบบไร้รอยแผล จะแตกต่างกับเทคนิคการปลูกผมแบบเดิมที่ต้องมีการโกนผมหรือวางยาสลบคนไข้ จึงส่งผลให้ต้องมีการพักฟื้นและห้ามสระผมเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่นวัตกรรมใหม่ดังกล่าวจะไม่ต้องให้ลูกค้าโกนผมหรือวางยาสลบลูกค้าแต่อย่างใด ส่งผลให้ลูกค้าสามารถเดินเข้ามาปลูกผมตอนเช้า แล้วกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ รวมทั้งสระผมใหม่ ภายในวันเดียวกันกับที่ปลูกผมได้เลย และยังสามารถปลูกผมในบริเวณหน้าผาก หรือปรับแนว Hair line เพื่อให้รูปหน้าได้สัดส่วนมากขึ้น จากเทคโนโลยีของธุรกิจปลูกผมที่พัฒนามาจนถึงขั้นนี้ จึงทำให้การปลูกผมแบบใหม่นี้เป็นการ ‘เสริมสวย’ มากกว่า ‘การรักษา’
ซึ่งทาง Business+ ได้สัมภาษณ์กับพญ.กชมล มโนนุกุล ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางสาขาโรคเส้นผม และการผ่าตัดปลูกถ่ายเส้นผม และคุณณัชชา กิจจริยภูมิ ผู้บริหารและผู้ก่อตั้ง Vdesign Clinic
โดยพบว่าจุดเริ่มต้นของคลินิกต้องย้อนกลับไปปี 2016 ในขณะนั้นคุณณัชชาได้เล็งเห็นว่า เวลาอยากจะใช้บริการเสริมความงาม คนส่วนใหญ่ก็จะไปเข้าคลินิกที่อยู่ตามห้างมากกว่าการเดินทางมาโรงพยาบาล ประกอบกับการที่คลินิกเสริมความงามที่ให้บริการปลูกผมโดยเฉพาะยังมีผู้เล่นน้อยรายอยู่ โดยปัจจุบันมีคลินิกปลูกผมเฉพาะทางอยู่เพียงแค่ประมาณ 100 แห่งทั่วประเทศเท่านั้น
คุณณัชชาจึงเล็งเห็นช่องวางตรงนี้ และเปิดบริการ Vdesign Clinic ขึ้นมา เพื่อขายจุดแข็งว่าเป็นคลินิกที่เชี่ยวชาญด้านการปลูกผม และมีมาตรฐานระดับโรงพยาบาล เพราะอยู่ในเครือโรงพยาบาลวิภาวดี โดยหนึ่งในกลุ่มลูกค้าที่สำคัญของบริการปลูกผมในช่วงเริ่มต้นของการให้บริการนั้น คือกลุ่มลูกค้าที่เริ่มอายุสูง และเส้นผมเริ่มบางจนนำไปสู่อาการหัวโล้น
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันการแข่งขันในธุรกิจปลูกผมเริ่มสูงขึ้น มีผู้เล่นเข้าสู่ตลาดจำนวนมากขึ้น และมีการแข่งขันด้านราคาที่ดุเดือด จึงทำให้ Vdesign Clinic ต้องมองหาการต่อยอดทางธุรกิจเพื่อการเติบโตในอนาคต ซึ่งประเด็นนี้ พญ.กชมล กล่าวว่า ปัจจุบัน ผู้บริโภคมองว่าเส้นผมเป็นหนึ่งในคุณลักษณะที่ช่วยส่งเสริมความงามของใบหน้าได้ ทางคลินิกจึงได้เปิดตลาดไปสู่คนอายุน้อย โดยให้บริการช่วยเพิ่มระดับแฮร์ไลน์ให้ลูกค้าที่เส้นผมบริเวณหน้าผากน้อย หรือแนวเส้นผมสูงจนทำให้หน้าผากกว้างและลึก
โดยปัจจุบัน อายุโดยเฉลี่ยของลูกค้าที่เข้ารับบริการปลูกผมกับทางคลินิกที่อยู่เพียงแค่ 30 ปี ในขณะที่ลูกค้าอายุน้อยที่สุดของทางคลินิกคือวัย 16 ปี เท่านั้น
ซึ่งการที่คนรุ่นใหม่หันมาดูแลเส้นผมตัวเองแบบนี้ บริการเกี่ยวกับเส้นผมในอนาคตก็ย่อมมีแนวโน้มจะหันเหไปสู่บริการเพื่อการป้องกันการร่วงหลุดของเส้นผม มากกว่าบริการฟื้นฟูเส้นผมที่ร่วงหล่นไปแล้วอย่างในปัจจุบัน
“การดูแลผมเหมือนดูแลหน้า ไม่ได้รอมีปัญหา เป็นการดูแลประจำเดือน และคิดว่าเทรนด์จะเป็นแบบนี้ต่อไปจนการปลูกผมก็เกือบจะเข้ามาเป็นปัจจัยที่ 6” คุณณัชชากล่าว
จะเห็นได้ว่า Vdesign Clinic เริ่มต้นสร้างแบรนด์ด้วยการใช้มาตรฐานระดับสูง ทั้งทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และการให้บริการระดับโรงพยาบาล แต่การจะประสบความสำเร็จในตลาดที่มีการแข่งขันด้านราคาสูงในปัจจุบันนั้น ต้องอาศัยการมองหา Unique Selling Point ซึ่ง Vdesign Clinic มองว่าเทรนด์การดูแลผมตั้งแต่ระยะเริ่มต้น รวมไปถึงการปลูกผมเพื่อความงามนั้น เป็นหนึ่งใน S-curve ที่จะทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
ที่มา : Research and Markets, Vdesign Clinic
เขียนและเรียบเรียง : พรบวร จิรภัทร์วงศ์
ติดตามผ่าน TikTok ได้ที่ : https://www.tiktok.com/@thebusinessplus
Line Business+ : https://lin.ee/pbIHCuS