true

บริษัทควบรวม ‘TRUE+DTAC’ ซื้อขายวันแรก ต่ำเกินราคาที่ควรจะเป็นเกือบ 25% แม้การ Synergy แบบ “2 จะดีกว่า 1”

หลังจากที่ 2 ค่ายเครือข่ายโทรศัพท์มือถือที่เป็นเบอร์ 2 และเบอร์ 3 ของประเทศไทยอย่าง บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) และบมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUEE) ได้ทำการควบบริษัทกันเป็นที่เรียบร้อยไปในวันที่ 1 มี.ค.2566 และในวันนี้ (3 มี.ค.) ก็เป็นวันแรกที่หุ้น บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) ที่เกิดจากการควบรวมใหม่เข้าทำการซื้อขายในตลาดหุ้น โดยที่หุ้นเก่าอย่าง DTAC และ TRUEE ได้ถูกตลาดหลักทรัพย์ฯ (ตลท.) ทำการเพิกถอนออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน และรับหลักทรัพย์ของ TRUE เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ แทน

โดยที่วันนี้หุ้นใหม่ คือ TRUE จะเข้าซื้อขายจึงไม่ถูก ตลท.กำหนดราคาซื้อขายสูงสุดและต่ำสุด (Ceiling & Floor) ของหุ้นสามัญ TRUE แต่หากเราคำนวณราคาหุ้นใหม่ด้วยการอ้างอิงการอัตราการจัดสรรหุ้นใหม่ที่กำหนดของทั้ง TRUEE และ DTAC (Swap Ratio) เท่ากับราคาหุ้นใหม่ควรจะเปิดที่ 8.51 บาท (คำนวณจากราคาปิดวันที่ 17 ก.พ.2566) โดยมีการกำหนดอัตราส่วนการแลกหุ้นใหม่ ดังนี้ 1 หุ้นเดิมของ TRUEE เท่ากับ 0.60018 หุ้น TRUE ใหม่ และ 1 หุ้น DTAC เท่ากับ 6.13444 หุ้น TRUE ใหม่

อย่างไรก็ตาม การคำนวณจากอัตราจัดสรรอาจยังไม่สะท้อนผลการดำเนินงาน และประโยชน์ทางธุรกิจที่บริษัทใหม่จะได้รับหลังจากการ Synergy ของทั้ง 2 บริษัท ซึ่งราคาหุ้นที่ควรจะเป็นก็จะถูกคาดการณ์บนอัตราการทำกำไร แนวโน้มธุรกิจ ซึ่งนักวิเคราะห์หลายสถาบันต่างมองตรงกันว่าราคาหุ้นที่เหมาะสมอยู่ที่ระดับ 10.40 บาท ซึ่งคำนวณจากสินทรัพย์ หนี้สิน อัตราการทำกำไร และแนวโน้มการขยายธุรกิจ

โดย บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) แนะนำซื้อ TRUE โดยให้ราคาเหมาะสมของปี 2566 อยู่ที่ 10.40 บาท โดยคาดว่ากำไรปกติของ TRUE ในปี 2566 จะอยู่ที่ระดับ 3.5 พันล้านบาท และปี 2568 จะแตะระดับ 1.4 หมื่นล้านบาท ด้าน บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง มองว่าราคาเป้าหมายของหุ้นใหม่ TRUE อยู่ที่ 10.40 บาท และมองว่าราคาแรกของหุ้นใหม่จะอยู่ที่ 8.51 บาท โดยใช้การคำนวณจากราคาปิดวันที่ 17 ก.พ.2566

ซึ่งในมุมมองของเราแล้ว การควบรวมและตั้งเป็นบริษัทใหม่ก็จะทำให้เกิดประโยชน์ในแง่ของต้นทุนโครงข่ายที่จะสามารถนำมาใช้ร่วมกันได้ ขณะที่ต้นทุนผันแปรก็จะช่วยให้สามารถบริหารจัดการได้ดียิ่งขึ้น และการรวมฐานลูกค้าเข้าด้วยกันก็จะส่งผลดีต่อการขยายและต่อยอดผลิตภัณฑ์ที่อีกฝ่ายไม่มี เช่น กล่องสัญญาณทีวี บรอดแบนด์ของ TRUE ซึ่งสามารถให้บริการในกลุ่มลูกค้า DTAC ได้ และสิ่งที่เห็นชัดเจนที่สุดคือ ส่วนแบ่งทางการตลาดกลุ่มโทรคมนาคม (Market share) ประมาณ 54%

แต่ถึงแม้การควบรวมนี้จะส่งผลดีต่อทั้ง 2 บริษัทก็ตาม แต่ว่าจะเห็นว่าราคาที่เหมาะสมของหุ้นใหม่ที่นักวิเคราะห์มองเอาไว้คือ 10.40 บาท ดังนั้น การเปิดซื้อขายของหุ้น TRUE เช้านี้ที่ราคา 8.35 อาจจะต่ำกว่าราคาที่เหมาะสมถึง 2.15 บาท คิดเป็นประมาณ 24.55% ซึ่งส่วนหนึ่งคาดการณ์ว่าเกิดจากความกังวลที่ยังมีคำถามเกี่ยวกับเงื่อนไขการรวมลูกค้า การปรับราคา หรือแม้กระทั่งการขยายเสาสัญญาน

อีกประเด็นที่ต้องจับตาคือ เมื่อหันไปมองเจ้าตลาดอย่าง AIS ที่ยังมีฐานลูกค้าหนาแน่น และมีจุดแข็งคือความครอบคลุมของเครือข่าย ก็ยังถือว่าเป็นคู่แข่งที่ท้าชนได้ยาก นอกจากนี้เมื่อมองในมุมของอินเตอร์เนตบ้านแล้ว AIS ก็ได้หันมารุกบรอดแบนด์เต็มที่แล้วเหมือนกัน หลังจากก่อนหน้านี้บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ประกาศข่าวเข้าซื้อหุ้นบริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) ที่รู้จักกันดีกับอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์ TTTBB หรือเน็ตบ้าน 3BB กว่า 99.87% เพื่อนำไปสู่เป้าหมายขึ้นมาเป็นผู้เล่นติดท็อป 3 ของอินเทอร์เน็ตบ้านที่ตอนนี้ TRUEE เป็นเจ้าตลาดอันดับ 1 อยู่ ซึ่งจะทำให้ธุรกิจบรอดแบนด์บ้านเราเกิดการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในอนาคต

หากใครอยากอ่านประเด็นการควบรวมกิจการนี้ในมุมของทางเศรษฐศาสตร์ สามารถเข้าไปย้อนอ่านบทความที่ ‘Business+’ ได้เคยวิเคราะห์เอาไว้ได้ที่คอนเทนต์ https://www.thebusinessplus.com/truedtac11/,  และคอนเทนต์ https://www.thebusinessplus.com/ais-24/

เขียนและเรียบเรียง : พรรณรุ้ง คุ้มพงษ์พันธ์

ข้อมูล : SET ,บล.บัวหลวง , บล.หยวนต้า

ติดตาม Business+ ได้ที่ thebusinessplus.com

Line Business+ ได้ที่ https://lin.ee/pbIHCuS

#Businessplus #Business+ #นิตยสารBusinessplus #SET #TRUE #DTAC #AIS