จุดเริ่มต้นของสงครามการค้า (Trade War) คือการที่สหรัฐฯ เกิดภาวะ “ขาดดุลการค้า” สูงที่สุดในโลกมาอย่างยาวนาน และยิ่งสหรัฐฯกำลังเผชิญกับเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงในช่วงหลายปี จึงทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ หันมาตั้งกำแพงภาษีกับประเทศคู่ค้าทั่วโลก หวังช่วยลดการขาดดุลการค้า โดยเฉพาะกับจีนซึ่งเป็นประเทศที่สหรัฐฯ ขาดดุลการค้ามากที่สุด
ซึ่งการตั้งกำแพงภาษีกับประเทศอื่นตั้งแต่ยุคสมัยที่ ‘ทรัมป์’ ทำ Trade war 1.0 ก็ทำให้สหรัฐฯ ขาดดุลการค้าลดลงได้จริง ดังนั้น การกลับสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งใหม่นี้ทรัมป์จึงประกาศนโยบายที่กีดกันทางการค้าออกมาต่อเนื่องจนจะทำให้เกิดเป็น Trade war2.0 และประเทศที่จะกระทบหนักที่สุดจะเป็นประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐเป็นอันดับต้นๆ
จากข้อมูลจะเห็นว่าประเทศไทยเองที่ผ่านมาก็เกินดุลกับสหรัฐฯมาอย่างยาวนาน ในปี 2023 ไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐเป็นประเทศที่ 12 ขณะที่ในช่วง 9 เดือนปี 2567 ที่ผ่านมาไทยยังเกินดุลสหรัฐเป็นประเทศที่ 9 (ที่มา : สัมภาษณ์พิเศษ รองศาสตราจารย์ ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย)
นอกจากนี้ความสำคัญคือ สหรัฐฯ เป็นคู่ค้าที่สำคัญเป็นอันดับ 2 ของไทย รองจากจีน (วัดจากมูลค่าการค้ารวมส่งออกและนำเข้า) และยังเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย โดยปี 2023 ไทยส่งออกไปสหรัฐฯ ด้วยสัดส่วนมาก 16.96% ของการส่งออกไทยไปทั่วโลก และในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2567 สหรัฐยังเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 สัดส่วน 18.05% ของการส่งออกไทยอีกด้วย
ทีนี้มาดูข้อมูลที่สำคัญในช่วงที่ผ่านมากันว่า ไทยเกินดุลการค้าสหรัฐฯ ไปมากเท่าไหร่? และสินค้าประเภทใดที่ไทยส่งออกไปสหรัฐฯ มากที่สุด 5 อันดับแรก เพราะสินค้าเหล่านี้มีโอกาสที่จะถูกตั้งกำแพงภาษีเพื่อลดการขาดดุลการค้ากับไทย
ที่มา : DITP
เขียนและเรียบเรียง : พรรณรุ้ง คุ้มพงษ์พันธ์
ติดตามผ่าน TikTok ได้ที่ : https://www.tiktok.com/@thebusinessplus
Line Business+ : https://lin.ee/pbIHCuS