‘TQMalpha’ โชว์ผลงาน Q2 โตแกร่ง! รายได้รวมแตะ 921 ล้านบาท กำไรเพิ่มขึ้น 9.5%

ดร.อัญชลิน พรรณนิภา ประธานบริษัท บริษัท ทีคิวเอ็ม อัลฟา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าในไตรมาส 2/2566 กำลังซื้อและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องมาจากไตรมาสก่อน โดยยอดขายของ TQMalpha เติบโตทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ประกัน ดังจะเห็นจากยอดขายรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้ว ทำให้ยอดการทำประกันรถยนต์เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งประกันรถยนต์เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผลการดำเนินงานเติบโต ขณะที่ประกันบ้าน ประกันสุขภาพ และอุบัติเหตุ ก็มีอัตราการเติบโตที่ดีขึ้นเช่นกัน อีกทั้ง TQMalpha ได้ลงทุนเพื่อเพิ่มบุคลากรในสายงานขายเพื่อรองรับการขยายธุรกิจตามการเติบโตของตลาดประกัน โดยในไตรมาสนี้ บุคลากรใหม่ในสายงานขายมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น จากการฝึกอบรมและเรียนรู้งาน ทำให้สามารถสร้างยอดขายได้เพิ่มขึ้น และบริหารต้นทุนบริการได้ดีขึ้น ดังจะเห็นจากอัตรากำไรขั้นต้นที่กลับขึ้นมาที่ระดับ 52.9% โดยรายได้ในไตรมาส 2/2566 นี้ รวมทั้งสิ้น 921 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.4% และมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่เท่ากับ 197 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.5% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

ดร.นภัสนันท์ พรรณนิภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีคิวเอ็ม อัลฟา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “สำหรับไตรมาสที่ 2/2566 นี้ ผลการดำเนินงานเป็นไปตามที่เราได้คาดไว้ แม้จะเป็นช่วง low season แต่ก็ยังเห็นรายได้และกำไรเพิ่มขึ้น ส่วนช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะเข้าสู่ high season ของธุรกิจประกัน คาดว่าจะได้เห็นการเติบโตที่ชัดเจนขึ้น ตามสภาพตลาดที่มีแนวโน้มจะขยายตัว โดยเฉพาะความนิยมรถยนต์ไฟฟ้าจาก 9,500 คันในปี 2565 มาเป็นกว่า 30,000 คันในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 ซึ่งจะส่งผลดีต่อการขายประกันรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงการเสริมความแข็งแกร่งในด้านบริการทางการเงิน ด้วยบริษัท อีซี่ เลนดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทของกลุ่ม TQMalpha ที่ให้บริการสินเชื่อเพื่อการซื้อประกันกับ TQM ก็เติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นกันตามยอดขายประกันที่เพิ่มขึ้น  นับเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของบริษัทที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการอย่างครบวงจร สร้างโอกาสในการขายประกัน ต่อยอดบนฐานลูกค้ากว่า 4 ล้านคนของ TQMalpha ซึ่งจะช่วยสร้าง Ecosystem ที่ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการที่เหมาะสม และอยู่กับเราในระยะยาว”

นอกจากนี้ มติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลประกอบการของบริษัท ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 30 มิถุนายน 2566 ในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท จำนวน 600 ล้านหุ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 300 ล้านบาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record date) ในวันที่ 29 สิงหาคม 2566 และให้จ่ายเงินปันผลในวันที่ 8 กันยายน 2566