มะเขือเทศเป็นหนึ่งในพืชที่สำคัญในอุตสาหกรรมอาหาร ตามหลักทางพฤกษศาสตร์ถูกจัดเป็นผลไม้ประเภทเดียวกับตระกูลเบอร์รี่ แต่เพราะคนมักนำมะเขือเทศมาที่ใช้สำหรับการปรุงอาหารจึงมักถูกเรียกว่าผัก ซึ่งมะเขือเทศถูกนำมาบริโภคทั่วโลกเป็นจำนวนมากเป็นรองแค่มันฝรั่ง และหัวหอม เท่านั้น ดังนั้น เราจึงพบเห็นการปลูกมะเขือเทศได้มากมาย โดยเฉพาะในภูมิอากาศเขตร้อนและกึ่งเขตร้อนที่เหมาะสมกับการเพาะ โดยมูลค่าของตลาดมะเขือเทศถูกคาดว่าจะเติบโตจาก 165.72 พันล้านดอลลาร์ในปี 2565 ขึ้นสู่ 178.65 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2566 ซึ่งคำนวณจากที่อัตราการเติบโตต่อปี 7.8% (CAGR) (ที่มา : globenewswire)
ซึ่งหากมองในแง่ของการเพาะปลูกนั้น ทวีปเอเชียแปซิฟิกเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่ตลาดมะเขือเทศเติบโตได้อย่างรวดเร็วที่สุดในตลาดโลก ซึ่งประเทศที่เป็นแชมป์การผลิตมะเขือเทศมาอย่างยาวนานเกิน 10 ปี คือ ประเทศจีน รองลงมาคือ อินเดีย
อย่างไรก็ตาม อินเดีย กำลังเผชิญกับปัญหาด้านผลผลิตที่ลดลงอย่างมาก จากสภาพอากาศที่เลวร้าย ซึ่งทำให้ราคามะเขือเทศในประเทศปรับขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 24.68 รูปีต่อกิโลกรัม สู่ระดับ 108.92 รูปีต่อกิโลกรัมคิดเป็นการพุ่งขึ้นถึง 341% (11 ก.ค.2566)
ซึ่งในประเด็นนี้ทางสถาบันการจัดการความเครียดจากปัจจัยทางชีวภาพแห่งชาติของอินเดีย ได้ระบุว่า ภาวะอุทกภัยที่เกิดขึ้นในรัฐสำคัญ ๆ ที่เพาะปลูกมะเขือเทศ อย่างเช่น รัฐอานธรประเทศ รัฐมหาราษฏระ หรือ รัฐกรณาฏกะ เป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันราคามะเขือให้สูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด ด้าน นักวิเคราะห์ด้านอาหารและเครื่องดื่มของ BMI เปิดเผยว่า อินเดียเป็นผู้ผลิตมะเขือเทศรายใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก ซึ่งมะเขือเทศเป็นพืชที่มีความสำคัญต่อชีวิตประจำวันของผู้บริโภคชาวอินเดียอย่างมาก เช่นเดียวกับหัวหอมใหญ่ ซึ่งปัญหาในครั้งนี้เกิดจากปริมาณน้ำฝนที่มากเกินไปทำให้มะเขือเทศได้รับผลกระทบอย่างมากจากภาวะฝนตกหนักและน้ำท่วม
ทั้งนี้ในมุมมองของ ‘Business+’ ปัญหานี้ไม่ได้กระทบเพียงแค่ภาคเกษตรกรรมเท่านั้น แต่ยังกระทบไปทั้งอุตสาหกรรมอาหาร และทำให้เกิดปัญหาทาง Supply Chain ในอินเดีย เห็นได้จากเฟรนไชส์เบอร์เกอร์รายใหญ่อย่าง ‘แมคโดนัลด์’ ในหลายแห่งของอินเดียที่จำเป็นต้องใช้มะเขือเทศเป็นส่วนประกอบในหลายเมนูได้ประกาศนำมะเขือเทศออกจากเมนู และได้มีการแถลงว่า เป็นปัญหาตามฤดูกาลที่ร้านอาหารและอุตสาหกรรมอาหารต้องเผชิญในทุกฤดูมรสุม
นอกจากนี้เรามองว่าการที่ผลผลิตมะเขือเทศในอินเดียลดลงจำนวนมากนี้อาจทำให้อินเสียสูญเสียความได้เปรียบในเชิงแข่งขันสำหรับการส่งออกมะเขือเทศไปยังตลาดโลกจากราคาขายที่จำเป็นต้องปรับตัวขึ้น นอกจากนี้ผลกระทบที่เห็นได้อย่างชัดเจนเป็นอย่างแรกคือ อินเดียเสี่ยงที่จะเสียตำแหน่งแชมป์เพาะปลูกมะเขือเทศอันดับ 2 ของโลกให้กับ สหรัฐฯ หรือ ประเทศตุรกี อีกครั้ง หากยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาด้านสภาพอากาศได้
โดยที่หากย้อนกลับไปก่อนปี 2010 นั้น อินเดียไม่ได้เป็นประเทศที่มีการเพาะปลูกมะเขือเทศได้มากขนาดนี้ แต่มีการพัฒนาอุตสาหกรรมการเกษตร ประกอบกับสภาพอากาศที่เหมาะสมกับการเพาะปลูกจนทำให้สามารถขึ้นมาเป็นผู้ที่มีผลผลิตมากที่สุดอันดับ 3 แซงตุรกีได้ในปี 2007 และต่อมาได้ขึ้นเป็นอันดับที่ 2 แซงสหรัฐฯ ได้ในปี 2010 มาจนถึงปัจจุบัน
(5 ประเทศที่ผลิตมะเขือเทศได้มากที่สุดในปี 2021 ที่มา : rankingroyals)
อย่างไรก็ตาม หากมองในมุมของมูลค่าการส่งออกแล้วนั้น 5 ประเทศผู้ส่งออกรายที่ใหญ่ที่สุดในโลกมีดังนี้
(5 ประเทศผู้ส่งออกรายที่ใหญ่ที่สุดในโลก 2021 ที่มา : oec.world)
ในแง่ของการส่งออกนั้น เราพบข้อมูลว่า โมร็อกโก เป็นประเทศที่มีการเติบโตในการส่งออกมะเขือเทศที่โดดเด่นอย่างมากในปี 2022 ที่ผ่านมา โดยการส่งออกมะเขือเทศของโมร็อกโกในปี 2565 เพิ่มขึ้น 17% จากปีก่อนหน้า และคาดการณ์ว่าหากอัตราการเติบโตยังคงที่จะสามารถขึ้นมาสู่อันดับที่ 2-3 ได้ในไม่ช้า ซึ่งการเติบโตนี้เกิดขึ้นจากรัฐบาลของโมร็อกโก ได้เข้าลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่สนับสนุนการทำฟาร์มมะเขือเทศขนาดใหญ่ด้วยการสร้างเขื่อนหลายแห่งเพื่อช่วยในการชลประทานในช่วงฤดูแล้ง นอกจากนี้รัฐได้ลงทุนในเทคโนโลยีการประหยัดน้ำเพื่ออำนวยความสะดวกในการผลิตตลอดทั้งปี นอกจากนี้นโยบายของโมร็อกโกเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศยังมีประโยชน์ในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอีกด้วย
โดยเรามองว่าการปรับตัวของอินเดีย จะต้องนำนโยบายที่สนับสนุนเกษตรกรรมเข้ามาใช้ และใช้เทคโนโลยีการผลิตที่พัฒนาขึ้นเพื่อลดต้นทุนการผลิต และยังต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพมากขึ้น เพราะมะเขือเทศเป็นพืชที่มีต้นทุนการผลิตสูงและราคาผลผลิตไม่แน่นอน และอินเดียถึงแม้จะมีผลผลิตได้มากแต่ความต้องการในประเทศก็สูงมากเช่นกัน เพราะส่วนผสมในอาหารอินเดียใช้มะเขือเทศจำนวนมาก อย่างเช่น มาซาลาหนึ่งในอาหารอินเดียยอดนิยม ก็มีมะเขือเทศเป็นวัตถุดิบหลักในซอส ขณะที่แกงกะหรี่มะเขือเทศก็เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายจากชาวอินเดียเช่นกัน
ส่วนประเทศจีนที่เป็นแชมป์มาอย่างยาวนาน และยังมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่องของพื้นที่ปลูกมะเขือเทศ เนื่องจากความสนใจของเกษตรกรที่เพิ่มขึ้นในการปลูกเนื่องจากราคามะเขือเทศในตลาดสูงขึ้น และผลผลิตสูงได้ส่งเสริมการขยายพื้นที่เพาะปลูก
นอกจากนี้ mordorintelligence ยังเปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจว่า มีการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการเพาะปลูกมะเขือเทศในหลายๆ ประเทศ เช่น ญี่ปุ่น ที่ได้พัฒนาระบบสนับสนุนการเกษตรที่ติดตั้งอุปกรณ์ AI สำหรับเกษตรกรผู้ปลูกมะเขือเทศในประเทศ ซึ่งนวัตกรรมนี้ได้ส่งผลให้การใช้ปุ๋ยลดลง 20% จากค่าเฉลี่ย ขณะที่เพิ่มผลผลิตมะเขือเทศ 30% ในการทดลองที่ฟาร์ม ดังนั้นการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เช่นเทคโนโลยี AI จึงคาดว่าจะขับเคลื่อนตลาดมะเขือเทศซึ่งคาดว่าจะเติบโตในช่วงระยะเวลาคาดการณ์