Tiktok

สภาคองเกรสรุมทึ้งซีอีโอ ‘TikTok’ เปิดปาก ‘โชว ซือ จิ๋ว’ หลังเข้าชี้แจงครั้งแรก

ประเด็นระหว่างรัฐบาลสหรัฐฯ กับ แพลตฟอร์มวีดีโอชื่อดังจากประเทศจีนอย่าง TikTok ยังคงไม่จบง่าย ๆ เพราะยิ่ง TikTok  มีฐานผู้ใช้งานเติบโตมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้เกิดความกังวลต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ มากขึ้นเท่านั้น โดยปัญหานี้ เริ่มต้นมาตั้งแต่ยุคสมัยของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่เคยประกาศแนวคิดที่จะแบน TikTok ตั้งแต่ปี 2020 แม้ว่าครั้งนั้นศาลสหรัฐฯ ได้สั่งห้ามเอาไว้ แต่ทางรัฐบาลในชุดถัดมาก็ยังคงแนวความคิดเดิมแม้เปลี่ยนมาเป็นการบริหารของ โจ ไบเดน แล้วก็ตาม

โดยก่อนหน้านี้ โชว ซือ จิ๋ว (Shou Zi Chew) CEO ของ TikTok เคยเปิดเผยข้อมูลว่า ฝ่ายบริหารของโจ ไบเดน เรียกร้องให้ ByteDance ถอนการเป็นผู้หุ้น TikTok และขู่ว่าหากไม่ทำสหรัฐฯจะแบน TikTok ทันที ซึ่งปัญหาระหว่าง TikTok และสหรัฐก็ยังคงคาราคาซังและหาทางออกไม่เจอมาจนถึงทุกวันนี้

ล่าสุด เมื่อคืนนี้ (23 มี.ค.2566) สมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐได้เข้าสอบสวน ‘โจว โซ่วจือ’ ซีอีโอของ TikTok ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ ซีอีโอของ TikTok ได้เข้าชี้แจงต่อสภา ซึ่งการสอบสวนนี้ได้มีการถ่ายทอดสดผ่านหลายสื่อของสหรัฐฯ รวมถึงมีการถ่ายทอดสดผ่านช่องทาง TikTok Official ด้วยเช่นเดียวกัน

โดยการสอบสวนเริ่มต้นด้วยการที่สภากล่าวหาว่าแอพพลิเคชั่น TikTok แสดงเนื้อหาที่อาจก่อ “ความทุกข์ทรมานใจ” ต่อผู้ใช้ที่เป็นเยาวชน และต้องการกดดันให้รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แบนแอพ TikTok ในสหรัฐฯ ซึ่ง ‘แคธี แมคมอร์ริส ร็อดเจอร์ส’ สส.พรรครีพับลิกันจากรัฐวอชิงตัน กล่าวกับซีอีโอ TikTok ว่า หลังสร้างบัญชีบน TikTok เสร็จไปแล้วเพียงไม่กี่นาที อัลกอริทึมของแอพฯ ก็จะแสดงเนื้อหาที่ส่งเสริมการทำร้ายตัวเองและพฤติกรรมการกินอาหารแบบผิดปกติ ตลอดจนสนับสนุนให้ทำชาเลนจ์อันตรายที่อาจทำให้ชีวิตเด็กตกอยู่ในความเสี่ยง

ขณะที่สมาชิกสภาคองเกรสจากทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันได้ตั้งคำถามกับซีอีโอ TikTok ว่า รัฐบาลจีนสามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้งานชาวอเมริกันได้หรือไม่ และ TikTok จะห้ามมิให้เยาวชนเข้าถึงเนื้อหาอันตรายได้อย่างไร และยังกล่าวถึงถึงกรณีเด็กหญิงวัย 10 ขวบที่เสียชีวิตจากการร่วมเล่น “blackout challenge” ซึ่งเป็นการท้าให้อัดคลิปรัดคอตัวเองจนเกือบหมดสติลง TikTok โดยกล่าวว่า TikTok ไม่ควรได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายมาตรา 230 แห่งรัฐบัญญัติว่าด้วยการสื่อสารที่เหมาะสมปี 1996 ซึ่งเป็นกฎหมายที่คุ้มครองให้แพลตฟอร์มออนไลน์ไม่ต้องรับผิดชอบต่อเนื้อหาที่สร้างโดยผู้ใช้งานแพลตฟอร์มนั้น ๆ

ซึ่ง ซีอีโอ TikTok ได้ชี้แจงว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องน่าสะเทือนใจ และ TikTok ไม่อนุญาตให้มีชาเลนจ์ที่อันตรายเช่นนั้น และผู้ใช้ TikTok ส่วนใหญ่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และทาง TikTok ก็ได้ออกมาตรการปกป้องผู้ใช้ที่เป็นเยาวชนด้วยเช่นกัน ก่อนหน้านี้ TikTok ได้เปิดตัวเครื่องมือต่าง ๆ ที่อนุญาตให้ผู้ปกครองสามารถควบคุมการใช้งาน TikTok ของบุตรหลานได้ และในเดือนมี.ค.นี้ TikTok กำลังเริ่มพัฒนาฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ปกครองสามารถบล็อกวิดีโอที่มีการใช้คำหรือแฮชแท็กที่ผู้ปกครองไม่อยากให้บุตรหลานเห็น

อย่างไรก็ตามการสอบสวนครั้งนี้ยังเป็นเพียงแค่การชี้แจงต่อสภาคองเกรสเท่านั้น ยังไม่ได้มีผลสรุปว่าสหรัฐจะแบน TikTok หรือไม่ แต่แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลสหรัฐมีความกังวลค่อนข้างสูง เพราะ TikTok​ มีผู้ใช้งานในสหรัฐฯ มากกว่า 150 ล้านคน และก่อนหน้านี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้กล่าวไว้ว่า การสมัคร หรือเล่นแอป TikTok ก็เท่ากับประชาชนทุกคนยอมมอบข้อมูลส่วนตัวให้ไปอยู่ในมือของประเทศจีนที่ปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ จึงเกิดความกังวลว่า รัฐบาลจีนอาจใช้แอปดังกล่าวในการสอดแนมประชาชนชาวอเมริกัน

แม้ว่าซีอีโอ TikTok จะระบุว่า TikTok ไม่ได้เก็บข้อมูลส่วนตัวไปมากกว่าแอพพลิเคชันอื่น ๆ โดยมีการเก็บข้อมูลส่วนตัวอย่างจำกัด เมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มอื่น ผู้ใช้งานไม่ต้องบอกชื่อจริงก็ได้ ขณะที่ ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok ไม่ได้ถูกควบคุมโดยรัฐบาล ซึ่งปัจจุบัน ByteDance มีสถานะเป็นบริษัทเอกชนระดับโลก มีนักลงทุนสถาบันทั่วโลกเป็นเจ้าของ 60% ผู้ก่อตั้งบริษัทถือหุ้นประมาณ 20% และอีกประมาณ 20% เป็นเจ้าของโดยพนักงานของบริษัท ซึ่งรวมถึงชาวอเมริกันหลายพันคน

ที่มา : IQ , Tiktok ,thaipbs ,workpointtoday

Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS