4 จุดแกร่ง ‘เงินติดล้อ’ สู่กำไร 3,100 ล้านบาท

นับตั้งแต่หุ้น “TIDLOR” บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ความแข็งแกร่งของมูลค่าองค์กรก็ไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด ล่าสุด ถูกประเมินกำไรสุทธิปี 2564 ไว้ที่ 3,075 ล้านบาท หรือเติบโต 27% จากปีก่อนหน้า

โดยกลยุทธ์ที่ทำให้หุ้น “TIDLOR” แข็งแกร่ง เกิดจาก 4 ปัจจัยพื้นฐาน ประกอบด้วย 1. ฐานธุรกิจที่ครบวงจร มีชื่อเสียงมานาน 2. จำนวนสาขาครอบคลุม 74 จังหวัดทั่วประเทศ 3. อัตราส่วนสภาพคล่องทางการเงินอยู่ในกลุ่มดีเยี่ยม เรียกว่า มีสินทรัพย์มากกว่าหนี้สิน จนมาซึ่งจุดแข็งข้อสุดท้าย คือ มีรายได้และกำไรในสัดส่วนที่สูง
ด้วยกลยุทธ์เด่น ทั้ง 4 ข้อเชื่อว่า แม้คู่แข่งจะเป็นรายใหญ่ หรือรายใหม่เข้ามาแข่งขันก็ใช่ว่า จะประสบความสำเร็จ ได้ง่าย !!


ตกเป็นข่าวใหญ่ที่ทำให้หลายคนจับตามองกลุ่มธุรกิจสินเชื่อ (Non-Bank) หลังธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เปิดให้บริการทางด้านธุรกิจสินเชื่อ ลิซซิ่ง สินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ ผ่านบริษัทลูกในนาม AutoX โดยผู้บริหาร SCB ต่างรู้ดีว่า ธุรกิจนี้มีมูลค่ารวมกว่าแสนล้านบาท และมองว่าจะเป็น New Growth ในอนาคต
แต่มุมมอง 2 ด้านจากนักวิเคราะห์ก็มองว่า AutoX ต้องใช้เวลาพิสูจน์ ‘มูลค่า’ ที่แท้จริง ขณะที่ผู้ให้บริการในตลาดรายเดิม จะไม่สามารถดำเนินกลยุทธ์แบบ Organic Growth อีกต่อไป นั่นย่อมทำให้สนามแข่งขันนี้จะต้องรุนแรง เพื่อปกป้องส่วนแบ่งตลาดและกำไรของทุกบริษัทอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

4 จุดแข็งแบรนด์ ‘เงินติดล้อ’
เมื่อพูดถึงธุรกิจ Non-Bank โดยเฉพาะตลาดจำนำทะเบียนรถยนต์ และนายหน้าประกันภัยก็คงต้องพูดถึง บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR ผู้ให้บริการสินเชื่อ ให้บริการเช่าซื้อ และให้บริการนายหน้าประกันวินาศภัย นายหน้าประกันชีวิต เป็นอันดับแรก ๆ จากการที่เป็นผู้เล่นในตลาดจำนำทะเบียนรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุด เมื่อเทียบกับบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และจุดเด่นของ เงินติดล้อ อยู่ที่จุดแข็งทั้งหมด
4 ด้าน ประกอบด้วย

ด้านที่ 1 ธุรกิจที่ครบวงจร และมีชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน แถมยังมีแรงสนับสนุนการขับเคลื่อนธุรกิจจากบริษัทแม่อย่าง ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY ธนาคารที่แข็งแกร่งแห่งหนึ่งของประเทศไทย

ด้านที่ 2 จำนวนสาขาที่มากถึง 1,200 สาขา ครอบคลุมถึง 74 จังหวัดทั่วประเทศ (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564) แน่นอนว่าทำให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ครอบคลุมเกือบทั่วประเทศ

ด้านที่ 3 รายได้และกำไรสุทธิที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดสวนวิกฤตโควิด-19 โดยงวดไตรมาส 2 ของปี 2564 เงินติดล้อ มีรายได้รวม 2,918 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.2% จากช่วงเดียวกันของปี 2563 ซึ่งสัดส่วนรายได้หลักของ ‘เงินติดล้อ’ มาจากรายได้ดอกเบี้ยรับจากเงินให้กู้ยืมถึง 2,133 ล้านบาท มาจากรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ 498.9 ล้านบาท และเป็นรายได้ดอกเบี้ยรับจากลูกหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อ 279 ล้านบาท

ส่วนกำไรสุทธิในไตรมาส 2 ปี 2564 ทำได้ค่อนข้างดี ด้วยการคว้ากำไรสุทธิไปได้สูงถึง 777.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 176.8% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน ซึ่งปัจจัยสนับสนุนมาจากความสำเร็จของ “บัตรติดล้อ” ที่ทำให้ลูกค้าเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ด้านที่ 4 อัตราส่วนทางการเงิน ถือว่าแข็งแกร่ง โดยข้อมูลของอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือ (Interest Bearing Debt) ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง มาดูข้อมูลตั้งแต่ปี 2561 อยู่ที่ 4.2 เท่า ปี 2562 อยู่ที่ 4.0 เท่า ปี 2563 อยู่ที่ 3.4 เท่า และล่าสุด ไตรมาส 2 ปี 2564 อยู่ที่ 2.0 เท่าภายหลังจากเข้าตลาดหลักทรัพย์ แสดงให้เห็นว่า เงินติดล้อ มีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยลดลงอย่างต่อเนื่อง สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากการที่บริษัทฯ มีส่วนของผู้ถือหุ้นที่เพิ่มขึ้นจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของผลกำไรสุทธิ

นอกจากนี้แล้ว อัตราส่วนสภาพคล่องยังค่อนข้างแข็งแกร่ง โดยปี 2561 อยู่ที่ 1.2 เท่า ปี 2562 อยู่ที่ 1.1 เท่า และปี 2563 อยู่ที่ 1.8 เท่า แสดงให้เห็นว่าบริษัทฯ มีสภาพคล่องที่ดีขึ้น เพราะมีสินทรัพย์มากกว่าหนี้สิน
เนื่องจาก เงินติดล้อ ได้มีการบริหารจัดการสินทรัพย์หมุนเวียน เพื่อให้มีทุนหมุนเวียนที่เพียงพอต่อความจำเป็นรายวันและการชำระหนี้ระยะสั้นที่คาดการณ์ไว้ได้อย่างเหมาะสม

จากจุดแข็งทั้ง 4 ข้อดังกล่าว สอดคล้องในทิศทางเดียวกันกับข้อมูลจากบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย ที่มองว่าผู้บริหารของเงินติดล้อ ไม่ได้มีความกังวลต่อกรณีที่ธนาคารไทยพาณิชย์จะจัดตั้ง AutoX เพื่อเข้าสู่ตลาดสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ และมองว่าอาจเร็วเกินไปที่จะประเมินผลกระทบ โดยผู้บริหารยังเชื่อมั่นว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายที่คู่แข่งจะเดินตามรอยความสำเร็จได้ทัน เนื่องจากความรู้ความชำนาญในการทำธุรกิจนี้ค่อนข้างเป็นเรื่องเฉพาะและต้องใช้เวลาปรับตัว

นอกจากนี้ ผู้บริหารกล่าวว่าสภาวะเศรษฐกิจและธุรกิจได้ผ่านพ้นช่วงเลวร้ายที่สุดไปแล้วเมื่อเดือนสิงหาคม และคาดว่าสถานการณ์จะเริ่มดีขึ้นตั้งแต่เดือนกันยายน โดยผลประกอบการในไตรมาส 3 ปี 2564 อยู่ในระดับที่น่าพอใจ ในขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2564 น่าจะสดใสทั้งในฝั่งของสินเชื่อและประกันภัย จากผลของการเปิดเมือง ซึ่งทำให้ความต้องการสินเชื่อและประกันภัยกลับมาในระดับปกติเช่นเดียวกัน

จากบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ได้ประเมินกำไรสุทธิในปี 2564 ที่ 3,136 ล้านบาท และปี 2565 ที่ 3,980 ล้านบาท และปี 2566 ที่ 5,005 ล้านบาท เฉลี่ยเติบโตปีละ 26% ขณะที่มองว่า ส่วนแบ่งการตลาดของความต้องการสินเชื่อใหม่นั้น เงินติดล้อ ก็ยังคงเป็นผู้นำของกลุ่ม คิดเป็นประมาณ 18% ของสินเชื่อใหม่ทั้งหมดในปี 2565

ทั้งนี้ ในส่วนของความคิดเห็นจากบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) มีความเห็นว่า เงินติดล้อ เป็นผู้ให้บริการทางการเงินชั้นนำที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ เพื่อลูกค้ารายย่อย ที่มีประสบการณ์ด้านธุรกิจสินเชื่อมากกว่า 30 ปี ถือเป็นผู้นำในตลาดธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันในประเทศไทย และเป็นรายเดียวที่นำเสนอนวัตกรรมใหม่ ๆ ออกมาต่อเนื่อง อาทิ บัตรติดล้อ ซึ่งเป็นบัตรกดเงินสดหมุนเวียนที่ช่วยให้ลูกค้าเดิมในกลุ่มสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ มีช่องทางรับเงินกู้ สามารถเข้าถึงวงเงินโดยตรงตลอด 24 ชั่วโมง ณ ตู้เอทีเอ็มของธนาคารคู่ค้าทั่วประเทศ แทนการรับเงินที่สาขาหรือโอนเข้าบัญชี

สิ่งที่น่าสนใจมากไปกว่านั้น คือ เงินติดล้อ มีสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPL) อยู่ที่ 1.56% ถือว่าค่อนข้างต่ำมาก และยังมีจุดแข็งจากการสำรองไว้ค่อนข้างมาก จนทำให้อัตราส่วนการกันสำรองต่อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) สูงถึง 306% ถือว่าสูงที่สุดเมื่อเทียบกับคู่แข่งขันในธุรกิจเดียวกัน (ข้อมูล ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564)
จุดนี้แสดงถึงขีดความสามารถแข่งขันสูงที่สุด ที่จะรองรับความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการด้อยคุณภาพของสินทรัพย์ในภาวะเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบหนักในอนาคต จนทำให้นักวิเคราะห์จากบล. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ประเมินกำไรสุทธิปี 2564 ไว้ที่ 3,075 ล้านบาท หรือเติบโต 27%

ถึงตรงนี้ก็อย่างที่นักวิเคราะห์ ประเมินว่า AutoX ยังต้องใช้เวลาพิสูจน์ ‘มูลค่า’ ที่แท้จริงก่อน และสิ่งที่ทำให้ผู้เล่นเดิมอย่าง TIDLOR ได้เปรียบผู้เล่นหน้าใหม่อยู่มาก ยิ่งทำให้เกิดช่องว่างที่ห่างมากขึ้นในทุก ๆ ปี นั่นเอง
.
.
เขียนและเรียบเรียง : พรรณรุ้ง คุ้มพงษ์พันธ์
.
ข้อมูล : หลักทรัพย์กสิกรไทย ,บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ,
.
Line Business+ ได้ที่ https://lin.ee/pbIHCuS
.
#Businessplus #Business+ #นิตยสารBusinessplus #TIDLOR #non-bank