จากกรณีของ The I con Group ทำให้เกิดผู้เสียหายจากการถูกหลอกชักชวนให้เข้าไปเป็นตัวแทน กับบริษัทที่ทำธุรกิจบังหน้ารูปแบบเดียวกับการขายตรง แต่จริงๆ แล้วคือการเปิดบริษัท และนำเอาสินค้ามาบังหน้าแต่ความจริงหวังผลประโยชน์จากเงินแรกเข้าของลูกข่าย นั้นคือ การทำแชร์ลูกโซ่ ไม่ต่างกับการหลอกลงทุนไม่ใช่ธุรกิจขายตรง เพราะจริงๆแล้ว ธุรกิจขายตรงในประเทศไทยนั้นสามารถทำได้แต่ต้องมีใบอนุญาตและตรวจสอบได้ว่ามีรายได้หลักจากการขายสินค้า
ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาธุรกิจขายตรงในไทยไม่ได้สดใส หรือเติบโตโดดเด่นอีกต่อไป โดยเราพบข้อมูลว่า มูลค่าตลาดของธุรกิจขายตรงในไทยในปี 2566 อยู่ที่ 60,000 ล้านบาท ยังคงซบเซาจากปี 2565 ซึ่งมีมูลค่าตลาดรวม 63,800 ล้านบาท
โดย 5 บริษัทใหญ่ส่วนมากมีรายได้และกำไรสุทธิที่ลดลงอย่างเช่น บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด “บริษัทสัญชาติไทย” ที่ถือว่าเป็นบริษัทขายตรงเบอร์ต้นๆ ของไทยในปี 2023 รายได้ลดลงมาที่ 4,123 ล้านบาท จากปี 2022 รายได้ 4,249 ล้านบาท และบริษัทอื่นๆ ก็มีทิศทางเดียวกัน ซึ่งเกิดจากยอดขายของบริษัทส่วนใหญ่ที่ติดลบอยู่จากผลพวงวิกฤต COVID-19 ที่ยังส่งผลกระทบกับสภาพเศรษฐกิจมาถึงปัจจุบัน ซึ่งกำลังซื้อที่ถดถอยลงไปนั้นทำให้คนซื้อสินค้าน้อยลง โดยเฉพาะสินค้าที่อาจจะไม่ใช่ปัจจัย 4 ทำให้ธุรกิจการขายตรงนั้นซบเซาลงไป
ทีนี้มาดูกันว่า 5 บริษัทขายตรงที่รายได้สูงที่สุดในไทย และทำธุรกิจอย่างถูกต้องได้รับอนุญาตจาก สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. มีรายได้ และกำไรสุทธิเป็นอย่างไรบ้างในช่วงปี 2566 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้หากเจาะข้อมูลของการเติบโตลงไปอีก จะพบว่าในปี 2023 นั้น จะมีเพียงแอมเวย์ ซึ่งเป็นบริษัทจากสหรัฐฯ เท่านั้นที่กำไรสุทธิปี 2023 เติบโตจากปี 2022 โดยแอมเวย์มีกำไรในปี 2022 ที่ 512 ล้านบาท แต่ในปี 2023 กำไรสุทธิเติบโตมาที่ 943 ล้านบาท ส่วนบริษัทอื่นๆอีก 4 บริษัท ซึ่งส่วนใหญ่นั้นเป็นบริษัทของไทยมีกำไรสุทธิลดลงทุกบริษัท
- บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด มีกำไรสุทธิในปี 2566 ที่ 258 ล้านบาท จากปี 2565 มีกำไรสุทธิ กำไร 297 ล้านบาท ลดลง 13%
- บริษัท ชูเลี่ยน (ประเทศไทย) จำกัด มีกำไรสุทธิในปี 2566 ที่ 143 ล้านบาท จากปี 2565 มีกำไรสุทธิ 206 ล้านบาท ลดลง 31%
- บริษัท เลกาซี่ คอร์ป จำกัด มีกำไรสุทธิในปี 2566 ที่ 3 ล้านบาท จากปี 2565 มีกำไรสุทธิ 6 ล้านบาท ลดลง 50%
- บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ จำกัด (มหาชน) มีกำไรสุทธิในปี 2566 ที่ 112 ล้านบาท จากปี 2565 มีกำไรสุทธิ 183 ล้านบาท ลดลง 39%
จากข้อมูลทั้งหมดนี้ยิ่งสะท้อนว่าจริงๆแล้วธุรกิจขายตรงไม่ได้มีการเติบโต แถมยังมีแนวโน้มที่อุตสาหกรรมนี้จะยิ่งซบเซา จากกระแสลบเรื่องธุรกิจแชร์ลูกโซ่ที่เอาขายตรงมาบังหน้าอย่าง The I con Group ที่ตอนนี้คดีความก็ยังไม่สิ้นสุด
ที่มา : กรมพัฒนาธุรกิจการค้า , สำนักงานตำรวจแห่งชาติ , สมาคมธุรกิจขายตรงไทย
เขียนและเรียบเรียง : พรรณรุ้ง คุ้มพงษ์พันธ์
ติดตามผ่าน TikTok ได้ที่ : https://www.tiktok.com/@thebusinessplus
Line Business+ : https://lin.ee/pbIHCuS
IG : https://www.instagram.com/businessplus.newgen2021/
#TheBusinessPlus #Businessplus #BusinessPlus #นิตยสารBusinessplus #ขายตรง #ธุรกิจขายตรง #TheIconGroup