ThaiBev PASSION 2025 ขับดันองค์กรสู่ผู้นำอาเซียน

พูดถึงผู้นำด้านธุรกิจเครื่องดื่มและอาหารครบวงจรในอาเซียนและประเทศไทย ชื่อหนึ่งที่จะต้องมีปรากฎขึ้นมาในความทรงจำของทุกคน หนี้ไม่พ้นที่จะต้องมีชื่ออย่าง กลุ่มบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ซึ่งนับจากวันที่ก่อตั้งบริษัทขึ้นมาจนถึงวันนี้ก็เป็นเวลากว่า 17 ปีแล้วที่อาณาจักรแห่งนี้ขับเคลื่อนสังคมและประเทศให้เดินหน้าอย่างมั่นคงและเข้มแข็งมาโดยตลอด

และก็เป็นประจำทุกปีที่ทีมผู้บริหารบริษัทไทยเบฟ จะต้องออกมาพบปะพูดคุยกับสื่อเพื่ออัพเดทความก้าวหน้าและผลงานในแต่ละปี เช่นเดียวกับเมื่อวานนี้ที่ทางคุณฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ได้นำคณะผู้บริหารออกมาแถลงผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2020 โดยคุณฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ของบริษัท ได้เปิดเผยว่า “วันนี้กลุ่มไทยเบฟพร้อมที่จะก้าวไปสู่ก้าวที่แข็งแกร่งกว่าเดิม ต่อยอดความสําเร็จจาก Vision 2020 ขับเคลื่อนสู่ PASSION 2025 ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เราจึงมีแผนในการปรับเปลี่ยนการดําเนินงาน ของบริษัทฯ เพื่อให้สอดรับกับความต้องการของลูกค้า ภายใต้ 3 แนวทางหลักคือ BUILD สรรสร้าง ขีดความสามารถ STRENGTHEN เสริมแกร่งความเป็นหนึ่ง และ UNLOCK สุดพลังศักยภาพไทยเบฟ

BUILD (สรรสร้างความสามารถ) คือ สรรสร้างความสามารถและโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ โดยต่อยอดจากพื้นฐานธุรกิจที่มีอยู่

STRENGTHEN (เสริมแกร่งความเป็นหนึ่ง) คือ เสริมสร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจหลัก เพื่อรักษา และก้าวไปสู่ความเป็นผู้นําธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน

UNLOCK (สุดพลังศักยภาพไทยเบฟ) คือ นําศักยภาพของไทยเบฟที่มีอยู่มาก่อให้เกิดพลังสูงสุด

ปัจจุบันบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) แยกกลุ่มธุรกิจออกเป็น 5 กลุ่ม มีกลุ่มธุรกิจสุรา กลุ่มธุรกิจเบียร์ กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ กลุ่มธุรกิจอาหาร กลุ่มธุรกิจ Sustainability และกลุ่มธุรกิจต่อเนื่อง

ธุรกิจสุรา

ภายใต้ผู้นำอย่างคุณประภากร ทองเทพไพโรจน์ รองกรรมการผู้อํานวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มธุรกิจสุรา ได้เปิดเผยว่า “กลุ่มธุรกิจสุราในเมืองไทยยังคงสามารถรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดได้ดีเหมือนเดิมเนื่องจากบริษัทมีความ หลากหลายของตราสินค้าซึ่งตอบรับการบริโภคสินค้าที่บ้าน และการทําการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อยกระดับ ภาพลักษณ์สุราไทย (premiumization) หากดูจากผลวิจัยการตลาด ในรอบ12 เดือนย้อนหลัง แสงโสมสามารถ เติบโตกว่า 14% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ในส่วนของ เบลนด์ 285 ซิกเนเจอร์ยังสามารถเพิ่มการเติบโตได้ถึง 37% นอกไปจากนั้น เมอริเดียนบรั่นดียังสามารถเพิ่มการเติบโตได้ถึง 50% และมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่8%”

ด้านกลุ่มธุรกิจเบียร์

คุณไมเคิล ไชน์ ฮิน ฟา ผู้บริหารสูงสุดของกลุ่มธุรกิจนี้ เปิดเผยว่าบริษัทมีวิสัยทัศน์ที่ต้องการจะนำเบียร์ช้างไปสู่ระดับสากลให้ได้ ซึ่งเบียร์ช้างได้เปิดตัวการผลิตภายนอกประเทศไทย เป็นครั้งแรกอย่างเป็นทางการในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2562 โดยเบียร์ช้างได้รับการอนุญาตผลิตจาก Emerald Brewery Myanmar Ltd ซึ่งเป็น บริษัท ย่อยของ F&N  ส่วนตลาดเบียร์ในประเทศเวียดนาม ซาเบโก้ ที่ไทยเบฟเข้าซื้อกิจการไปเมื่อปี 2016 ปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 35-40% ของตลาดเบียร์ในประเทศเวียดนามทั้งหมด

ด้านกลุ่มธุรกิจต่อเนื่อง

คุณโฆษิต สุขสิงห์ รองกรรมการผู้อํานวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มธุรกิจต่อเนื่อง และผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจเบียร์ประเทศไทย (2561-2563) รองกรรมการผู้อํานวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มธุรกิจต่อเนื่อง และผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ (ประเทศไทย) ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มบริหารช่องทางจําหน่าย (1 ตุลาคม 2563) มองว่า “ภาพรวมตลาดเบียร์ในประเทศไทย ในช่วงสถานการณ์ที่ผ่านมาจะมีการเติบโตเฉลี่ยในอัตราที่ลดลง แต่ช้างยังคงมีการเติบโตที่แข็งแกร่งกว่าตลาด ในส่วนของแบรนด์ช้าง เรายังให้ความสําคัญกับการสร้างแบรนด์ เพื่อรักษา ตําแหน่งอันดับหนึ่งใน ใจผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องด้วย 3 กลยุทธ์ คือ 1. การสื่อสารแบรนด์ (Brand Communication) 2. การสร้างประสบการณ์ร่วมกับแบรนด์(Brand Experiential) 3.การสร้างสรรค์ ผลิตภัณฑ์และออกแบบบรรจุภัณฑ์ (Product/Packaging)”

ด้านธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอลล์

คุณเลสเตอร์ ตัน ผู้ช่วยกรรมการผู้อํานวยการใหญ่และผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอลล์ ประเทศไทย (2561-2563) ผู้ช่วยกรรมการผู้อํานวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจเบียร์ (ประเทศไทย) (1 ตุลาคม 2563) เผยว่า “เราจะขยายช่องทางการขายไปยังช่องทางดิจิทัล โฟกัสที่ด้านสุขภาพและการเป็นอยู่ที่ดี เรามองเชิงบวกถึงผลการดําเนินงานที่เหลือของปีนี้และหวังว่าผลประกอบการเชิงบวกนี้จะมีผลต่อเนื่องไปถึงปีหน้านี้”

ด้านกลุ่มธุรกิจอาหาร

คุณนงนุช บูรณะเศรษฐกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้อํานวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจอาหาร (ประเทศไทย) เผยว่า “เรายังคงเดินหน้าพัฒนาธุรกิจ ปรับแผนกลยุทธ์เพื่อรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากวิกฤติ Covid-19 พร้อมเร่งขยายช่องทางการขายแบบ Takeaway และ Delivery ที่มีการเติบโตอย่าง รวดเร็ว รุกทั้งออนไลน์และออฟไลน์ รวมทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์และรูปแบบบริการให้ตอบโจทย์ผู้บริโภค อย่างแม่นยําและเข้าถึงผู้บริโภคให้มากที่สุด”

ด้านงบลงทุนในปีงบประมาณ 64 จะใช้เงินลงทุนน้อยกว่าปีก่อน ซึ่งจะเน้นลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพ โดยช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 63 ที่ผ่านมาใช้ไปประมาณ 3,500 ล้านบาท พร้อมกันนี้ คุณฐาปน กล่าวปิดท้ายว่า “ท้ายนี้ ผมขอยืนยันในศักยภาพของเราที่มีความพร้อมอย่างรอบด้าน และความมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนธุรกิจ ในกลุ่มไทยเบฟ ร่วมกับคณะผู้บริหาร และเครือข่ายพันธมิตรทุกภาคส่วน เพื่อร่วมสร้างสรรค์ และแบ่งปันคุณค่า จากการเติบโตไปด้วยกัน กับก้าวที่แข็งแกร่ง มั่นคง และยั่งยืน เพื่อบรรลุเป้าหมายของการเป็น Stable and Sustainable ASEAN Leader ภายใต้ PASSION 2025 อันจะสะท้อนถึง ความมุ่งมั่น ตั้งใจและทุ่มเทของทุกคน ในกลุ่มไทยเบฟ