“ไทยเบฟ” ยืนหนึ่ง ในอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม 5 ปีซ้อน มุ่งพาองค์กร “สรรสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน (ESG)”

เป็นอีกครั้งที่บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) “ไทยเบฟ” เป็นผู้นำเครื่องดื่มครบวงจรที่มั่นคงและยั่งยืน ของภูมิภาคอาเซียน (Stable and Sustainable ASEAN Leader) ด้วยการครองคะแนนสูงสุดในกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องดื่มของโลก จากการประเมินของ S&P Global และยังเป็นสมาชิกในกลุ่มดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (The Dow Jones Sustainability Indices – DJSI) มาอย่างต่อเนื่อง โดยจัดลำดับดัชนีตลาดเกิดใหม่ (DJSI Emerging Markets Index) เป็นปีที่ 7 และสมาชิกในกลุ่มดัชนีโลก (DJSI World Index) เป็นปีที่ 6 โดยล่าสุดได้รับคะแนนสูงสุดอันดับ 1 ในกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องดื่มต่อเนื่องเป็นปีที่ 5

การได้รับรางวัลติดกันถึง 5 ปีซ้อน สะท้อนให้ทางไทยเบฟได้กลับมาทบทวนองค์กร ปรับปรุงจุดอ่อน  และไม่หยุดที่จะพัฒนาองค์กรไปสู่ความยั่งยืน ด้วยการหยิบกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนมาใช้เพื่อ “สรรสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน” (Enabling Sustainable Growth) หรือ ESG โดยมีเป้าหมายที่สำคัญ เช่น

 

  1. Net Zero Scopes 1 & 2 และ คืนน้ำสู่ธรรมชาติ 100% (ของปริมาณน้ำในสินค้าสำเร็จรูป) ภายในปี 2583
  2. Net Zero Scope 3 ภายในปี 2593
  3. Employee engagement score มากกว่าหรือเท่ากับ 90% ภายในปี 2573
  4. ร้อยละ 80 ของยอดขายจากธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ต้องมาจากเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพภายในปี 2573
  5. เพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนเป็น 50% ภายในปี 2573 (ปัจจุบันอยู่ที่เกือบ 43%)

 

คุณต้องใจ ธนะชานันท์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มงานความยั่งยืนและกลยุทธ์ เผยว่า ในการบริหารงานอย่างยั่งยืนจำเป็นจะต้องสร้างความร่วมมือใน 3 ระดับ คือ ความร่วมมือภายในองค์กร/ความร่วมมือกับองค์กรพันธมิตรและคู่ค้า/ความร่วมมือกับผู้บริโภคและสาธารณชน ซึ่งการทำงานทั้ง 3 ระดับไปพร้อม ๆ กันทำให้เกิดผลลัพธ์ที่สมบูรณ์ในแบบที่ควรจะเป็น และถือเป็นสิ่งสำคัญในการบริหาร

 

2 กลุ่มผลงานโดดเด่นที่ทำให้บริษัทได้รับยกย่องด้านความยั่งยืน

 

  1. รีไซเคิล โดยบรรจุภัณฑ์ของไทยเบฟส่วนใหญ่เป็นขวดแก้ว ซึ่งทางบริษัทได้มอบหน้าที่ให้กับบริษัทลูกอย่าง บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ รีไซเคิล จำกัด (TBR) ทำหน้าที่เก็บขวดที่ไม่ใช้แล้วเหล่านั้นจากร้านต่าง ๆ และแต่ละเขตพื้นที่ เพื่อกลับมาทำความสะอาดด้วยเทคโนโลยีล้างและคัดกรองอย่างแม่นยำ ให้พร้อมนำกลับมาใช้ใหม่ และทางบริษัทยังมุ่งเน้นปรับปรุงเทคโนโลยีรีไซเคิล ส่งผลให้ประหยัดต้นทุน ดีต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเรื่องนี้ไทยเบฟก็ได้ทำมาตลอดกว่า 40 ปี

 

  1. ใช้ประโยชน์จากวัตถุดิบเหลือใช้ เมื่อวัตถุดิบที่กลั่นกรองออกมาทำผลิตภัณฑ์ที่ดีสู่ผู้บริโภคแล้ว ก็นำส่วนที่เหลือใช้มาใช้ประโยชน์ไม่ว่าจะเป็น น้ำกากส่าซึ่งเป็นผลพลอยได้จากการกลั่นแอลกอฮอล์มาผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพเพื่อใช้เป็นพลังงานในโรงงานแทนการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง หรือนำผลพลอยได้จำหน่ายเพื่อแปรรูปเป็นอาหารสัตว์ ปุ๋ย

 

ทั้งนี้ คุณต้องใจ กล่าวว่า “การพัฒนาที่ยั่งยืน จะยั่งยืนได้จำเป็นต้องมีประโยชน์ทั้งธุรกิจและสิ่งแวดล้อม พร้อมมองหาจุดร่วมที่ดีไปสู่การเติบโตร่วมกัน”

 

อย่างไรก็ดี ภายในปีที่ผ่านมาทางไทยเบฟได้มีการร่วมมือกับพันธมิตรในการจัดงาน Sustainability Expo (SX) 2022 งานมหกรรมด้านความยั่งยืนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในอาเซียน ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการสร้างความตระหนักรู้ด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนให้กับประชาชนทั่วไปและเยาวชนในภูมิภาคอาเซียน นับเป็นงานที่ประสบความสำเร็จ และได้รับการตอบรับอย่างดียิ่งจากทุกภาคส่วน และอีกกว่า 100 องค์กร นับเป็นการสร้างแพลตฟอร์มความร่วมมือในทุกระดับ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนและสร้างแรงบันดาลใจในการดำเนินงานภายใต้แนวทางของการพัฒนาที่ยั่งยืน

 

ทั้งนี้ ภายในงานยังให้ประชาชนมีส่วนร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ด้วยการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุดที่นำขวดพลาสติกมาบริจาคภายในงานเพื่อให้สามารถผลิต “ผ้าห่มผืนเขียวรักษ์โลก” ที่ทำมาจากการนำขยะจากบรรจุภัณฑ์อย่างขวดน้ำที่มีสารตั้งต้นเดียวกับเส้นใยของพอลิเอสเตอร์กลับเข้าสู่ระบบรีไซเคิล ภายในชื่อโครงการ “ไทยเบฟรวมใจ ต้านภัยหนาว”  ซึ่งในปัจจุบันสามารถผลิตได้จำนวนมากถึงปีละ 200,000 ผืน และใช้ขวดไปแล้วทั้งสิ้นว่า 22.8 ล้านขวดจากการดำเนินต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 3 แล้ว

 

แผนพัฒนาไทยเบฟสู่ความยั่งยืน ในปี 2566

ซึ่งทางคุณต้องใจ เผยว่า ภายในปี2566 1. บริษัทจะยกมาตรฐานซัพพลายเออร์ขององค์กร โดยการจัดตั้ง Thailand Sustainability Academy โดยมุ่งให้ความรู้กลุ่มผู้ประกอบการด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ทั้งทางด้านทฤษฎีและปฏิบัติ เพื่อให้ซัพพลายเออร์ได้เข้าถึงสิ่งเหล่านี้ และเติบโตไปพร้อม ๆ กับบริษัท

 

  1. บริหารความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศ เพราะเป็นสิ่งที่ทั่วโลกให้ความสนใจ บริษัทจึงสร้างแนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยงเพื่อรองรับทุกสถานการณ์

 

  1. ขยายผลการพัฒนาที่ยั่งยืน ไปสู่บริษัทลูกในหลาย ๆ ประเทศ ซึ่งทางไทยเบฟต้องการที่จะให้ทุกบริษัทลูกในแต่ละประเทศได้เข้าสู่ความยั่งยืนไปพร้อม ๆ กัน

 

เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้จะเห็นได้ว่าเรื่องของ “สรรสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน” ถือเป็นสิ่งที่บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ได้ยึดมั่นมาตลอด ทำให้ในวันนี้ได้กลายมาเป็นที่ 1 ในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มและการเป็นหนึ่งในต้นแบบและผู้นำด้านความยั่งยืนระดับโลก

 

เขียนและเรียบเรียง : อโญศิริ สุระตโก
ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.thebusinessplus.com/
Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS