นักลงทุนระดับเศรษฐีมองหุ้นปี 66 อ่วม! ส่อเลวร้ายสุดในรอบ 15 ปี! เหตุเงินเฟ้อ-เศรษฐกิจถดถอย

‘ตลาดหุ้น’ ถือเป็นอีกแหล่งลงทุนที่ได้รับความนิยมจากบรรดานักลงทุนเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นการที่ลงทุนที่มักได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า ไม่ว่าจะมาจากผลกำไรในหุ้นที่ลงทุนไป หรือจากเงินปันผลที่นักลงทุนมักจะได้จากการลงทุน ล้วนแล้วแต่เป็นผลตอบแทนที่สร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้ลงทุนทั้งสิ้น

 

แต่ในทางตรงกันข้าม บ่อยครั้งที่ผลจากการลงทุนไม่เป็นไปดั่งใจคิด มีนักลงทุนที่สูญเสียเงินไปเป็นจำนวนมากจากผลขาดทุนที่ไม่ปรารถนา ไม่ว่าปัจจัยลบจะเกิดจากตัวของบริษัทหุ้นที่ลงทุนไปเอง หรือผลกระทบจากตลาดหุ้นที่มักจะปรับตัวตามภาวะเศรษฐกิจโดยรวมก็ตาม

 

และดูเหมือนว่าในปี 2566 ที่จะถึงนี้ จะไม่ได้เป็นปีทองของนักลงทุนสักเท่าไหร่นัก เพราะมุมมองจากนักลงทุนรายใหญ่ที่มีต่อดัชนี S&P 500 ซึ่งมักถูกใช้เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดเพื่อสะท้อนถึงภาพรวมเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และมักมีผลต่อการตัดสินใจลงทุนของนักลงทุนไม่มากก็น้อย

 

โดยจากผลสำรวจของ ‘CNBC’ พบว่า นักลงทุนเระดับศรษฐี ซึ่งเป็นกลุ่มนักลงทุนที่มีสินทรัพย์ที่สามารถลงทุนได้ตั้งแต่ 1 ล้านเหรียญสหรัฐขึ้นไป คาดการณ์ว่าตลาดหุ้นปี 2566 จะมีการปรับตัวลดลงเป็นตัวเลขสองหลัก ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มในแง่ร้ายที่สุดของนักลงทุนกลุ่มนี้ นับตั้งแต่ปี 2551

 

ทั้งนี้ จากผลสำรวจพบว่า 56% ของนักลงทุนระดับเศรษฐีที่เข้าร่วมทำแบบสํารวจ คาดว่าดัชนี S&P 500 จะปรับตัวลดลง 10% ในปี 2023 โดยเกือบ 1 ใน 3 ของนักลงทุนคาดว่าจะปรับตัวลดลงมากกว่า 15% และคาดว่าการปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นจะลดความมั่งคั่งของพวกเขา โดยนักลงทุนกลุ่มนี้มองว่าความเสี่ยงต่อความมั่งคั่งส่วนบุคคลมากที่สุดในปี 2566 (28%) คือตลาดหุ้น

 

ด้าน ‘George Walper’ ประธานกลุ่ม Spectrem ซึ่งได้ร่วมกับ CNBC ทําการสํารวจนี้ กล่าวว่า “นี่เป็นการมองโลกในแง่ร้ายที่สุดที่เราเห็นนับตั้งแต่วิกฤตการณ์ทางการเงินในปี 2551 และ 2552”

 

โดย ‘George Walper’ กล่าวว่า ความเป็นไปได้ของอัตราเงินเฟ้อ, อัตราดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น และภาวะเศรษฐกิจถดถอยล้วนเป็นปัจจัยที่รบกวนกลุ่มนักลงทุนที่ร่ำรวย แม้ว่าปี 2565 ตลาดจะปรับตัวลดลง แต่ดัชนี S&P 500 ลดลงประมาณ 18% ซึ่งนักลงทุนที่ร่ำรวยคาดว่าจะต้องเผชิญกับความยากลำบากมากขึ้นในปี 2566

 

อย่างไรก็ดี แนวโน้มที่มืดมนอาจสร้างแรงกดดันเพิ่มเติมต่อตลาดหุ้น เนื่องจากนักลงทุนระดับเศรษฐีมีบุคคลมากกว่า 85% ถือหุ้นอยู่ในตลาดฯ โดยมากกว่า 1 ใน 3 ของนักลงทุนกลุ่มนี้ คาดว่าผลตอบแทนจากการลงทุนในภาพรวมทั้งพันธบัตรและสินทรัพย์ประเภทอื่น ๆ รวมถึงหุ้นในปี 2566 จะติดลบ โดยส่วนใหญ่คาดว่าอัตราผลตอบแทนจะต่ำกว่า 4% ซึ่งตัวเลขนี้ถือเป็นตัวเลขที่ต่ำมาก เนื่องจากปัจจุบันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นเกิน 4%

 

นอกจากนี้ 60% ของนักลงทุนกลุ่มนี้คาดว่าเศรษฐกิจในช่วงปลายปี 2566 ‘จะอ่อนแอลง’ หรือ ‘อ่อนแอลงมาก’

 

อย่างไรก็ตาม จากผลสำรวจพบว่ายังมีความแตกต่างในการคาดการณ์ระหว่างเศรษฐีที่อายุน้อยและอายุมากกว่า โดย 81% ของกลุ่ม ‘Millennial’ หรือเศรษฐีที่เกิดในช่วงปี 1982-1996 คาดว่าทรัพย์สินของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นภายในสิ้นปี 2566 และ 46% ของกลุ่มนี้ คาดว่าทรัพย์สินของพวกเขาจะเพิ่มขึ้น 10% หรือมากกว่า ขณะที่เศรษฐีในกลุ่ม ‘Baby Boomer’ หรือเศรษฐีที่เกิดในช่วงปี 1946 – 1964 โดย 61% คาดว่าสินทรัพย์ของพวกเขาจะต่ำกว่าหรือต่ำกว่าในปี 2566 โดยมากกว่าครึ่งหนึ่งของเศรษฐีกลุ่ม ‘Millennial’ กล่าวว่า ดัชนี S&P 500 จะเพิ่มขึ้น 10% หรือมากกว่าในปี 2566

ทั้งนี้ ‘George Walper’ กล่าวว่าคนรุ่น ‘Millennial’ เติบโตขึ้นมาในโลกการเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำและราคาสินทรัพย์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งตลาดหุ้นมักจะดีดตัวขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากการขาย โดยคนรุ่นก่อนอาจจําโลกที่มีอัตราเงินเฟ้อสูงและอัตราการเติบโตสูงในช่วงทศวรรษ 1970 และต้นทศวรรษ 1980 ซึ่งเป็นช่วงที่ดัชนี S&P ดิ่งลงต่ำมากว่าทศวรรษ ขณะที่เศรษฐีรุ่น ‘Millennial’ ไม่เคยประสบกับสภาพแวดล้อมเงินเฟ้อที่แท้จริง

 

“ตลอดอาชีพธุรกิจของพวกเขา พวกเขาได้เห็นอัตราดอกเบี้ยที่บริหารโดยเฟด พวกเขาไม่เคยเห็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่รุนแรงเช่นนี้มาก่อน” George Walper กล่าว

 

สำหรับการสำรวจเศรษฐีของ ‘CNBC’ ได้ดําเนินการผ่านช่องทางออนไลน์ในเดือนพฤศจิกายน 2565 โดยมีผู้ตอบแบบสอบถาม (แสดงถึงผู้มีอำนาจตัดสินใจด้านการเงินในครอบครัวของตน) จำนวน 761 คน ที่เข้าข่ายการสำรวจ ซึ่งการสำรวจนี้จัดทำขึ้นปีละ 2 ครั้ง ในฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง

 

ที่มา : CNBC

 

เขียนและเรียบเรียง : เพชรรัตน์ แสงมณี

 

ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.thebusinessplus.com/

Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS

IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.thailand/

#Businessplus #Business+ #นิตยสารBusinessplus #หุ้น #คาดการณ์หุ้นปี2566 #ตลาดหุ้น #ตลาดหุ้นปี2566 #Stock