Next Normal กับซมโปะ ประกันภัย

ธุรกิจประกัน เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มาแรงในช่วงสถานการณ์โรคระบาด Covid-19 และเชื่อว่าหลังสถานการณ์คลี่คลาย ธุรกิจก็ยังคงเติบโตต่อเนื่อง เช่นเดียวกับ ซมโปะ ประกันภัย ที่สามารถปรับตัวอย่างรวดเร็วด้วยการออกผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับ Household ทั้งกรมธรรม์เพื่อสาวโสด กรมธรรม์กลุ่มคนสูงวัย หรือกระทั่งการประกันทรัพย์สินภายในบ้านและการโจรกรรม


“เมื่อก่อนเราเน้นโปรดักต์ด้านท่องเที่ยว แต่ผลจาก Covid-19 ทำให้เราเห็นโอกาสการเติบโตในตลาดที่เรายังไม่เคยเข้าไป ดังนั้น บริษัทฯ จึงปรับทิศทางการดำเนินธุรกิจครึ่งปีหลัง เพื่อเร่งผลักดันผลการดำเนินงานให้กลับมาแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น” ชลิกา กุลดิลก Chief Marketing Officer บริษัท ซมโปะ ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บอกกับ Business+ โดยประเมินว่าธุรกิจประกันจะเป็นธุรกิจเติบโตหลังวิกฤต Covid-19 จางหาย แม้ลูกค้าในยุค New Normal จะระมัดระวังการใช้จ่ายเงิน แต่ก็เชื่อว่าหากมีผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้าดีที่สุด ลูกค้าจะยังคงตอบสนองบริการเหล่านั้น

ดังนั้น บริษัทฯ จึงปรับทิศทางการดำเนินธุรกิจครึ่งปีหลัง เพื่อเร่งผลักดันผลการดำเนินงานให้กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง โดยมีทั้งแผนระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และสร้างการเติบโตให้แก่บริษัทฯ แผนระยะสั้นที่ได้เริ่มดำเนินการไปแล้ว คือ ลงทุนด้านไอทีเต็มระบบมากขึ้น เพื่อให้พนักงานทำงานแบบออนไลน์เพื่อความปลอดภัยของลูกค้าและพนักงาน

ส่วนแผนระยะกลางและระยะยาว ซมโปะมุ่งเน้นการขยายบริการใหม่ ๆ ด้วยการออกผลิตภัณฑ์สุขภาพ Health Insurance, Cancer care ที่มีขนาด Ticket Size เล็กลง ให้ความคุ้มครองความเสี่ยงทางด้านสุขภาพที่มีค่าใช้จ่ายสูง เรากำลังจะออก Health Extra ในเดือนมิถุนายนนี้ สำหรับคนทำงานที่มีสวัสดิการอยู่แล้ว จ่ายเบี้ยน้อยลง ได้ความคุ้มครองสูง

“เราจะมองเห็นความต้องการใหม่ ๆ (Emerging Needs) ที่เกิดขึ้นจากวิกฤต Covid-19 ซึ่งด้านหนึ่งเราต้องพัฒนาเครื่องมือใหม่แก่พนักงานให้สามารถทำทำงานอย่างทันท่วงที แม้ต้องทำงาน Work from Home แต่ก็ยังช่วยให้ธุรกิจดำเนินได้อย่างปกติ และหลังภาวะวิกฤต ระบบการทำงานก็ยังคง Run ได้อย่างต่อเนื่อง โดยพนักงานต้องปรับมุมมองการขาย ว่าเราไม่ได้ขายเพียง Product และเราขาย Platform ทำอย่างไรให้ลูกค้าซื้อง่าย เคลมง่าย เราต้องพัฒนาระบบอะไรเพื่อรองรับ

ชลิการะบุว่า สำหรับในปีนี้ที่สถานการณ์การระบาดของไวรัส Covid-19 กระทบการดำเนินของแทบจะทุกกลุ่มอุตสาหกรรม แต่บริษัท ซมโปะ ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ยังทำงานภายใต้แนวคิดที่ว่า “การล็อกดาวน์ไม่ได้ทำให้บริษัทฯ ทำงานช้าลง และยังคงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมถึงความสัมพันธ์กับลูกค้าและคู่ค้าด้วย”

สินค้าจำเป็น ยังขายได้

อย่างที่ชลิการะบุว่า “ในยุค New Normal ลูกค้ายังคงต้องการการป้องกันความเสี่ยงเช่นเดิม ดังนั้น บริษัทจึงนำกลยุทธ์ Reframe Your Business คือ การคิดใหม่ ทำใหม่ ภายใต้กรอบความคิดใหม่ มาปรับเปลี่ยนการดำเนินธุรกิจให้เข้ากับสถานการณ์ จากการที่ลูกค้ามีความระมัดระวังในการใช้จ่ายเงิน ทำให้ผลิตภัณฑ์ของซมโปะต้องปรับเปลี่ยน ต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อให้รองรับกับแนวชีวิตแบบใหม่ อาทิ ประกันภัยรถยนต์ ลูกค้าที่ขับรถน้อยลง แต่ยังมองหาความต้องการความคุ้มครองอยู่ เราก็ปรับไปเป็นประเภท 2+ คือคุ้มครองรถด้วย ลูกค้าก็จะมีค่าใช้จ่ายตรงนี้น้อยลง”

จากเดิมสินค้าที่ขายมากที่สุดคือ ประกันภัยการท่องเที่ยวต่างประเทศ ก็เปลี่ยนมาเป็นประกันการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ โดยดำเนินการออกแบบกรมธรรม์ให้เป็นลักษณะแบบซื้อง่าย ระยะเวลาคุ้มครองเฉพาะช่วงเวลาท่องเที่ยว หรือสามารถซื้อประกันภัย ณ สถานที่ท่องเที่ยวได้เลย และที่สำคัญ เรื่องของราคาต้องถูกลง แต่ให้ระยะเวลาคุ้มครองพอดีกับความต้องการของลูกค้า

เพราะเรามองว่า Covid-19 เปลี่ยนพฤติกรรมของลูกค้าที่ไม่สามารถออกนอกประเทศได้จนกว่าจะมีนโยบายเปิดประเทศ เราจึงต้องมองหาว่าความต้องการของลูกค้าในตอนนี้คืออะไร และต้องเข้าใจว่าเขามีปัญหาอะไรที่เราต้องไปช่วยแก้ไข ดังนั้น ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับ Household ทั้งกรมธรรม์เพื่อสาวโสด กรมธรรม์กลุ่มคนสูงวัย หรือกระทั่งการประกันทรัพย์สินภายในบ้านและการโจรกรรม เหล่านี้คือการมองและคิดใหม่สำหรับเพื่อเสนอการบริการไปยังลูกค้า

เราทำความเข้าใจกับ Pain ของตัวเอง โดยมองว่า ‘ในวิกฤตย่อมมีโอกาส’ จึงลงมือปรับแผนสินค้าให้รองรับกับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป จากที่เน้นไปหาลูกค้า Direct Retail เราก็เปลี่ยนไปเป็น B2B2C โดยสถานการณ์ปัจจุบัน บริษัทฯ ยังสามารถรับมือได้ ซึ่งครึ่งปีหลังนี้ แน่นอนว่า มันคือก้าวที่ท้าทายกว่าเดิม”

“ซมโปะมุ่งเน้นการขยายบริการใหม่ ๆ ด้วยการออกผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขภาพ ที่ Ticket Size เล็กลง ตอบโจทย์ New Normal”

ออนไลน์ เครื่องมือสู้กับวิกฤตไวรัส

เพื่อให้พนักงานยังสามารถทำงานได้ในช่วงที่ต้องทำงานที่บ้านหรือหลังจากนี้ ซมโปะให้ความสำคัญกับการพัฒนาแพลตฟอร์มในมิติที่หลากหลาย เพื่อดูแลลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งซมโปะเป็นเจ้าแรกที่ขายประกันผ่าน LINE เพราะมองว่าคนไทยมีบัญชี LINE 45 ล้าน User จากผู้ใช้ Internet 69 ล้านคน ถือว่าเป็นกลุ่มลูกค้าใหญ่ เพราะนอกจากจะขายประกันเดินทาง ยังสามารถขยายไปขายประกันอย่างอื่นทาง LINE ได้ด้วย หรือแม้แต่แพลตฟอร์ม E-Commerce ซมโปะก็ต้องการคู่ค้าที่จะสามารถช่วยให้เราพัฒนาระบบขึ้นไปให้รองรับกับสเกลที่ใหญ่ขึ้น

“เพราะเรามองว่า จากช่วง 4 เดือนที่ผ่านมาของการทำงาน เราเห็น Data ว่ามีอัตราเติบโตของลูกค้าในแต่ละวันสูง ทีมการตลาดมีการตั้งหน่วยงาน O2O หรือ Online to Offline เพื่อช่วยในการทำงานรวดเร็วขึ้น อีกทั้งการที่บริษัทขยายธุรกิจไปหาลูกค้ามากขึ้น จาก B2B ก็ขยายไปเป็น B2C และเปลี่ยนเป็น B2B2C เพื่อขยายไปหา Retail ได้กว้างขึ้น ซึ่งคือเป้าหมายการเจาะตลาดของซมโปะในระยะสั้นนั่นเอง” ชลิกากล่าวสรุป