น้ำดื่มสิงห์

เบื้องหลัง ‘น้ำดื่มสิงห์’ ดึง “บิวกิ้น” นั่งแท่นพรีเซนเตอร์

แน่นอนว่า การดึง “บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล” กับสัญญา 1 ปี แบรนด์ย่อมหวังผลทางการตลาดพอสมควร

นั่นเพราะว่า พลังดึงดูดของ ‘บิวกิ้น’ กับกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นที่ผู้บริหารน้ำดื่มสิงห์มองไว้ บนความคาดหวังเป้ายอดขาย เติบโตเบื้องต้น 15% คิดเป็นมูลค่าราว 11,500 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมามีมียอดขาย 10,000 ล้านบาท  ขณะที่ส่วนแบ่งทางการตลาด คาดหวังโตระดับ 22.2%

ซึ่งปีที่ผ่านมา นับเฉพาะยอดขาย (มีนาคม 2565 –กุมภาพันธ์ 2566) น้ำดื่มสิงห์ มีการเติบโต 15.6% ครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 20.8% จากตลาดน้ำดื่มบรรจุขวด PET และขวดแก้ว ขณะที่ตลาดเติบโตเพียง 14.7%

จากข้อมูลสะท้อนให้เห็นว่า น้ำดื่มสิงห์ เติบโตกว่าตลาด โดยปัจจัยเชิงบวกที่ทำให้อัตราเติบโตสูงกว่าตลาดนั้น เพราะว่าที่ผ่านมา น้ำดื่มสิงห์มีความแข็งแกร่งในช่องทางการขาย โดยเฉพาะธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) อยู่ที่ 57% และครองมาร์เก็ตแชร์ใน Modern Trade สูงสุดที่ 26.3%

ดังนั้น การดึง “บิวกิ้น” นั่งแท่นพรีเซนเตอร์ เพราะแบรนด์ต้องการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดและยอดขายเพิ่มในปี 2566

ทำไมต้อง “บิวกิ้น”

นายธิติพร ธรรมาภิมุขกุล Chief Marketing Officer บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด ระบุว่า การที่บริษัทได้เลือก “บิวกิ้น” เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวน้ำดื่มสิงห์นั้น เนื่องจากถือเป็นคนรุ่นใหม่ที่มี Passion ความมุ่งมั่น ในการทำสิ่งต่าง ๆ ที่ใช่สำหรับตนเอง จนประสบความสำเร็จ สอดคล้องกับจุดแข็งของแบรนด์ที่ต้องการให้ผู้บริโภคเลือกชีวิตที่ Smart ให้ตัวเอง ให้ตรงกับคอนเซ็ปต์ของแบรนด์ “เลือกน้ำดื่มที่ใช่ ต้องน้ำดื่มสะอาด น้ำดื่มสิงห์”

“บิวกิ้นมีฐานแฟนคลับเป็นคนรุ่นใหม่ ที่อยู่ในโลกออนไลน์ค่อนข้างมาก และเป็นกลุ่มคนที่อายุน้อย การขยายฐานลูกค้าเจาะคนรุ่นใหม่อาจจะเข้าถึงได้ง่าย”

ประเด็นนี้ ถือว่าที่น่าสนใจกับแบรนด์ที่ต้องกาสรขยายโอกาสการเติบโต

นั่นเพราะว่า น้ำดื่มสิงห์ ต้องการเน้นสื่อสารกับผู้บริโภค ทั้งในด้านของคุณภาพผลิตภัณฑ์ ที่การันตีมาตรฐานการผลิตด้วยเทคโนโลยีการกรองอัจฉริยะ Smart Micro Filter ทำให้น้ำดื่มใสสะอาด และยังเก็บคุณค่าจากแร่ธาตุที่ดีต่อร่างกาย ภายใต้กระบวนการผลิตแบบปิด ที่ให้ความสะอาดปลอดภัยสูงสุดสำหรับผู้บริโภค

“บิวกิ้น” จะเป็น Brand Ambassador พูดแทนแบรนด์กับกลุ่มเป้าหมายถึง ถึงคุณประโยชน์ของน้ำดื่มสิงห์ จากเรื่องที่เข้าใจยาก ให้ง่ายขึ้น

“บิวกิ้น” ถือเป็นคนหนุ่ม รุ่นใหม่ ที่มีฐานข้อมูลแฟนคลับทางสื่อโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ค่อนข้างหลากหลาย โดยแบรนด์มองว่า บนความร่วมมือครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการย้ำภาพลักษณ์การเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในตลาดน้ำดื่ม “บิวกิ้น” จะเป็นช่องทางติดต่อกับกลุ่มผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ ซึ่งแน่นอนว่า น้ำดื่มสิงห์ หวังผลเพิ่มการ Engagement รวมถึงหวังผลขยายฐานกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ และหลาก Generation มากขึ้น เพื่อสร้างความแตกต่างของแบรนด์ให้ฉีกออกไปจากคู่แข่ง

กับ 3 เหตุผลที่แบรนด์ Click กับ “บิวกิ้น”

  1. คุยเรื่องยากให้ง่ายขึ้น โดยเป้าหมายที่น้ำดื่มสิงห์อยากจะสื่อสารถึงกระบวนการผลิต ที่ต่างจากแบรนด์อื่น ซึ่งการสื่อสารผ่านบิวกิ้น แบรนด์มองว่า บิวกิ้น จะทำให้คนสนใจมากขึ้น
  2. กิจกรรมการตลาดต่าง ๆ โดยแบรนด์จะค่อย ๆ ออกแคมเปญในแต่ละช่วงตลอดทั้งปี ซึ่งปัจจุบันช่องทาง Loyalty Program “Singha Rewards” มีฐานลูกค้าทั่วประเทศมากกว่า 9.7 ล้านราย
  3. เพิ่มแบรนด์ Awareness ไปในตัว เนื่องจาก “บิวกิ้น” มีผู้ติดตามทางโซเชียลมีเดีย หลากหลายช่องทาง

เมื่อได้สำรวจฐานข้อมูลแฟนคลับของ “บิวกิ้น” ทางสื่อโซเชียลมีเดียต่าง ๆ พบว่า Instagram ของ “บิวกิ้น” มียอดติดตามกว่า 2.9 ล้านคน

ขณะที่ทางเพจออฟฟิเชียลบน Facebook “Billkin Entertainment” มียอดติดตาม 3.7 หมื่นคน ส่วนบ้านแฟนเบส หรือฐานแฟนคลับของบิวกิ้น ผ่านช่องทาง Twitter มียอดติดตามมากกว่า 1.62 แสนคน

จากข้อมูลข้างต้น ต้องบอกว่า การที่น้ำดื่มสิงห์ได้ดึง “บิวกิ้น” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ มีการวางกลยุท์การตลาดที่จะเจาะตลาดกลุ่มคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ และปัจจุบันน้ำดื่มสิงห์ ยังคงเป็นแบรนด์เครื่องดื่มที่ถือครองส่วนแบ่งการตลาดสูง

การทิ้งไพ่ทีเด็ดตั้งแต่ต้นปี ย่อมหมายถึง น้ำดิ่มสิงห์ย่อมหวังทั้งยอดขายและส่วนแบ่งตลาดที่เพื่มขึ้น แน่นอน

จึงเป็นที่น่าติดตามว่า คู่แข่งอื่น ๆ จะมีแผนตอบโต้ อย่างไร ?

ที่มา : Exclusive content

เขียนและเรียบเรียง : ศิริวรรณ อรรถสุวรรณ

Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS

IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.thailand/

#Businessplus #Business#นิตยสารBusinessplus #Billkin #น้ำดื่มสิงห์ #Singha