ถอดโมเดลธุรกิจ ร้านชาบู ยุคใหม่ ทำไม MK ต้องเปิดโซน นั่งกินคนเดียว -ทำไมชาบูชิต้องเปิดบริการ 24ชั่วโมง

สนามธุรกิจที่แข่งกันสนุก แข่งดุ แข่งเดือด ก็ต้องยกให้ธุรกิจร้านอาหาร ที่ไม่ว่ายุคไหนก็ขึ้นชื่อว่าเป็นธุรกิจปราบเซียน ในอดีตเคยแข่งกันแบบแลกหมัดต่อหมัดยังไง วันนี้ก็ยังเป็นเช่นนั้น แถมมีมุขใหม่ๆมาสร้างเซอร์ไพรซ์ให้ผู้บริโภคได้ตลอด

ล่าสุด MK Restaurants แบรนด์สุกี้ชาบู ที่อยู่ในตลาดมานานก็เปิดโซน สุกี้แบบ “นั่งกินคนเดียว” ที่สำคัญมีเซตเดี่ยวสำหรับทานคนเดียวในราคาเริ่มต้น 199 บาท พร้อมเซอร์วิสพิเศษมีปลั๊กและไวไฟสำหรับนั่งทำงานไปด้วยได้ โดยเริ่มให้บริการที่สาขา Central World เป็นสาขาแรก

ส่วนชาบูชิ แบรนด์ชาบูชื่อดังที่ก่อนหน้านี้มีที่นั่งแบบเคาน์เตอร์และหม้อแยกเดี่ยวให้ลูกค้าสามารถนั่งกินคนเดียวได้ ก็หันมาเปิดร้านแบบ 24 ชั่วโมง วัดใจคนไม่กล้วอ้วน ประเดิมสาขาแรกที่ สามย่านมิตรทาวน์ พ่วงมาด้วย โปรโมชั่น “HAPPY HOUR BUFFET” 299.- เมื่อใช้บริการ ระหว่างเวลา 22.01 – 09.59 น. จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2562

การปรับโมเดลธุรกิจของ2แบรนด์หม้อไฟ นี้ มีนัยยะแฝงอะไร?

หากจะพูดในเชิงการตลาดก็ต้องตอบว่า ทั้งสองแบรนด์ พยายามที่จะเสนอบริการที่ตอบโจทย์สังคมคนเมือง แต่ถ้าในมองแง่ธุรกิจ  ทั้ง2แบรนด์กำลังหนีจาก Red Ocean ไปยังBlue Ocean ตลาดใหม่ที่มีศักยภาพสูง แถมคู่แข่งน้อย ยิ่งปักหมุดเป็นเจ้าตลาดเร็วเท่าไหร่ นั่นหมายถึงเม็ดเงินมหาศาลที่แบรนด์จะได้กลับคืนมา

โดยMK Restaurants กำลังขยายธุรกิจเข้าจับตลาด (Lonely Market) หรือตลาดคนเหงา ที่เติบโตจากการเพิ่มจำนวนของคนโสดในประเทศ เพราะต้องยอมรับว่าคนรุ่นใหม่แต่งงานน้อยลง และอยู่เป็นโสดกันมากขึ้น

ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ระบุว่า ในประเทศไทยมีตัวเลขคนโสดวัยทำงานมีมากถึงเกือบ 15 ล้านคน โดยเพิ่มขึ้นถึงกว่า 400,000 คน เมื่อเทียบกับปีก่อนเลยทีเดียว

นอกจากนี้ยังมีคนที่อยู่สถานภาพหม้ายอีก 4.51 ล้านคน หย่าร้างอีก 1.15 ล้านคนและแยกกันอยู่อีก 1.36 ล้านคน รวมแล้วเป็นตัวเลขกลมๆถึง 22.01 ล้านคน ซึ่งเรียกได้ว่ามหาศาลพอสมควรแถมมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นไปอีกเรื่อยๆ

เท่านี้ยังไม่พอ วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล หรือ ซีเอ็มเอ็มยู (CMMU) ยังให้ข้อมูลที่เจาะลงไปกว่านั้นว่า นอกจากคนโสดวัยทำงานแล้วยังมีกลุ่มวัยรุ่นและวัยเกษียนที่ใช้ชีวิตคนเดียวสืบเนื่องจากคู่สมรสเสียชีวิตและลูกหลานออกไปทำงานหรือเรียนในช่วงกลางวัน ทำให้ตัวเลขคนโสดหรือคนเหงาทะลุ 26.75 ล้านคนไปแล้ว

โดยช่วงอายุที่มีแนวโน้มความเหงาสูงสุด 3 อันดับ ได้แก่ กลุ่มวัยทำงาน อายุระหว่าง 23–40 ปี ร้อยละ 49.3 เยาวชนวัยเรียน อายุระหว่าง 18–22 ปี ร้อยละ 41.8 และ วัยผู้ใหญ่ อายุระหว่าง 41–60 ปี ร้อยละ 33.6

แน่นอนว่าคนโสดสายกินมักจะต้องเจอกับปัญหาการกินชาบูคนเดียวพร้อมๆกับสายตาแปลกๆจากโต๊ะข้างๆ ก็ย่อมอยากให้มีร้านชาบูที่นั่งกินคนเดียวได้แบบที่เกาหลี ซึ่งโมเดล นั่งกินคนเดียว ของMK Restaurants ที่เข้ามาจับเทรนด์นี้ ก็เป็นการสร้างจุดขายใหม่ให้กับธุรกิจ เพิ่มโอกาสและขยายฐานกลุ่มลูกค้าไปในตัว

 

เช่นเดียวกับชาบูชิ ที่หันมาจับตลาด “สังคมคนนอนดึก” (Sleepless Society) ซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ นั่นเอง และเข้ามาเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่แบรนด์ไม่อาจมองข้ามได้ เพราะต้องยอมรับว่ามนุษย์มีรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่เหมือนกัน บางคนเริ่มงานในช่วงเช้าเลิกเย็น บางคนเริ่มงานช่วงบ่ายเลิกค่ำ บางคนทำงานช่วงกลางคืน ยาวไปถึงเช้าของอีกวัน

นั่นหมายความว่ารูปแบบการใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ ไร้ข้อจำกัดและเงื่อนไขเวลาโดยสิ้นเชิงและหมายถึงโอกาสทางธุรกิจที่ไม่มีลิมิตของเวลาเช่นกัน ในประเทศไทย โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพ เริ่มมีรีเทลบางพื้นที่เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมงจนกลายเป็นคอมมูนิตี้ใหม่ของ คนที่กลางวันไม่ตื่น กลางคืนไม่นอนมาใช้บริการอย่างคึกคัก

ดังนั้นการที่ ชาบูชิ เข้ามารุกตลาด Sleepless Society ตามรอยแบรนด์ชื่อติดหูที่เปิดให้บริการ 24ชั่วโมงก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเป็น เคเอฟซี (KFC), สตาร์บัคส์ (Starbucks), คาเฟ่อเมซอน (Café Amazon) ก็เป็นการทลายเรื่องของเวลาการทำธุรกิจที่เคยถูกจำกัดไว้ที่ราวๆ 10.00 – 22.00 น ต่อวัน

บวกกับโลเคชั่นที่เลือกเปิดบริการ 24 ชั่วโมง คือ สามย่านมิตรทาวน์ ที่กำลังถูกโปรโมตตามสื่ออย่างหนักและคาดว่า จะมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการ 30,000 คนต่อวัน ในจำนวนดังกล่าวจะเข้ามาใช้บริการโซน 24 ชั่วโมงด้วย และคาดว่ายอดใช้จ่ายเฉพาะในโซนนี้ จะอยู่ที่ 450 บาทต่อคนต่อครั้ง โดยช่วงเวลาที่คนเข้ามาใช้โซน 24 ชั่วโมงมากสุด จะเป็นช่วง 4 ทุ่ม ถึง ตีสาม

ด้วยจำนวนTraffic หมุนเวียนตลอด 24 ชั่วโมง ของสามย่านมิตรทาวน์ น่าจะทำให้ยอดขายของ ชาบูชิ เพิ่มขึ้นอย่างนัยสำคัญในอนาคตอันใกล้ เพราะอย่าลืมว่า ความหิวไม่เลือกช่วงเวลา  แล้วมาดูกันว่า ตัวเลข Traffic ขนาดนี้จะสร้างยอดขายให้ ชาบูชิ ขนาดไหน

อย่างไรก็ตาม ทั้ง MK และ Shabushi ยังอยู่ในช่วงของการชิมลางตลาด หากได้รับผลตอบรับที่ดี คาดว่าจะมีสาขาที่ 2 และ สาขาที่ 3ตามมาติดๆอย่างแน่นอน

ดังนั้นช่วงเวลาหลังจากนี้ คือระยะเวลาของการพิสูจน์ว่าโมเดล นั่งกินคนเดียว และ บริการ24 ชั่วโมง สำหรับธุรกิจ สุกี้ ชาบู หม้อไฟ จะปัง หรือ จะแป๊ก

———————————————————————————-

ส่วนขยาย

* บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ 
** เขียน: กฤษฎาพร วงศ์ชัย  (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว)

สามารถกดติดตามข่าวสารและบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่