ดีล SCBX ซื้อ Bitkub ได้ทั้งคู่? ความคุ้มค่าที่ชวนสงสัย!!

ถ้าจำกันได้แอดมินเคยแปลบทความเกี่ยวกับคริปโทเคอร์เรนซีและเจ้าเทคโนโลยี DE-FI เตือนไปในช่วงปลายปีที่แล้วว่ามันแปลก ๆ ไม่ชอบมาพากลสักเท่าไร ซึ่งวันนั้นคนส่วนใหญ่ก็ไม่เชื่อว่ามันจะเป็นจริง แถมมองแอดมินด้วยความเป็นคนชั่งหัวโบราณซะจริงอารมณ์แบบโลกเข้าไปไหนกันแล้วพ่อหนุ่มนายนี้ชั่งไม่ไหวเอาซะเลย ไอเราก็ได้แต่ยิ้ม ๆ เพราะก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรในเวลาที่จำกัดให้คนเข้าใจได้ง่าย ๆ ก็เลยได้แต่ปล่อยให้วันเวลามันพิสูจน์ของมันเอง

ช่วงนี้ชาวคริปโทเคอร์เรนซีก็จะเงียบกันหน่อย ๆ หลังตลาดขาลงอย่างหนักหน่วงมาตลอด 2 เดือนหลัง จนหลายคนถึงกับหมดเนื้อหมดตัวกันเลยทีเดียวซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นเหล่านักเทรดไร้ประสบการณ์หรือภาษาตลาดที่เรียกว่า ‘แมลงเม่า’ ที่เสียเงิน แต่ในข้อเสียก็มีข้อดีซึ่งก็คือหลังจากช่วงเวลาที่ย่ำแย่จนตรอกถ้าหากใครคิดได้พร้อมเรียนรู้จากความผิดพลาดและศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก็จะทำให้เกิดอาการที่เรียกว่า ‘ตาสว่าง’ ความโง่เขลาหายไปแทนที่ด้วยความเข้าใจแบบมีปัญญา แต่สิ่งเหล่านี้มักเกิดได้ยากในมวลหมู่มนุษย์ทั้งหลายพอสมควร เพราะคนจำนวนมากมักจะขับเคลื่อนสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตด้วยอารมณ์ ทำให้พวกเขามักกลายเป็นเหยื่อของเหล่าผู้ล่าที่โชกโชนในสมรภูมินี้

วันนี้แอดมินจะพามาศึกษาผู้เล่นสำคัญในตลาดนี้อย่าง บิทคับ (Bitkub) ซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับ ตลาดแลกเปลี่ยนซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency exchange) ชื่อดังของไทยในตอนนี้ โดยมีผู้นำสุดหล่อหน้ามนสไตล์โอปป้าเกาหลีอย่างนายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา หรือ ท็อป เป็นดั่งไอคอนคนสำคัญที่นาทีนี้เดินไปไหนก็เห็นแต่หน้าเขาลอยไปลอยมาเต็มไปหมดเรียกว่าถ้าคุณอยากเชื่อมต่อกับอนาคตไม่นึกถึงเขาคงไม่ได้ (เท่าที่สังเกตดูเขาไม่ได้บอกนะว่าอนาคตของใคร!!)

เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า ถ้าใครจำกันได้ในช่วงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2021 หรือปีที่แล้วมีข่าวที่สะเทือนวงการการเงินการธนาคารเกิดขึ้นซึ่งก็คือการที่บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) (SCBX) ได้ประกาศเข้าซื้อหุ้นบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด (Bitkub) จำนวน 51% คิดเป็นมูลค่ากว่า 17,800 ล้านบาท ซึ่งนาทีนั้นเขาว่ากันว่าเป็น “ซูเปอร์ดีล” แห่งปีเลยทีเดียว โดยข่าวนี้ทำให้เหรียญ Kubcoin ที่ช่วงแรกตอนเปิดตัวออกมาแทบไม่มีใครมองเห็นว่าจะมีอนาคตเพราะหาพื้นฐานไม่เจอจนราคาร่วงจาก 30 บาทต่อเหรียญลงไปอยู่แถว ๆ 12-15 บาทต่อเหรียญ เหมือนได้รับยาวิเศษดีดเป็นม้าพุ่งไปกว่า 200% เลยทีเดียว โดยช่วงพีค ๆ เคยขึ้นไปถึง 1,833% เลยทีเดียว หรือ 580 บาทต่อ 1 เหรียญ (ซึ่ง Kubcoin ในตอนแรกออกมา 1,000 ล้านเหรียญ แต่สุดท้ายต้องเผาทิ้งไป 890 ล้านเหรียญเพื่อดึงราคาและสภาพคล่อง)

ตอนนี้ดีลอยู่ในช่วงการทำ Due Diligence หรือ การสอบทานธุรกิจโดยทาง SCBX ภาษาง่าย ๆ ก็คือขอดูหน่อยว่าของนายดีจริงไหม และแม้จะผ่านด่านนี้ก็ยังมีด่านของการกำกับดูแลอย่างธนาคารแห่งประเทศไทยและสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ซึ่งเป็นผู้ควบคุมดูแลกฎเกณฑ์ต้องตรวจสอบอีก สรุปคือยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะซื้อไม่ซื้อ อาจจะล้มดีลก็เป็นได้

แน่นอนว่าการเข้าซื้อ บิทคับ ของ SCBX นั้นในช่วงแรกคนจำนวนมากมองว่าจะได้ประโยชน์ทั้งคู่ เพราะมองผ่าน บิทคับ มีลูกค้าอยู่แล้วในมือไม่น้อย แถมมีเทคโนโลยีติดมาเลยไม่ต้องคิดเองตั้งแต่ต้นใหม่แบบนี้ SCBX ก็น่าจะได้ประโยชน์ไม่น้อย ขณะที่ทางฝั่ง บิทคับ โดยนายท็อปก็จะได้ทำเงินเป็นกอบเป็นกำจากการขายหุ้นในครั้งนี้ แต่ก็แน่นอนว่าคนในวงการคริปโทเคอร์เรนซีจำนวนมากไม่มองโลกในแง่ดีเช่นนั้น แม้นับตั้งแต่ปี 2019-2021 บิทคับ จะโตปีละ 1,000% ทุกปีก็ตาม พร้อมผู้ใช้งาน 3 ล้านบัญชี และครองส่วนแบ่งการตลาดในไทยประมาณ 90%

ที่หลายฝ่ายไม่ค่อยจะเห็นด้วยกับการโฆษณาชวนเชื่อว่าอนาคตจะสดใสก็เพราะตลาด คริปโทเคอร์เรนซีมันผันผวนมากขึ้นที 1,000% ก็ลงได้ที 1,000% เช่นกัน แถมพื้นฐานที่ใช้อิงคืออะไรก็ไม่มีใครรู้ ตอนตลาดขาขึ้นการดำเนินธุรกิจก็ออกมาดีเป็นพิเศษ แต่ถ้าขาลงเป็นขาลงหรือตลาดหมีอย่างในเวลานี้ละ (ราคาแทบทุกเหรียญตอนนี้เป็นภาวะหมีเกือบทั้งหมด) 17,850 ล้านบาทที่ประเมินเอาไว้ตอนขาขึ้นมันจะยังเป็นเช่นนั้นอยู่ไหม ในตอนที่ตลาดเป็นขาลงเราต้องเข้าใจว่ามีคนเจ็บตัวและหมดตัวเยอะคนใช้งานจะหายไปหรือหยุดใช้งานไปกันเยอะตรงนี้จะส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจซึ่งหมายถึงรายได้และกำไรของบิทคับอย่างแน่นอน

ซึ่งผู้เชี่ยวชาญในวงการคริปโทเคอร์เรนซีก็มองว่าเจ้าดีลนี้มันแพงเกินไปหน่อยไม่ค่อยจะสมเหตุสมผลนักในเวลานี้กับสภาวะตลาดแบบนี้ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ Binance ซึ่งเป็นตัวกลางแลกเปลี่ยนระดับโลกที่มีปริมาณการซื้อขายต่อวันอยู่ที่ 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมค่าทำธรรมเนียมที่ 0.1% หรือต่ำกว่านั้น พร้อมเหรียญให้เลือกกว่า 360 เหรียญ ขณะที่บิทคับอยู่ที่ราว 200,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน ค่าธรรมเนียมอยู่ที่ 0.25% มีเหรียญให้เลือก 50-60 เหรียญ ตรงนี้ทำให้สำหรับตลาดบิทคับแล้วต้องบอกว่าค่อนข้างเฉพาะกลุ่มมาก ๆ นั้นหมายถึงสภาพคล่องที่ต่ำมากและตรงนี้ต้องมีการจ้างผู้ทำสภาพคล่อง (Maket Maker) ในตลาดซึ่งถือเป็นต้นทุนอย่างหนึ่งของการออกเหรียญ ขณะที่ถ้าคุณจะถอนเงินออกมา บิทคับ จะเรียกเก็บ 20 บาทต่อรายการ ส่วนธนาคารที่เราใช้กันคิด 3 บาทเท่านั้น

อีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญคือธุรกิจตัวกลางแลกเปลี่ยนแบบนี้ไม่ได้ทำยากอะไร ทำให้มีคู่แข่งเยอะมากอย่างล่าสุดที่กัลฟ์กับไบแนนซ์จับมือกันย่อมส่งผลต่อ บิทคับ แน่นอน เพราะถ้าบิทคับยังคิดค่าธรรมเนียมเท่าเดิมคนก็จะย้ายไปเทรดกันที่ไบแนนซ์หมด ก็ต้องลดค่าธรรมเนียมให้ถูกลงและอาจจะต้องลดจนถูกกว่าไบแนนซ์เลยด้วยซ้ำ และค่าถอนที่เรียกเก็บ 20 บาทต่อรายการก็ไม่น่าจะเป็นราคานี้อีกต่อไป แบบนี้ผลการดำเนินงานยังไงก็ลดลงอย่างแน่นอน บวกกับตลาดหมีรอบนี้คาดการณ์กันว่าจะกินเวลาไปอีกอย่างน้อย 2-3 ปีเลยทีเดียว

นี่ยังไม่รวมกฎเกณฑ์ใหม่ที่ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.), สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และกระทรวงการคลัง (กค.) ร่วมกันกำหนดแนวทางควบคุมการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้เพื่อชำระค่าสินค้าและบริการจำนวน 6 ข้อที่ออกมาเมื่อไม่นานนี้ที่ถือเป็นอีกหนึ่งความเสี่ยงที่ต้องพิจารณา รวมไปถึงระบบหลังบ้านและความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้งาน นอกจากนี้ยังมีการโจมตีทางไซเบอร์ที่จะเป็นบททดสอบสำคัญอีกหนึ่งด่าน

แล้วแบบนี้อนาคตของผู้ซื้ออย่าง SCBX จะคุ้มทุนเมื่อไรรึ?

หมายเหตุ : บิตคับ เคยถูก ก.ล.ต. ลงโทษและสั่งปรับมากถึง 9 ครั้ง

ที่มา : https://mgronline.com/stockmarket/detail/9650000032349

ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.thebusinessplus.com/
Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS
IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.newgen2021/

#Businessplus #Business+ #นิตยสารBusinessplus #SCBX #bitkub #kubcoin #คริปโทเคอร์เรนซี