‘สบาย เทคโนโลยี’ บริหารธุรกิจบนพื้นฐานการ ‘Sharing’

“เราทำงานโดยเคารพความหลากหลายของพนักงาน และเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถใช้ศักยภาพได้อย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันก็มีการ Synergy ระหว่างกัน ซึ่งจากสิ่งนี้ทำให้ SABUY สามารถก้าวไปสู่ความสำเร็จได้”

 

หากจะกล่าวถึงผู้ให้บริการธุรกิจที่ครอบคลุมวิถีชีวิตประจำวันของผู้คนแบบครบวงจรทั้งรูปแบบ B2B และ B2C คงต้องมีชื่อของ บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ ‘SABUY’ เป็นอันดับแรก ๆ ที่ถูกนึกถึง เนื่องจากเป็นผู้ให้บริการที่ครอบคลุมทั้งธุรกรรมทางการเงิน (Digital Payment), การชำระค่าสินค้าต่าง ๆ, การรับส่งสินค้าในธุรกิจ e-commerce, สันทนาการความรู้ ความบันเทิง รวมถึงช่องทางจัดจำหน่ายทั้งแบบไดเร็กต์เซล หรือแม้แต่ตู้จำหน่ายอัตโนมัติ ซึ่งล้วนแล้วแต่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี

 

คุณชูเกียรติ รุจนพรพจี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ ‘SABUY’ กล่าวถึงความสำเร็จของธุรกิจในช่วงที่ผ่านมา ระบุว่า ในช่วงวิกฤต COVID-19 ที่ผ่านมา ธุรกิจของ ‘SABUY’ ยังคงมีการเติบโตทั้งในด้านของรายได้และกำไรที่เกิดจาก Business Model ของบริษัทเน้นไปในเรื่องของการแบ่งปัน และการเข้าถึงโอกาสต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอ ทั้งยังเป็นธุรกิจที่ดำเนินผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ ซึ่งเข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ ทำให้บริษัทสามารถสร้างความสำเร็จในปี 2565 ได้ และคาดว่าจะประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้นในปี 2566

 

โดยหนึ่งในกลยุทธ์ที่ผลักดันให้ ‘SABUY’ ประสบความสำเร็จได้แม้ในช่วงเวลาสุดท้าทาย คือการที่บริษัทเน้นการลงทุนธุรกิจในหลากหลายรูปแบบ และมองหาโอกาสใหม่ ๆ อยู่เสมอ อย่างล่าสุดที่ได้มีการเข้าลงทุนในธุรกิจเกมในบริษัท แอสเฟียร์ อินโนเวชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASPHERE ผู้นำด้าน Digital Technology ที่กำลังได้รับความนิยมเป็นวงกว้าง นอกจากนี้ยังมองไปถึงการขยายธุรกิจไปในด้าน Digital Asset ในอนาคต ที่จะเข้ามาเป็นอีกหนึ่งธุรกิจสำคัญที่น่าจับตามองของ ‘SABUY’

 

นอกจากนี้ ไม่เพียงแค่การกำกับดูแลกิจการภายในเท่านั้น แต่ ‘สบาย เทคโนโลยี’ ยังดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า ผู้ถือหุ้น พนักงาน สังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ภายใต้หลักการ ‘Sharing’ ด้วยการแบ่งปันโอกาสและศักยภาพ พร้อมทั้งการเข้าถึงทรัพยากรที่บริษัทฯ มีอยู่ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับพาร์ทเนอร์ ลูกค้า หรือผู้ที่มาร่วมงานอยู่ใน Ecosystem ของ ‘SABUY Group’ ให้เติบโตและประสบความสำเร็จไปด้วยกัน ถือเป็นการแชร์ความสำเร็จร่วมกัน ผ่าน 6 แกนกลุ่มธุรกิจ ได้แก่

 

  1. กลุ่ม Connext ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าและบริการ ที่ตรงแก่ลูกค้า ผ่านช่องทางที่เป็นหน้าร้าน/kiosk หรือ บุคคล ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค อย่างเครื่องกรองน้ำ ตู้เติมเงิน ตู้เวนดิ้ง สินค้าเทคโนโลยี และบริการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ร้านสะดวกซัก ตู้ล็อกเกอร์
  2. กลุ่ม Enterprise & Lifestyle เป็นกลุ่มที่นำเสนอ Business solution ในการเติบโตธุรกิจต่าง ๆ ไม่ว่าจะเครื่อง POS (ระบบชำระสินค้า) ให้แก่ธุรกิจต่าง ๆ ระบบ A.I. ในการช่วยแนะนำการตลาดแก่ร้านค้าหรือเจ้าของกิจการ การช่วยบริหารจัดการบุคลากร ทั้งระบบและการสรรหาคน ระบบบริหารจัดการลูกค้าสัมพันธ์ต่าง ๆ รวมถึงระบบ CRM ที่เป็นอีก solution ในการสร้างความผูกพันต่อบริษัท
  3. กลุ่ม Payment & Wallet ที่นำเสนอรูปแบบการชำระเงิน Wallet ให้กับธุรกิจต่าง ๆ และคู่ค้าของเรา (White Label) และระบบการเชื่อมต่อการชำระเงินไปยังช่องทาง Payment ต่าง ๆ
  4. กลุ่ม Financial Inclusion เป็นกลุ่มที่ให้บริการด้านสินเชื่อ การเงินต่าง ๆ รวมถึงการรับทำประกันต่าง ๆ ให้กับธุรกิจหรือบุคคลที่มีความต้องการนี้
  5. กลุ่ม Innotainment เป็นกลุ่มที่ตอบสนองด้าน Entertainment, Media Solution and Gaming Platforms สำหรับลูกค้า ผ่านสื่อออฟไลน์ ออนไลน์ต่าง ๆ
  6. กลุ่ม Venture ที่มีการลงทุนให้แก่สตาร์ทอัพต่าง ๆ

 

สำหรับภาพธุรกิจของ ‘SABUY’ ต่อจากนี้ คือการปรับตัวให้ทันต่อโลกดิจิทัล ซึ่งในปัจจุบันมีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนสิ่งต่าง ๆ เป็นอย่างมาก การที่บริษัทฯ สามารถปรับตัวให้เท่าทันต่อเทคโนโลยี นอกจากจะเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับธุรกิจแล้ว ยังเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับลูกค้า รวมถึงพาร์ตเนอร์ของบริษัทฯ ให้เดินไปสู่ความสำเร็จด้วยกัน โดยคาดว่าภายใน 3 ปีข้างหน้าการรุกสู่ธุรกิจดิจิทัลจะเป็นตัวตอบโจทย์สำหรับการทำงานของบริษัทฯ ในอนาคตได้เป็นอย่างดี

 

เมื่อถามถึงแนวโน้มของธุรกิจ ‘SABUY’ ต่อจากนี้ คุณชูเกียรติกล่าวว่า ปีนี้สิ่งที่เราจะทำคือการเสริมสร้าง Business Model ที่มีอยู่แล้วให้มีความแข็งแรงยิ่งขึ้น เปรียบเสมือนการต่อจิ๊กซอว์ตัวเล็ก ๆ ของธุรกิจเล็ก ๆ มารวมกันให้เป็นตัวใหญ่ เพื่อไปสื่อสารกับองค์กรขนาดใหญ่ในการทำธุรกรรมร่วมกัน เพื่อสร้างความสำเร็จอย่างยั่งยืน โดยคาดว่าในปี 2566 จะเป็นปีที่ดีมาก ๆ ในแง่ของรายได้ ส่วนตัวของกำไรก็คาดว่าน่าจะอยู่ในจุดที่ดีตลอดเวลา จากการบริหารธุรกิจบนหลักของความยั่งยืน ซึ่งเป็นสิ่งที่เรายึดมั่นมาตลอด และคิดว่าในช่วง 2 ปีต่อจากนี้ก็ยังจะเป็นช่วงที่ดีของธุรกิจต่อไป” คุณชูเกียรติ กล่าวทิ้งท้าย

 

เขียนและเรียบเรียง : เพชรรัตน์ แสงมณี
ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.thebusinessplus.com/
Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS