Road To Cloud by Nutanix : ผสานทุกภาคส่วนผ่าน Hybrid Cloud

Nutanix (นูทานิคซ์) ผู้นำด้านเอ็นเตอร์ไพรซ์ Cloud ยักษ์ใหญ่ของโลกจัดงาน .NEXT ซึ่งเป็นงานประจำปีสำคัญทางเทคโนโลยีที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ซึ่งเริ่มจัดมาตั้งแต่ปี 2558 และในปีนี้งานที่จัดอยู่ภายใต้ธีม “NEXT Digital Experience” และด้วยสาเหตุจากสถานการณ์ Covid-19 ทำให้งานในครั้งนี้เป็นงานแบบเวอร์ชวลเป็นครั้งแรก และด้วยวิสัยทัศน์ของ Nutanix ที่เล็งเห็นความสำคัญของนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่จำเป็นสำหรับองค์กรท่ามกลางกระแส Digital Transformation งานนี้จึงเป็นการรวมตัวของผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ทางเทคโนโลยีและนักพัฒนาซอฟต์แวร์ทั่วโลก พร้อมอัปเดตเทรนด์เทคโนโลยีด้าน Cloud และ Data Center ที่ใช้งานในระดับองค์กร และความสำเร็จในการใช้เทคโนโลยี
โดนในงานนี้ทาง Nutanix ได้เปิดตัว Elevate ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์โปรแกรมระดับโลกที่ได้รับการออกแบบเพื่อกำหนดแนวทางใหม่ในการมีส่วนร่วมของพาร์ทเนอร์ Elevate ซึ่งจะช่วยรวมพาร์ทเนอร์โปรแกรมทั่วโลกของ Nutanix มาไว้บนโครงสร้างของโปรแกรมหนึ่งเดียว ไม่ว่าจะเป็น Value Added Resellers (VARs) และ Value Added Distributors (VADs); Service Providers (SPs) และ Telcos; Hyperscalers; Independent Software, Hardware และ Platform Vendors; Global System Integrators; และ Services Deliver Partners เพื่อมอบความเรียบง่ายความสามารถในการได้รับผลตอบแทน และช่วยให้พาร์ทเนอร์มีความพร้อมในการเข้าสู่ยุคของการเปลี่ยนแปลงสู่ Multi-cloud และโซลูชั่นที่หลากหลายขึ้นของ Nutanix
โดยนวัตกรรมด้านซอฟต์แวร์ที่ Nutanix ประกาศในงาน .NEXT ปีนี้จะช่วยเสริมศักยภาพให้กับโครงสร้างพื้นฐานไอทีแบบไฮเปอร์คอนเวิร์จ (Hyper Converged Infrastructure: HCI) ของ Nutanix ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ผสานรวม CPU, Storage, Virtualization และ Network ที่แตกต่างกันมาไว้ด้วยกัน เพื่อช่วยให้ธุรกิจใช้งานได้อย่างสะดวก เรียบง่าย ปรับขยายได้ ที่สำคัญคือประหยัดค่าใช้จ่าย
โดยนายดีราช ปานเดย์ ผู้ร่วมก่อตั้งและผู้บริหารสูงสุดของ Nutanix ได้เปิดเผยว่า “ในช่วงการระบาดของ Covid-19 ที่ผ่านมาไม่ใช่เรื่องง่ายที่ทุกคนจะสามารถผ่านจุดนั้นมาได้ และมีคำถามเกิดขึ้นมากมาย ทั้งเรื่องความปลอดภัยของคนจากหน่วยที่เล็กที่สุดคือครอบครัวไปจนถึงระดับทั่วโลก พร้อมคำถามตัวโต ๆ ว่าทำอย่างไรธุรกิจจึงจะอยู่รอดได้ ขณะที่สิ่งที่โตผิดสังเกตในช่วงเวลาแห่งความยากลำบากนี้คือ เทคโนโลยี Cloud ในรูปแบบ Hybrid Cloud ซึ่งนอกจะเข้ามาช่วยให้การทำงานของธุรกิจและองค์กรต่าง ๆ ง่ายขึ้นแล้ว ยังเข้ามาแก้ปัญหาเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลที่หลายฝ่ายกังวลเป็นอย่างมากอีกด้วย และนั้นได้ผลักดันให้บทบาทของ Cloud มีความสำคัญอย่างไม่เคยมีมาก่อน”
ด้าน Nutanix (ประเทศไทย) โดยคุณทวิพงศ์ อโนทัยสินทวี ผู้จัดการประจำประเทศไทย ได้จัดงานอัพเดทข้อมูลทางเทคโนโลยีที่สำคัญจาก Nutanix (นูทานิคซ์) พร้อมเปิดเผยว่า “เราได้เปิดตัว Karbon Platform Services ซึ่งเป็นการให้บริการรูปแบบ Platform-as-a-Service (PaaS) เป็นแพลตฟอร์มมัลติคลาวด์ที่ทำงานกับ Kubernetes มาพร้อมระบบจัดการด้านความปลอดภัยอัตโนมัติ เพื่อช่วยให้การพัฒนาและการใช้งานไมโครเซอร์วิสแอปพลิเคชั่นทำงานได้เร็วขึ้นไม่ว่าจะอยู่บนคลาวด์ประเภทใดก็ตาม ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ได้รับประสบการณ์จากบริการแบบครบวงจร (managed services) ที่พร้อมใช้งาน ไม่ว่าจะใช้งานที่ on-premises บนพับลิคคลาวด์ และที่อุปกรณ์ปลายทาง (edge) เพื่อสร้างและรันคลาวด์เนทีฟแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ รวมถึงสามารถแยกแอปพลิเคชั่นออกจากกันอย่างเป็นอิสระจากโครงสร้างพื้นฐานหลัก”
ประโยชน์หลักของ Karbon Platform Services
1. Managed Services ที่ครบครัน
2. การทำงานลักษณะ SaaS บนมัลติคลาวด์
3. ไฮบริด PaaS ที่ขยายได้
4. เพิ่มการรักษาความปลอดภัย
นอกจากนี้ คุณทวิพงศ์ ยังเพิ่มเติมว่าจากผลสำรวจการใช้ Cloud ขององค์กรในประเทศไทยประจำปี 2562 ของ Nutanix ระบุว่า “76% ของธุรกิจในไทยที่ตอบแบบสำรวจเห็นด้วยว่าระบบไฮบริดคลาวด์เป็นเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการดำเนินงาน และคาดการณ์ว่าระหว่างปี 2562 – 2564 ความเชื่อมั่นของไทยต่อระบบมัลติคลาวด์และไฮบริดคลาวด์จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก การใช้ระบบมัลติคลาวด์จะเติบโตแบบก้าวกระโดดไปเป็น 31% จากปี 2562 ที่มีเพียง 6% และการใช้ระบบไฮบริดคลาวด์จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าที่ 27%”