หากอยากเห็นภาพการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างชัดเจน คงต้องดูกันที่ ‘GDP’ ซึ่งย่อมาจากคำว่า Gross Domestic Product คือ ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ เป็นมูลค่าเศรษฐกิจทั้งหมดที่เกิดขึ้นในประเทศ ณ ช่วงเวลานั้น โดยถ้า GDP เป็นบวกหรือสูงขึ้น แปลได้ว่า เศรษฐกิจมีการเติบโตจากรายได้ที่มากขึ้น อาจมาจากประชาชนจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ภาครัฐและเอกชนมีการลงทุนเพิ่มขึ้น และมูลค่าการส่งออกสูงกว่าการนำเข้า
แต่ถ้า GDP เป็นลบหรือโตต่ำกว่าเดิม นั่นบ่งบอกถึงภาวะเศรษฐกิจมีการหยุดชะงัก หรือชะลอตัว อาจเป็นไปได้ว่าการจ้างงานมีแนวโน้มต่ำกว่าคาด การลงทุนภาคอุตสาหกรรมลดลง รวมถึงการบริโภคของประชาชนลดน้อยลง
ทั้งนี้ GDP จึงเปรียบเสมือนค่าที่วัดความเจริญทางด้านเศรษฐกิจ ที่มีความสำคัญต่อนักลงทุนเพราะนักลงทุนไม่ว่าจะรายเล็ก หรือรายใหญ่ ย่อมต้องอยากลงทุนในประเทศที่มีสภาพเศรษฐกิจดี
โดย สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) ของประเทศจีน ได้รายงานตัวเลข GDP ไตรมาส 1/2566 ขยายตัว 4.5% ซึ่งสูงกว่ารายปี 2565 ที่ขยายตัวเพียง 3% แต่ต่ำกว่าไตรมาส 1/2565 ที่ขยายตัวถึง 4.8%
ซึ่งช่วงรายปีที่ขยายตัวต่ำกว่านั้น เป็นผลมาจากเศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ในหัวเมืองสำคัญต่าง ๆ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 ภายใต้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ โดยยอดค้าปลีกหดตัวราว 0.2% ขณะที่ยอดขายของกลุ่มร้านอาหารปรับตัวลดลงถึง 6.3% แม้กระทั่งยอดขายสินค้าในกลุ่มเสื้อผ้า เครื่องสำอาง และเครื่องประดับต่างลดลงเช่นกัน ส่วนการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์หดตัว 10% ด้านอัตราการว่างงานอยู่ที่ระดับ 5.5% และสูงถึง 16.7% ในกลุ่มคนอายุ 16-24 ปี
สำหรับไตรมาส 1/2566 ที่ขยายตัวเพิ่มเติมขึ้นนั้น เหตุผลหลักคงมาจากการเลิกบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ เป็นผลทำให้ยอดค้าปลีกเดือนมีนาคม พุ่งขึ้น 10.6% ส่วนการผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 3.9% ขณะที่อัตราการว่างงานในพื้นที่เขตเมืองอยู่ที่ 5.3% ในเดือนมีนาคม ลดลง 0.3% จากเดือนกุมภาพันธ์
ทั้งนี้จากข้อมูลจะเห็นได้ว่าธุรกิจค้าปลีกมีการฟื้นตัวค่อนข้างมาก โดยจีนขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่พัฒนาด้านการค้าปลีก ทั้งอีคอมเมิร์ซ ออฟไลน์และโมเดลธุรกิจแบบ Online to Offline (O2O) ในหลายเทคโนโลยี ‘Business+’ จึงจะพามาส่องรายชื่อบริษัทที่มีการลงทุนในธุรกิจค้าปลีกและมีแนวโน้มการแข่งขันในตลาดช่วงระหว่างปี 2566-2570 ค่อนข้างสูง 15 อันดับแรก ดังนี้
1.Alibaba Group Holding Ltd.
2.CK Hutchison Holdings Ltd.
3.GOME Retail Holdings Ltd.
4.JD.com Inc.
5.Lotte Corp.
6.PetroChina Co. Ltd.
7.Sun Art Retail Group Ltd.
8.Vipshop Holdings Ltd.
9.Walmart Inc.
10.Yonghui Superstores Co. Ltd.
11.Quanlian Industrial Co. Ltd.
12.President Chain Store Corp.
13.Pinduoduo Inc.
14.E Mart Co. Ltd.
15.DFI Retail Group
ซึ่งหากดูบริษัท Alibaba ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซของจีน กับรายได้ไตรมาส 1 ย้อนหลัง 6 ปีนั้น มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไตรมาส 1/2560 บริษัทมีรายได้ 38,579 ล้านหยวน, งวดไตรมาส 1/2561 มีรายได้ 61,932 ล้านหยวน, ไตรมาส 1/2562 มีรายได้ 93,498 ล้านหยวน, ไตรมาส 1/2563 มีรายได้ 114,314 ล้านหยวน, ไตรมาส 1/2564 มีรายได้ 187,395 ล้านหยวน และล่าสุดไตรมาส 1/2565 มีรายได้ 204,052 ล้านหยวน จึงนับเป็นคู่แข่งเบอร์ต้น ๆ ที่น่ากลัวของหลายบริษัท
อย่างไรก็ตามจากการสำรวจส่วนแบ่งตลาดค้าปลีกจีน หมวดที่ครองส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดคืออาหารและเครื่องดื่ม ขณะที่เครื่องนุ่งห่มอยู่อันดับสอง ส่วนสินค้าในบ้านอันดับสาม เครื่องใช้ไฟฟ้าอันดับสี่ และสินค้าเพื่อความงามอันดับห้า
ทั้งนี้จึงสอดคล้องกับหลักปัจจัยสี่ที่ต้องมีในการดำรงชีวิต ซึ่งอาหารอยู่นำเป็นอันดับหนึ่ง โดยจากเว็บไซต์ World Population Review ซึ่งเป็นเว็บไซต์รวบรวมข้อมูลประชากรโลก ระบุว่า ประชากรชาวจีนล่าสุดอยู่ที่ 1.42 พันล้านคน ถือเป็นประเทศที่มีประชากรมากเป็นอับดับ 1 ในโลก ด้วยจากแรงขับเคลื่อนของประชากรในประเทศที่มีค่อนข้างมาก สินค้าอุปโภคและบริโภคจึงเป็นที่ต้องการมากที่สุด
โดยในอนาคตต่อจากนี้ภาพรวมเศรษฐกิจของจีนอาจจะกลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งเหมือนในอดีต หลังรัฐบาลได้ยกเลิกมาตรการต่าง ๆ ที่เคยส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมากกว่าเดิม แม้กระทั่งการทดลองปลูกผักผลไม้ของพื่อนบ้านเพื่อลดการนำเข้า เพื่อสร้างการหมุนเวียนทางระบบเศรษฐกิจให้มั่นคง ซึ่งเศรษฐกิจจีนมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐอเมริกาเท่านั้น จึงเป็นที่น่าจับตามอง GDP ไตรมาส 2/2566 นี้ จะเติบโตขึ้นกว่าเดิมหรือไม่
ที่มา : setinvestnow, SCB, CNBC, technavio, World Population Review, statista, สำนักข่าวอินโฟเควสท์
เขียนและเรียบเรียง : ศิริวรรณ อรรถสุวรรณ
ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.thebusinessplus.com/
Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS
IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.newgen2021/
#Businessplus #TheBusinessplus #นิตยสารBusinessplus #จีน #เศรษฐกิจจีน #GDP