ก้าวสู่ปีที่ 8 การดำเนินงานของเครือข่ายประชารัฐรักสามัคคี 76 จังหวัดทั่วประเทศ สร้างรายได้ให้ชุมชนกว่า 2,141 ล้านบาท เล็งเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนในการบริหารจัดการและพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน

คุณฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ในฐานะหัวหน้าทีมภาคเอกชน คณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ ให้เกียรติเป็นประธานพิธีเปิด   “งานสัมมนาประจำปีคณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก” โดยมี คุณอภิชาติ โตดิลกเวชช์ สมาชิกวุฒิสภา และประธานที่ปรึกษามูลนิธิสถาบันพัฒนาวิสาหกิจเพื่อสังคมแห่งประเทศไทย คุณสุทธิพงศ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย คุณอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน คุณประวิช สุขุม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายบริหารทั่วไป บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ในฐานะเลขานุการร่วมภาคเอกชน คณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ คุณภาวินี ไชยสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ประชารัฐรักสามัคคี วิสาหกิจเพื่อสังคม (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมด้วยผู้บริหารจากภาครัฐ ภาคเอกชน บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีจังหวัด (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด และพัฒนาการจังหวัด จากทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศ เข้าร่วม เมื่อวันอาทิตย์ที่ 1 ตุลาคม 2566 ณ ห้อง 208-209 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

เครือข่ายประชารัฐรักสามัคคีทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศ และ บริษัท ประชารัฐรักสามัคคี วิสาหกิจเพื่อสังคม (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทส่วนกลาง จัดตั้งขึ้นภายใต้การบริหารองค์กรแบบ “วิสาหกิจเพื่อสังคม” (Social Enterprise) ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องครบ 7 ปีเต็ม และกำลังก้าวสู่ปีที่ 8 อย่างเข้มแข็ง โดย คุณฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ในฐานะหัวหน้าทีมภาคเอกชน คณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ กล่าวโดยสรุปว่า “คณะทำงานได้น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาเป็นกรอบแนวคิดและหลักในการดำเนินงาน รวมถึงพระปฐมบรมราชโองการ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว อันได้แก่ เราจะสืบสาน รักษา ต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป มาเป็นหลักการในการทำงาน”

“ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เรามุ่งเน้นในการสร้างความเข้มแข็งและพัฒนาองค์ความรู้ให้กับเครือข่ายประชารัฐรักสามัคคีและชุมชนต่าง ๆ ให้สามารถแข่งขัน ก้าวทันกับความต้องการของตลาดได้อย่างต่อเนื่อง มีการเชื่อมโยงตลาดระหว่างกัน ปัจจุบันสร้างรายได้ให้กับชุมชนไปแล้วกว่า 2,141 ล้านบาท เฉพาะในปี 2565 สร้างรายได้ให้ชุมชนกว่า 414 ล้านบาท ผ่านโครงการต่าง ๆ ที่ขับเคลื่อนโดยเครือข่ายประชารัฐรักสามัคคีรวม 1,552 โครงการ ครอบคลุม 114,362 ครัวเรือน รวมไปถึงแพลตฟอร์มโครงการระดับประเทศที่มีการทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน อาทิ โครงการโรงพยาบาลอาหารปลอดภัย โครงการผ้าขาวม้าท้องถิ่น หัตถศิลป์ไทย และโครงการท่องเที่ยวโดยชุมชนตามรอยองค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต อีกด้วย”

คุณฐาปน กล่าวทิ้งท้ายว่า “ขอขอบคุณทุกท่านที่ได้มีส่วนร่วมในการผลักดันการดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่องตลอด 7 ปีเต็ม และก้าวต่อจากนี้ไป คณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ จะยังคงเดินหน้าเพื่อพัฒนาชุมชนตามแนวทาง ชุมชนลงมือทำ เอกชนขับเคลื่อน รัฐสนับสนุน โดยมุ่งเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนในการบริหารจัดการและพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน เพื่อสร้างรายได้ให้ชุมชน ประชาชนมีความสุข ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดของเราต่อไป”

ด้าน คุณสุทธิพงศ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากว่า “ทิศทางสำคัญคือ การสร้างความเสมอภาค ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม กระจายรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก โดยมุ่งสู่เป้าหมายในการ สร้างรายได้ให้กับชุมชน เพื่อประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีและชุมชนเข้มแข็ง ซึ่งดำเนินการใน 3 เรื่อง ได้แก่ การเกษตร การแปรรูป และการท่องเที่ยวโดยชุมชน ดำเนินการภายใต้ 5 กระบวนการ ได้แก่ การเข้าถึงปัจจัยการผลิต การสร้างองค์ความรู้ การตลาด การสื่อสารสร้างการรับรู้ และการบริหารจัดการ โดยขับเคลื่อนงานภายใต้คณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ โดยอาศัยการขับเคลื่อนผ่านกลไกประชารัฐ 5 ภาคส่วน ได้แก่ ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ ภาคประชาสังคม และภาคประชาชน และการขับเคลื่อนงานในระดับจังหวัด ซึ่งประกอบด้วย คณะกรรมการประสานและขับเคลื่อนนโยบายสานพลังประชารัฐประจำจังหวัด (คสป.) ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน พัฒนาการจังหวัดและหัวหน้าสำนักงานจังหวัดเป็นเลขานุการร่วม โดยมีบริษัท ประชารัฐรักสามัคคีจังหวัด (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด ทั้ง 76 จังหวัด ที่มี บริษัท ประชารัฐรักสามัคคี วิสาหกิจเพื่อสังคม (ประเทศไทย) จำกัด เป็นพี่เลี้ยง”

“นอกเหนือจากการขับเคลื่อนผ่านกลไกประชารัฐทั้ง 5 ภาคส่วนแล้ว ขอให้ทุกท่านให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างพลังการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายเพิ่มเติมอีก 2 ภาคส่วน ได้แก่ ภาคผู้นำทางศาสนา และภาคสื่อสารมวชน และมุ่งเน้นการสร้างทีม เพื่อให้เกิดการทำงานแบบบูรณาการความร่วมมือกันในรูปแบบ Teamwork อีกด้วย โดยกระทรวงมหาดไทยมอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะตัวแทนของรัฐบาลเป็นเสาหลัก เป็นที่ปรึกษาและเข้าร่วมประชุมเพื่อรับทราบแนวทางการพัฒนาเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการ บูรณาการงานร่วมกันภายใต้กฎระเบียบที่มี” ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวปิดท้าย

สำหรับ “งานสัมมนาประจำปีคณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก” กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-2 ตุลาคม 2566 ณ ห้อง 208-209 และห้องบอลรูม 2-3 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยมีภาคีเครือข่ายภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงผู้บริหารจาก บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีจังหวัด (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด และพัฒนาการจังหวัด จากทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศเข้าวร่วมกว่า 200 คน มีเป้าหมายเพื่อสื่อสารความเข้าใจข้อมูลและแนวทางการทำงาน ตลอดจนสร้างความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับเครือข่ายประชารัฐรักสามัคคี นอกจากนี้ยังจัดให้มีการเสวนาภาคเครือข่ายประชารัฐรักสามัคคี ประกอบด้วย บริษัท ไปรษณียไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM) ธนาคารออมสิน รวมถึงการบรรยายพิเศษหัวข้อ “วิสาหกิจเพื่อสังคมกับการเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจุบัน (กรณีศึกษาการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก โดยเครือข่ายประชารัฐรักสามัคคี)” โดยมี ดร. กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ “พอช.” ให้เกียรติเป็นวิทยากร