เพราะ AAS คือ The Name You Can Trust

ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้แบรนด์ปอร์เช่ (Porsche) ประสบความสำเร็จมาอย่างยาวนาน เช่นเดียวกันกับ บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด (AAS Auto Service) ซึ่งเป็นผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยมามากกว่า 27 ปี

 

AAS ดูแลลูกค้าด้วยทีมวิศวกร ระดับเหรียญทองที่ผ่านการอบรมทุกขั้นตอนตามมาตรฐานจากโรงงานปอร์เช่ ประเทศเยอรมนี สร้างความเชื่อมั่นและประทับใจให้กับลูกค้า จนทำให้เรายังคงสามารถสร้างยอดจำหน่ายได้ตลอดช่วงวิกฤต COVID-19

 

 


เพื่อเดินหน้าขับเคลื่อนแบรนด์รถสปอร์ตสัญชาติเยอรมันอย่าง ปอร์เช่  (Porsche) ให้แข็งแกร่งและประสบความสำเร็จดังที่เคยเป็นมา มร.ปีเตอร์ โรห์เวอร์ กรรมการผู้จัดการ ปอร์เช่ ประเทศไทย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด เล่าให้เราฟังถึงเหตุผลที่ลูกค้าเลือก AAS ให้ดูแลรถปอร์เช่มาตลอด 27 ปี ว่า “เราดำเนินธุรกิจด้วยนโยบายหลักของบริษัทที่ว่า AAS ดูแลทั้งรถและคุณ (AAS Looking after YOU and your CAR) เพื่อก้าวเข้าสู่คำว่า AAS The Name you can trust สร้างความไว้วางใจให้ลูกค้าปอร์เช่มาตลอดระยะเวลาในการดำเนินธุรกิจ เรามุ่งมั่นที่จะรักษาไว้ซึ่งแนวทางที่ว่า ‘ลูกค้าคือชีวิต (Customer for life) และ รถยนต์คือชีวิต (Car for life)’

 

 

AAS มีศูนย์บริการรถปอร์เช่ครบวงจรที่เพียบพร้อมทั้งโชว์รูมและศูนย์บริการที่ได้มาตรฐานรวมถึงประสิทธิภาพของเครื่องมือและเทคโนโลยีอันล้ำสมัยและแน่นอนว่า การบริการหลังการขายโดยทีมวิศวกร ผู้ซึ่งมีประสบการณ์และผ่านการฝึกอบรมทุกขั้นตอนตามมาตรฐานจากโรงงานปอร์เช่ ประเทศเยอรมนี การันตีความสามารถด้วยรางวัลระดับเหรียญทอง (Gold Level) ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดของวิศวกรปอร์เช่ นับเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้ชื่อของ AAS ได้รับการเชื่อมั่นและไว้วางใจจากลูกค้าในการดูแลรักษารถปอร์เช่คันโปรด

 

“เรารู้สึกมีความสุขมากที่ยังสามารถเปิดให้บริการแก่ลูกค้าของเราได้แม้ในเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ ซึ่งผมคิดว่าลูกค้าคงจะพึงพอใจและให้การสนับสนุนเราเช่นเดียวกัน โดยช่วงที่ผ่านมา เรามีกิจกรรมการประชาสัมพันธ์ที่สามารถปรับให้เข้ากับเหตุการณ์ได้อย่างรวดเร็ว

 

ทั้งด้านการโฆษณา การประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางออนไลน์ การติดต่อลูกค้าผ่านช่องทางดิจิทัล รวมถึงแคมเปญ AAS Exclusive Driving Experience at Home โดยบริการนำส่งรถยนต์ปอร์เช่ให้ลูกค้าทดลองขับถึงบ้านเพื่อความปลอดภัยจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดต่อโควิด 19 และการนำรถยนต์ปอร์เช่จากบ้านลูกค้าเข้ามารับบริการ โดยรถยนต์ปอร์เช่ทุกคันจะผ่านการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรค สร้างความอุ่นใจมากยิ่งขึ้น รูปแบบการให้บริการที่มอบความสะดวกสบายเช่นนี้จึงสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าเป็นอย่างมาก เพราะ AAS มีจุดแข็งในการตลาดและประชาสัมพันธ์จึงทำให้เรายังคงสามารถสร้างยอดขายรถยนต์ปอร์เช่ได้ตลอดช่วงวิกฤต COVID-19 นั่นเอง”

 

พัฒนาด้านบริการอย่างต่อเนื่อง

มร. ปีเตอร์ กล่าวว่า “เราประสบความสำเร็จอย่างมากในการจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่หลายรุ่น อาทิ ปอร์เช่ คาเยนน์ อี-ไฮบริด (Porsche Cayenne E-Hybrid) และปอร์เช่ พานาเมร่า (Porsche Panamera) เนื่องมาจากราคาที่คุ้มค่าและถูกใจลูกค้า ทำให้มียอดจำหน่ายรถยนต์ไฮบริดมากกว่า  60% และสำหรับรถพลังงานไฟฟ้าอย่าง ปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) ก็สามารถทำยอดจำหน่ายไปได้กว่า 400 คัน โดย AAS เล็งเห็นถึงความสำคัญของการรองรับยานพาหนะพลังงานไฟฟ้า จึงได้เตรียมความพร้อมในการติดตั้งสถานีชาร์จไฟพลังงานสูง หรือ High Voltage Charger ณ Porsche Centre Bangkok และ Porsche Centre Pattanakarn อีกทั้งยังได้ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจชาร์จไฟ ติดตั้งสถานีชาร์จในสถานที่สาธารณะอีกด้วย

 

นอกเหนือจากการให้บริการด้านสถานีชาร์จตามสถานที่ต่าง ๆ แล้ว AAS ยังให้บริการในการติดตั้งและดูแลระบบชาร์จแบตเตอรี่ในที่พักอาศัยให้กับลูกค้า ทำให้การใช้งานรถพลังงานไฟฟ้าอย่าง ไทคานน์ (Taycan) ปลอดภัยและสะดวกกว่าเดิม

 

หากคุณใช้รถยนต์ปอร์เช่ที่ต้องเติมเชื้อเพลิงแบบปกติ คำนวณค่าใช้จ่ายประมาณ 2,000 บาทต่อการเติมเชื้อเพลิง 1 ครั้ง แต่สำหรับการชาร์จรถไฟฟ้า คุณเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่า 2,000 บาทแน่นอน ผมกำลังจะบอกว่าคุณจะประหยัดเงินได้มากขึ้นและยังเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม”

 

ปอร์เช่วางแผนในการพัฒนายนตรกรรมสปอร์ตอยู่ตลอดเวลาโดยเฉพาะยนตรกรรมสปอร์ตไฟฟ้าซึ่งได้คาดการณ์ไว้ว่าก่อนปี 2025 หรืออีก 2 ปีข้างหน้า ประมาณ 65% ของรถปอร์เช่ที่ถูกส่งมอบทั่วโลกจะเป็นรถยนต์ไฮบริดและรถพลังงานไฟฟ้า สำหรับเรา ปอร์เช่ ประเทศไทย คาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถก้าวไปในทิศทางเดียวกับทั่วโลกได้

 

ความเปลี่ยนแปลงสำหรับความสำเร็จของคนรุ่นใหม่

“ในอดีตผู้ที่จะครอบครองรถสปอร์ตในฝันได้ มักจะเป็นผู้ที่ผ่านการประสบความสำเร็จในชีวิต หรือผู้ที่มองหารางวัลชีวิตให้แก่ตนเอง โดยมีอายุเฉลี่ย 50 ปีขึ้นไป ด้วยปัจจัยด้านภาษีที่ทำให้ราคารถค่อนข้างสูง แต่ในปัจจุบันหลายสิ่งเปลี่ยนแปลงไป อัตราภาษีที่มีการปรับลดลง เพื่อส่งเสริมรถยนต์รุ่นรักษ์โลก ทำให้เราสามารถปรับราคารถปอร์เช่ให้ท่านเข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น และด้วยดีไซน์พร้อมเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ทำให้รถยนต์ปอร์เช่ เข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีอายุน้อยลง เฉลี่ยประมาณ 46 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีความฝันและมุ่งสู่ความสำเร็จในชีวิต พร้อมกับมีความต้องการบางอย่างเพื่อเติมเต็มความสำเร็จนั้น นั่นคือ การเป็นเจ้าของรถปอร์เช่เฉกเช่นกับสโลแกนหนึ่งที่ว่า “อย่าเพียงแต่ฝัน จงขับมันออกไป (Don’t dream, start driving)”

ปัจจุบันปอร์เช่พยายามอย่างยิ่งที่จะสรรสร้างรถให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ที่มีอายุเฉลี่ยลดลงให้มากที่สุดเพื่อให้เอกลักษณ์เฉพาะบุคคลถูกถ่ายทอดและสะท้อนออกมายังรถที่พวกเข้าครอบครองได้อย่างไร้ขีดจำกัด เช่น สีของรถยนต์ที่มีให้เลือกอย่างหลากหลายแตกต่างจาก 27 ปีที่แล้ว ที่จะพบรถปอร์เช่เพียงแค่สีดำ สีขาวและสีเงิน วิ่งอยู่บนถนน