Porsche รถสปอร์ตสัญชาติเยอรมนี ที่เกิดหลังแบรนด์อื่นแต่ประสบความสำเร็จเร็ว

‘เงินเท่านั้นที่ knock everything ธนบัตรเท่านั้น ที่ทำให้เราได้โบยบิน ขับพอร์เช่ แล้วมันฟิน ฟิน ฟิน’ หลาย ๆ คนคงเคยเห็นไวรัลเพลงสุดจี๊ดอย่าง “MONEY (ฟังแล้วรวย)” จากเปิ้ล ไอริณกันไปบ้างแล้ว

รู้หรือไม่ว่า Porsche แบรนด์ที่ถูกกล่าวถึงในไวรัลเพลงดังกล่าว มีจุดเริ่มต้นหลังจากการที่คุณ Ferdinand Porsche ผู้ก่อตั้งชาวออสเตรียที่เคยไปทำงานเป็นวิศวะกรให้กับแบรนด์รถใหญ่ ๆ อย่าง Daimler-Benz และ Volkswagen® มาก่อน

โดยเฉพาะกับแบรนด์ Volkswagen® ที่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 รัฐบาลเยอรมนีมุ่งหวังให้เกิดการสร้างรถยนต์ที่ประชาชนเข้าถึงได้ ทำให้คุณ Ferdinand Porsche ได้คิดค้นและออกแบบรถยนต์รุ่นBeetle® หรือที่รู้จักกันในชื่อ รถยนต์ของประชาชนขึ้น จนประสบความสำเร็จไปทั่วเยอรมนี เรื่องราวนี้ก็ส่งผลให้เขาได้ขึ้นเป็นประธานคณะกรรมการบริหารของ Volkswagen® และเรื่องราวก็ดูเหมือนจะไปได้ดี

จนกระทั่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 คุณ Ferdinand ได้ถูกฮิตเลอร์ว่าจ้างให้ผลิตรถถังเพื่อใช้ในการรบ ซึ่งหายหลังจากสงครามที่เยอรมนีตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ทหารชาวฝรั่งเศสได้เข้ามาจับกุมตัวของเขาและคุณ Ferry Porsche ลูกชายของตนไว้ โดยในช่วงเวลาที่ถูกกักขังสองคนพ่อลูกได้คลุกคลีอยู่กับรถสปอร์ตที่มีอยู่ในเวลานั้น ทำให้เขาทั้งคู่เริ่มคิดค้นแล้วว่าจะสร้างสรรค์รถสปอร์ตที่ล้ำสมัยขึ้นมาเป็นของตัวเองเพราะรถสปอร์ตที่มีให้เห็นในเวลานั้นไม่เป็นดั่งใจ

เมื่อพวกเขาออกจากการกักขังหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ได้กลับไปยังบ้านเกิดในเมือง Gmünd ในประเทศออสเตรีย โดยเขาเริ่มออกแบบรถสปอร์ตในฝัน โดยมีผู้ออกแบบหลักก็คือคุณ Ferry และทั้งหมดของแบรนด์ก็เริ่มต้นภายในโรงงานเลื่อยไม้เล็ก ๆ เท่านั้น ทั้งนี้ พวกเขาจำเป็นจะต้องเริ่มสร้างตัวรถขึ้น ทำให้ย้ายฐานการผลิตไปที่ Stuttgart เยอรมนี พร้อมทั้งคิดค้นตัวถังรถขึ้นมาใหม่ โดยเปลี่ยนวัสดุจากเหล็กให้กลายเป็นอะลูมิเนียม พร้อมยังจำเป็นจะต้องพึ่งพาเครื่องยนต์จาก Volkswagen® พร้อมคิดค้นโลโกม้าสีทองท่าสะท้อนให้เห็นฐานการผลิตอย่างเมืองกำเนิด Stuttgart ที่โดดเด่นเรื่องฟาร์มม้า

และแล้วความพยายามของสองพ่อลูก Porsche ก็สำเร็จเมื่อพวกเขาสามารถเปิดตัวรถได้ในปี 1954 ‘Porsche 356’ นั่นเอง ทั้งนี้ ด้วยความเชี่ยวชาญด้านเครื่องยนต์ที่มี ทำให้ระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี หรือกลางทศวรรษที่ 50 เท่านั้น พวกเขาได้คิดค้นเครื่องยนต์ที่เหมาะสมกับรถสปอร์ตของแบรนด์ขึ้นมา และได้เปิดตัว Porsche 911 รถสปอร์ตสองที่นั่ง มีเครื่องยนต์อยูท้ายรถ และไม่ต้องเพิ่งพาเครื่องยนต์จาก Volkswagen® อีกต่อไป พร้อมทั้งยังปล่อยรุ่นย่อยอย่าง 911 Cabriolet ที่สามารถเปิดประทุนคันแรกได้

นับตั้งแต่นั้นมา Porsche เปิดตัวรุ่นรถใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ครองใจนักแข่งรถ เพราะตลอดประวัติศาสตร์ของแบรนด์ ได้รับถ้วยรางวัลการแข่งขันมากมาย หรือสรุปรางวัลได้ว่าชนะการแข่งขันรถยนต์ประมาณ 24,000 รายการทั่วโลก รวมถึงชัยชนะมากกว่า 50 รายการที่รายการแข่งระดับโลก หรือ Le Mans ที่เดียว

อย่างไรก็ดี การตลาดของ Porsche ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจเพราะสามารถทำให้แบรนด์เติบโตเป็นที่รู้จักได้อย่างรวดเร็วเทียบเท่ากับ mercedes benz, BMW ที่อยู่มาก่อนในตลาดรถยนต์กว่า 20 ปีได้ โดยแบรนด์ทำการตลาดแบบ ‘Emotional Marketing’ การตลาดที่ใช้อารมณ์หรือความรู้สึกในการเข้าถึงผู้บริโภค เพราะโดยแบรนด์จะเก็บข้อมูลไม่ว่าจะเป็น  ไลฟ์สไตล์ ลักษณะบุคลิกภาพ และค่านิยม เพื่อให้เข้าใจผู้บริโภคได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ทำให้พัฒนามาได้ตรงตามความต้องการของลูกค้ามากขึ้น

เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้หากเราจะกล่าวถึงความสำเร็จของ Porsche ก็ต้องยอมรับว่ามาจากสองพ่อลูกคู่ซี้อย่างคุณ Ferdinandและคุณ Ferry ที่ทั้งคู่ล้วนมีประสบการณ์มากมายด้านยานยนต์ ละมีแนวคิดที่จะมุ่งมั่นจะสร้างในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ทำให้แบรนด์ Porsche กลายเป็นอีกหนึ่งแบรนด์มีวิศวกรรมที่ยอดเยี่ยม พร้อมพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ในปัจจุบันทาง Porsche ยังมุ่งเน้นพัฒนาเรื่องของความหรูหรา สปอร์ตรวดเร็ว แต่ก็ยังคงความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งานไว้ ซึ่งเราจะเห็นได้จากประเภทรถที่มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น รถSedan รถSUV รถHybrid และรถ EV และนี่ก็เป็นเรื่องราวประวัติศาสตร์ของแบรนด์รถสปอร์ตหรูที่ไม่ว่าใครก็ต่างไว้วางใจ..

 

ที่มา : porsche ,porsche-holding, newsroom.porsche, goodbadmarketing

เขียนและเรียบเรียง : อโญศิริ สุระตโก

 

Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS

 

IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.thailand/

 

#Businessplus #Business+ #นิตยสารBusinessplus #Porsche #พอร์ชเช่