เปิดกลยุทธ์ Pop Mart ร้านของเล่นกล่องสุ่มจากจีน ที่มีมูลค่า 950,000 ล้านบาท

หากพูดถึง กล่องสุ่มต้องยอมรับว่ากระแสในไทยมีมากมาย ตั้งแต่ กล่องสุ่มสิ่งของเครื่องใช้ เสื้อผ้า และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งราคาของกล่องสุ่มก็จะมีตั้งแต่ หลักร้อยไปจนถึงหลักแสนเลยทีเดียว 

ทั้งนี้ กล่องสุ่มที่น่าสนใจไม่แพ้กับสินค้าประเภทเลยก็คือ กล่องสุ่มฟิกเกอร์ที่ให้กลุ่มเด็ก ๆ หรือนักสะสมได้สุ่มฟิกเกอร์หรือของเล่นตัวละครที่เราชอบกัน และนั่นก็คือโมเดลธุรกิจของ ‘Pop Mart’ บริษัทของเล่นจากประเทศจีน ที่ในปัจจุบันโด่งดังไปทั่วทุกมุมโลก

แล้วจุดเริ่มต้นของ Pop Mart มีที่มาอย่างไร

ย้อนกลับไปในปี 2010 Pop Mart ก่อตั้งขึ้นโดย คุณ Wang Ning ที่เห็นเทรนด์ของเล่นแบบสุ่มมาจากฮ่องกง ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ จึงได้ทำกล่องสุ่มของเล่นหลัก นั่นก็คือ ‘ฟิกเกอร์’ และอื่น ๆ โดยมุ่งจะเจาะกลุ่มเป้าหมายหลักคือ ’กลุ่มผู้หญิง’ ที่เป็นนักเรียนหรือกลุ่มพนักงานออฟฟิศ หรือนักสะสม ซึ่งเฉลี่ยแล้วลูกค้าหลักของแบรนด์จะมีอายุอยู่ที่ 16-28 ปี

โดยธุรกิจ Pop Mart จดทะเบียนบริษัทอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ด้วยชื่อ Pop Mart International Group Limited และมีคุณ Wang Ning เป็นผู้ถือหุ้นสูงสุด

ที่น่าสนใจคือ กลยุทธ์ของ Pop Mart ที่ทำให้ร้านของเล่นที่มีอายุเพียง 10 กว่าปีเติบโตได้อย่างรวดเร็ว โดยการ Collab สินค้ากับแบรนด์ดัง หรือนักออกแบบผู้โด่งดัง เพราะส่วนนี้จะช่วยทำให้ Pop Mart ขยายฐานลูกค้า เพิ่มการรับรู้ถึงแบรนด์ และของเล่นที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นแตกต่างจากคู่แข่งในตลาด

เห็นได้จากกระแสตอบรับของผลงานที่ร่วมมือกับศิลปินออกแบบชื่อดังอย่าง Kenny, Pucky, Ayan และ SKULLPANDA ทำให้ตัวละครฟิกเกอร์ MOLLY, DIMOO, SKULLPANDA, THE MONSTERS, HIRONO และ PUCKY มีชื่อเสียงและกระแสอบรับเป็นอย่างดีจากทั่วทุกมุมโลก 

ไม่เพียงเท่านี้ Pop Mart ยังทำงานร่วมมือกับ Disney, WarnerBros หรือบริษัทระดับโลกอื่น ๆ เพื่อเปิดตัวCollection ที่มีลิขสิทธิ์ขยายฐานลูกค้าที่ไม่ใช่แค่แฟน ๆ Pop Mart แต่เป็นแฟน ๆ ของบริษัทนั้น ๆ  เช่น Harry Potter และ Marvel Classic อีกด้วย

และอีกกลยุทธ์ที่ Pop Mart เลือกใช้คือ ‘ผลิตสินค้า Limited’ ทำให้กลุ่มลูกค้าต้องหาสะสมมากขึ้น และยอมซื้อต่อในราคาที่สูงเกินปกติ เห็นได้จาก KFC×DIMOO คอลเลกชั่นฉลองครบรอบ 35 ปี KFC ในประเทศจีน มีการออกฟิกเกอร์ 6 รูปแบบให้สะสม ซึ่งความต้องการไม่เพียงพอต่อสินค้าที่มีทำให้คอลเลกชั่นนี้เกิดซื้อขายในราคาสูงเกินกว่าที่มันจะเป็น  

สำหรับประเทศไทยราคา Pop Mart เฉลี่ยอยู่ที่ราคา 350 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับคอลเลกชั่นนั้น ๆ ด้วย

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน Pop Mart มีสาขาใน 23 ประเทศทั่วโลก และมีร้านค้า 350 แห่ง และมี Robo Shops มากกว่า 2,000 ตู้ทั่วโลก และมูลค่าบริษัทก็สูงถึง 950,000 ล้านบาท เป็นที่เรียบร้อย

ทั้งนี้ จากผลสำรวจจาก Global Licensing Industry Study พบว่าช่วงระหว่างปี 2015 – 2021 ผลิตภัณฑ์ออกแบบจากคาแรคเตอร์ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทั่วโลกถึงร้อยละ 25 เลยทีเดียว เป็นที่น่าสนใจว่าในอนาคตข้างหน้า Pop Mart จะสร้างสรรค์ฟิกเกอร์คาแรคเตอร์แบบไหนออกมาให้เหล่านักสะสมได้ตามหากัน..  

 

ที่มา : daxueconsulting, campaignasia, finance.yahoo

เขียนและเรียบเรียง : อโญศิริ สุระตโก

 

Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS

 

IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.thailand/

 

#Businessplus #Business+ #นิตยสารBusinessplus #กล่องสุ่มฟิกเกอร์ #กล่องสุ่มของเล่น #PopMart