สินค้ามือสอง

เมื่อ Online Thrift Store มาแรง โจทย์ใหม่ที่ Retail ต้องแก้เกม

นอกจากการแข่งขันระหว่าง Retail Store ด้วยกันเองแล้ว ดูเหมือนว่าวันนี้สนามค้าปลีกต้องเจอศึกหนักอีกครั้ง เมื่อผู้บริโภคหันมาจับจ่ายมือสองออนไลน์มากขึ้น แน่นอนว่าพฤติกรรมการบริโภคเช่นนี้ย่อมกลายเป็นโจทย์ท้าทายใหม่ของธุรกิจรีเทลอีกระลอก

ถ้าเป็นหลายสิบก่อน สินค้ามือสองดูจะเป็นสินค้าที่ไม่ได้รับความนิยมอย่างที่สุด เพราะเชื่อว่าเป็นสินค้าที่ไร้มูลค่า ราคาถูก มีตำหนิและผ่านการใช้งานมาแล้ว กลุ่มคนที่ใช้สินค้ามือสองจึงจำกัดอยู่ในกลุ่มคนระดับล่างเป็นส่วนใหญ่ แต่ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่าน สินค้าที่คนไม่ชายตามองกลับได้รับความนิยมขึ้นมาพร้อมๆกับกระแส Vintage ที่กลับมาทำให้ช่วงหนึ่งเราได้เห็นวัยรุ่นหันมาแต่งตัวแนววินเทจเกือบทั้งเมือง

จุดนี้เองที่ทำให้คนเปิดใจยอมรับสินค้ามือสองมากขึ้น จน Secondhand Clothing Industry เติบโตอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นการขายหน้าร้านแบบ Retail Store ก่อนขยายมาสู่การขายบนโลกออนไลน์ที่ในตอนนี้กำลังสร้าง Impact ให้แก่ธุรกิจสินค้ามือสองเป็นอย่างมาก

การก้าวเข้ามาของ Thrift Store บนโลกออนไลน์ บอกอะไรเราบ้าง?

Thrift Store ก็คือร้านขายสินค้ามือสอง ที่มีทั้งเสื้อผ้าแฟชั่นใช้แล้ว ติดแบรนด์ ไม่ติดแบรนด์ เฟอร์นิเจอร์ ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ที่กำลังกลายเป็นธุรกิจที่ฮอตฮิตที่สุดในตอนนี้

สำหรับภาพรวมของธุรกิจสินค้ามือสองทั้งออนไลน์และออฟไลน์มีมูลค่ากว่า 18 พันล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าจะเติบโต 11% ต่อปีนับจากนี้ จนตัวเลขจะไปแตะถึง 33 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2021 เลยทีเดียว ตัวเลขที่สูงปรี๊ดนี้มาจากไหนกัน?

ส่วนใหญ่แล้วมาจากการขายในออนไลน์ ตัวเลขของธุรกิจมือสองที่ขายทั่วไปแบบมีหน้าร้านเติบโตอยู่ที่ 8% ต่อปีแต่สำหรับบนโลกออนไลน์แล้วก้าวกระโดดมากกว่า 4 เท่า อยู่ที่ 35% ต่อปีเลยทีเดียว สินค้าที่ขายดีที่สุดคงหนีไม่พ้นเสื้อผ้าแฟชั่น รองเท้า กระเป๋าไปจนถึงเครื่องประดับและของกระจุกกระจิกสำหรับผู้หญิง ที่ตามมายังมีพวกสินค้าไฮเทค อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ

สำหรับกลุ่มลูกค้าของธุรกิจมือสองออนไลน์ ส่วนใหญ่จะเป็นสาวๆ ซึ่งมีทั้งสาวใหญ่อายุ 65 ปีขึ้นไปและสาวใสวัย 18 – 24 ปี ยิ่งไปกว่านั้นกลุ่มลูกค้ามือสองส่วนใหญ่กลับเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อรายได้มากกว่า 125,000 เหรียญสหรัฐ อีกทั้ง 77% ยังเป็นคนที่มีหน้าที่การงานดี

ThredUP อีกหนึ่งตลาดมือสองออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ก่อนหน้าหากคุณจะซื้อของออนไลน์คงต้องคิดถึง Market place อย่าง Amazon, eBay แต่ในตอนนี้ถ้าเป็นเรื่องของสินค้ามือสองออนไลน์ต้อง ThredUP ที่มีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาเปลี่ยนประสบการณ์ซื้อของมือสองให้สะดวก รวดเร็วยิ่งขึ้น

โดย ThredUP จะเป็นคนกลางระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย เขาจะมีการจัดการสินค้ามือสองที่ได้มาจากการรับซื้อของคนทั่วไป จากนั้นจะนำมาตรวจสอบคุณภาพ ซ่อมแซม ถ่ายภาพสวยๆ และตั้งราคาเพื่อขายบนเว็บไซต์ ประมาณ 100,000 ไอเท็มต่อวันและมีการ Add สินค้าขึ้นเว็บประมาณ 1,000 ไอเท็มต่อชั่วโมง มีให้เลือกกว่า 35,000 แบรนด์ทั้ง Street Brand, Hi-end Brand เช่น Lululemon, Kate Spade และ Michael Kors เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งตลาดของมือสองบนโลกออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกเลยทีเดียว

แล้วใครล่ะคือผู้ที่ต้องระส่ำระสาย?

นอกเหนือจาก ThredUP ที่มีอิทธิพลต่อธุรกิจของมือสองบนโลกออนไลน์ขณะนี้ ยังมีแพลตฟอร์มอื่นๆ ที่หนุนให้คนขายสินค้ามือสองของตัวเองได้ง่ายขึ้นบนโลกออนไลน์ เช่น Facebook Market Place ทำให้คนส่วนใหญ่นิยมซื้อของออนไลน์กันมากขึ้น และซื้อของมือหนึ่งตามร้านค้าทั่วไปน้อยลง โดยเฉพาะสินค้ามือหนึ่งที่ราคาสูง

ส่วน Amazon ที่เป็นเจ้าพ่อออนไลน์ก็ยังไม่สามารถกระโดดเข้าแข่งขันกับตลาดมือสองที่เติบโตอยู่ในขณะนี้ได้ เพราะ Amazon เองยังไม่มีความสามารถในการจัดการสินค้าเข้าใหม่เป็นแสนชิ้นต่อวัน ไม่มีระบบประเมินราคาสินค้า ส่วน eBay ที่ต้องจัดการกับสินค้าที่มีมูลค่ามากกว่า 90 พันล้านเหรียญแต่เกือบ 80% คือสินค้าใหม่ ทำให้เขายกตลาดมือสองให้แก่ ThredUP และอีกหลายแพลตฟอร์มที่มีความเฉพาะเจาะจงในตลาดนี้มากกว่า

นอกจากนี้ผู้ที่กำลังแข่งขันด้วยการลดราคาสินค้า คือบริษัทไซส์บิ๊กอย่าง Macy’s, Nordstrom Rack ที่เป็นห้างสรรพสินค้าและมีแพลตฟอร์มขายบนโลกออนไลน์ นอกจากที่พวกเขาจะต้องสู้กับคู่แข่งในธุรกิจเดียวกันแล้วยังต้องสู้กับ Business Model ใหม่ที่เกิดขึ้น เช่น ThredUP อีกด้วย เรียกได้ว่าสถานการณ์ของ Retail ในตอนนี้น่าจับตามองว่าจะงัดกลยุทธ์อะไรมาใช้เพื่อต่อกรกับธุรกิจใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นอยู่ ณ ขณะนี้