อุตสาหกรรมน้ำมันและแก๊สกับ “ตลาดกระทิง” ครั้งใหญ่ (ตอนที่ 1)

คำถามที่จะตั้งเอาไว้ก่อนเข้าเรื่องคือ ทำไมอุตสาหกรรมน้ำมันและแก๊สจะเล่นบทกระทิงในระยะยาว

ตอนนี้ภาพรวมอุตสาหกรรมน้ำมันและแก๊สดูไม่น่าสนใจเอาซะเลยสำหรับนักลงทุนทั่วโลก โดยเฉพาะเมื่อต้องเทียบกับธุรกิจสีเขียวทั้งหลายอย่างโซล่าและเทคโนโลยีที่ถูกมองว่าจะเข้ามาแทนที่ธุรกิจน้ำมันและแก๊สอย่างแน่นอนและในเร็ววันซะด้วย

แบบนี้ก็ทำให้เงินทุนที่ถูกใส่เข้าไปในบริษัทกลุ่มนี้ลดลง กิจกรรมการขุดเจาะและสำรวจก็หายไป แน่นอนว่าแบบนี้ก็ไม่ใช่มุมบวกต่อต่อกระแสเงินสดของบริษัทอย่าง Free Cash Flow ขณะที่บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านนี้เดินหน้าทำการควบรวมที่คุณภาพต่ำจำนวนมาก (ที่มักจะเกิดบนจุดสูงสุดของวัฏจักรธุรกิจนั้น) นำมาซึ่งความเจ็บปวดทางบัญชีอย่างเลี่ยงไม่ได้ ผลที่ตามมาคือผลตอบแทนอันเลวร้ายนับตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมาซึ่งเป็นปีที่เกิดวิกฤตการณ์การเงินครั้งใหญ่ พร้อมมกับการมาของ ESG ที่ได้เข้าไปควบคุมเงินทุนที่จะไหลเข้าสู่ธุรกิจนี้

และนั่นทำให้อุตสาหกรรมในกลุ่มนี้ไม่ได้รับรางวัลจากนักลงทุนสำหรับการลงทุนใหม่ ๆ เพื่อการเติบโต แต่ก็ได้ความแข็งแกร่งของงบดุลเข้าแทนที่ พร้อมกับการไม่ต้องลงทุนอะไรใหม่มากมาย กระแสเงินสดก็เหลือเยอะขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปตรงนี้กลายเป็นปันผลที่วิ่งกลับไปสู่นักลงทุน และตรงนี้แหละที่น่าสนใจสำหรับการมองหาผู้ผลิตและขนส่งน้ำมันรายใหญ่เพื่อถือครองเอาไว้ตลอดทศวรรษนี้ พร้อมการขาดหายไปในการลงทุนของอุตสาหกรรมนี้มันได้ติดตั้งความเป็นไปได้ของการขาดแคลน และนำไปสู่ตลาดกระทิงที่จะยาวนานกว่าหลายคนคาดคิดเอาไว้ และหากเราไปดูในช่วงกลางปี 2020 ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่าอุตสาหกรรมนี้ได้ตายลงแล้ว พวกเขากำลังสร้างกระแสเงินสดในระดับสถิติอีกครั้ง (มากกว่า 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐทั้งอุตสาหกรรมทำร่วมกัน สูงเป็นสถิติในรอบเกือบ 8-9 ปีเลยทีเดียว)

เส้นทางสู่ตลาดกระทิง

นักลงทุนชื่อดังด้านสินค้าโภคภัณฑ์อย่างคุณ Rick Rule เคยพูดเอาไว้ว่า “ตลาดหมีคือผู้ประพันธ์ตลาดกระทิง และตลาดกระทิงก็คือผู้ประพันธ์ตลาดหมีเช่นกัน” เมื่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เมื่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้นไม่ว่าจะเป็นทอง เงิน และทองแดง มันจะไปดึงดูดเอาผู้ผลิตจำนวนมากเข้ามาในตลาดนี้พร้อมการจ่ายเงินไม่อั้นเพื่อสำรวจ พัฒนา และการสกัดผลิตภัณฑ์เหล่านั้นออกมา โดยแนวโน้มนี้จะรวมเข้ากับวงจรความต้องการ (อุปสงค์) และสุดท้ายผลลัพธ์ก็คือสินค้าล้นตลาดซึ่งนำไปสู่ราคาปรับตัวลดลง เมื่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์อยู่ในระดับต่ำ สถาบันจำนวนมากจะลงทุนใส่เงินเข้ามาเพื่อค้นหาและผลิตให้ได้จำนวนมาก ความต้องการจะเร่งตัวเร็วกว่าอุปทาน หรือ สินค้าที่มีและเป็นสาเหตุของความไม่สมดุล หลังจากนั้นราคาก็พุ่งทะยาน

ราคาถูกมองในฐานะสัญญาณและแรงดึงดูดสำหรับผู้ผลิตที่จะเข้ามาพร้อมกับ CAPEX ใหม่ ๆ (ค่าใช้จ่ายในการลงทุน เป็นการลงทุนเพื่อสร้างสินทรัพย์ระยะยาว) และอุปทาน หรือไม่ก็เป็นการตัด CAPEX และอุปทาน แถมมันยังเป็นสัญญาณของผู้บริโภคด้วยว่าพวกเขากำลังจะใช้ได้สินค้าเหล่านี้อย่างเสรีหรือการบริโภคของพวกเขากำลังจะถูกควบคุม

และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมอุตสาหกรรมสินค้าโภคภัณฑ์กำลังจะมีอนาคตที่สดใสรออยู่ข้างหน้าเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมอื่น ๆ และเนื่องจากผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้น่าตาของมันจะคล้าย ๆ กันหมดทำให้ผู้ผลิตจะมีความสามารถในการกำหนดของน้อยมาก โดยคูน้ำเพียงแห่งเดียวที่ล้อมรอบป้อมปราการนี้เอาไว้คือ การที่ผู้ผลิตเป็นเจ้าของทรัพย์ยากรที่ต้นทุนต่ำของอุปทาน และหากดูภาพรวมการเติบโตของกำไรในกลุ่มนี้ตอนนี้ต้องบอกว่าแทบจะต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 1815 มาเลยทีเดียว โดยตอนนี้อัตราการเติบโตของดัชนีสินค้าโภคภัณฑ์สหรัฐต่อปีแบบทบต้น (เปอร์เซ็นต์กำไรต่อปี) ติดลบมากกว่า -4% ไปแล้ว

โดยในช่วงระหว่างปี 2010 จนถึง 2020 เป็นต้นมาผู้ผลิตน้ำมันดิบในอเมริกาเหนือได้ผลักดันการผลิตจนล้นตลาด พร้อมกับต้นทุนของเงินทุนที่ต่ำและการก่อเกิดขึ้นของเทคโนโลยีใหม่ ๆ ตรงนี้ทำให้กำลังของผู้ผลิตจำนวนมากไม่ยั่งยืน พวกเขามุ่งเป้าไปที่การเติบโตของหุ้นและการทำเงินเพื่อจ่ายดอกเบี้ยเท่านั้น และราคน้ำมันดิบก็พลังทลายลงในปี 2014 จากภาวะล้นตลาดและก็มาพังอีกรอบจากโคโรน่าไวรัส ซึ่งตอนนี้พวกเขามีตลาดหมีมามากกว่า 13 ปีแล้ว ขณะที่เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนสะสมทุก 5 ปีของน้ำมันก็สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกับตัวเลขดัชนี CPI หรือ ตัวเลขเงินเฟ้อ โดยทุกครั้งที่ราคาน้ำมันพุ่งตัวเลขเงินเฟ้อก็จะพุ่งตามไปด้วยนั่นเอง โดยตลาดหมีที่เราเจอในตอนนี้ของอุตสาหกรรมน้ำมันคือหนึ่งใน 3 ครั้งที่แย่ที่สุดของศตวรรษที่ผ่านมา

โดยหลังจากความเจ็บปวดของการพังทลายถึงสองครั้งในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาทำให้ตัวเงินทุนจาก CAPEX ใหม่จะอยู่ในระดับต่ำในตอนนี้ ถึงแม้ตัวเลข CAPEX ในปี 2021 จะสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2020 แต่ก็ยังถือว่าต่ำเมื่อเทียบกับปี 2019 และยิ่งห่างไกลเมื่อเทียบกับปี 2014 เพราะฉะนั้นถ้าบริษัทสามารถผ่านช่วงเวลานี้ไปได้โดยไม่ได้ลดคุณค่าของตัวเอง พวกเขาก็จะเริ่มเก็บเกี่ยวกระแสเงินสดที่สูงขึ้นกว่านี้มากเป็นรางวัล และภายใต้ CAPEX ที่ต่ำผสานเข้ากับมาตรการ ESG ที่ได้สร้างข้อจำกัดให้กับอุตสาหกรรมนี้ ก็มีความเป็นไปได้สูงมากว่านี่กำลังเป็นการติดตั้ง ‘ตลาดกระทิง’ ครั้งใหญ่ให้กับอุตสาหกรรมนี้อีกครั้ง

แปลและเรียบเรียง : เอกพล มงคลพัฒนกุล

ที่มา : Bloomberg, Rystad Energy, St. Louis Fed, US Energy Information Administration และ lynalden

ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.thebusinessplus.com/
Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS
IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.newgen2021/

#Businessplus #Business+ #นิตยสารBusinessplus #น้ำมันและแก๊ส #ตลาดกระทิง #ตลาดน้ำมัน #อุตสาหกรรมน้ำมัน