NipponHam

Nippon Ham บริษัทเก่าแก่จากญี่ปุ่น กับกลยุทธ์ลดการพึ่งพาคู่ค้าตปท. สู้ปัญหาเงินเยนอ่อนค่า-ต้นทุนอาหารสัตว์พุ่ง

จากวิกฤตต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับโลกของเราในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทั้ง COVID-19 หรือสงครามระหว่าง ‘รัสเซีย-ยูเครน’ ได้ก่อให้เกิดปัญหา Supply Chain Disruption หรือปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งวิกฤตเหล่านี้ได้ก่อให้เกิดแนวความคิด และกลยุทธ์การบริหารธุรกิจใหม่ ๆ ที่เป็นการทวนกระแสโลกาภิวัตน์ (Deglobalization) และทำให้ห่วงโซ่อุปทานโลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพราะหลายบริษัทได้นำนโยบายแบบเน้นตนเองมาใช้ โดยบริษัทเหล่านี้จะเริ่มวางแผนธุรกิจใหม่ ปรับกลยุทธ์ใหม่ และลดการพึ่งพาผู้ผลิตสินค้า (Suppliers) และหันมาผลิตวัตถุดิบต่างๆ ที่สามารถทำได้ด้วยตัวเองมากขึ้น

เห็นได้จากเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ‘บริษัทแอปเปิ้ล อิงค์’ เจ้าของแบรนด์ Apple บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ ได้ประกาศแผนที่จะเริ่มใช้หน้าจออุปกรณ์เคลื่อนที่ (Mobile device display) ที่บริษัทผลิตขึ้นเองภายในปี 2567 ซึ่งเป็นความพยายามที่จะลดการพึ่งพาบรรดาบริษัทคู่ค้าซึ่งรวมถึงซัมซุงและแอลจี และมีเป้าหมายที่จะผลิตชิ้นส่วนต่าง ๆ ขึ้นเองในองค์กร

ขณะที่ในเดือนเมษายนนี้ ก็จะมีบริษัทใหญ่อีกราย ประกาศแผนการออกมาในทำนองเดียวกัน นั่นคือ NH (Nippon Ham) Foods Group โดย Nippon Ham เป็นบริษัทสัญชาติญี่ปุ่น ที่ทำธุรกิจด้านอาหารระหว่างประเทศครอบคลุมธุรกิจที่หลากหลาย ทั้งเนื้อสด ผลิตภัณฑ์จากทะเล และผัก รวมไปถึงอาหารแปรรูปอย่างแฮมและไส้กรอกที่ Nippon Ham ถือเป็นผู้ผลิตรายแรกๆ ของญี่ปุ่น และ Nippon Ham ยังเป็นเจ้าของทีม Hokkaido Nippon-Ham Fighters ทีมเบสบอลมืออาชีพในลีกแปซิฟิกของ ญี่ปุ่น และเป็นเจ้าของส่วนหนึ่งของทีมฟุตบอลเจลีก อย่าง Cerezo Osaka โดย Nippon Ham ก่อตั้งในปี 2485 (81 ปีที่แล้ว) โดยปัจจุบัน NH Foods Group มีสำนักงาน 87 แห่งใน 18 ประเทศและภูมิภาค ซึ่งในปี 2022 ที่ผ่านมา มียอดขายสุทธิ 1,174,389 ล้านเยน หรือราว  305,950 ล้านบาท

ซึ่งแผนการที่น่าสนใจของ Nippon Ham ในแง่ของการพึ่งพาผู้ผลิตภายในประเทศตัวเอง คือ วางขายไก่และหมูที่เลี้ยงด้วยอาหารสัตว์ที่ผลิตโดยใช้ข้าวกล้องและข้าวสาลีที่ผลิตภายในญี่ปุ่น ตั้งแต่เดือนเมษายน เป็นต้นไป ซึ่งจะเป็นการร่วมมือกับผู้ผลิตอาหารสัตว์ในประเทศเพื่อจัดหาอาหารสัตว์ที่ใช้วัตถุดิบภายในญี่ปุ่น

โดยเหตุผลที่ Nippon Ham เลือกกลยุทธ์นี้เป็นเพราะว่าราคาอาหารสัตว์ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเกิดจากผลกระทบของเงินเยนที่อ่อนค่า และผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน โดยมีเป้าหมายหลักคือการใช้อาหารสัตว์ในประเทศอย่างมีประสิทธิภาพและนำไปสู่อุปทานที่มั่นคงครั้งนี้จะมีการเปิดตัวเนื้อสัตว์ 2 ประเภท คือ เนื้อไก่ ซึ่งจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้ชื่อแบรนด์ “Kitano Komekokko” และ เนื้อหมูซึ่งจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้ชื่อ “Mugi ko machi”

ซึ่งใช้ข้าวสาลี 15% ขึ้นไปเป็นอาหารในการเลี้ยงตั้งแต่เริ่มเข้าสู่ช่วงทำน้ำหนักเนื้อไก่ Kita no Komekokko เกิดจากการร่วมมือกับผู้ผลิตอาหารสัตว์ในประเทศเพื่อจัดหาอาหารสัตว์ที่ใช้ข้าวกล้องที่ปลูกในฮอกไกโด และเลี้ยงไก่เหล่านั้นในฮอกไกโด โดยในปีแรกตั้งเป้าขาย 600,000 ตัวต่อปียอดขายปีละ 900 ล้านเยน จุดเด่นคือเพิ่มผงโรสแมรี่นำเข้าในอาหารทำให้มีรสชาติและนุ่มกว่าไก่ทั่วไปสำหรับเนื้อหมูMugi ko machi ตั้งเป้าจำหน่าย 13,000 ตัวในปีแรกและทำยอดขายปีละ 500 ล้านเยน

นอกจากนี้บริษัท Nippon Ham ยังมีการปรับปรุงอาหารสัตว์ที่ใช้ข้าวสาลีจากฮอกไกโดเป็นส่วนผสมเช่น ข้าวสาลีที่ไม่ได้มาตรฐานจากผู้ผลิตอาหารสัตว์รายอื่นเพื่อพัฒนา โดยกลุ่มบริษัท Nippon Ham ยังมีการเลี้ยงสุกรโดยใช้มูลสัตว์ที่เกิดขึ้นระหว่างการเลี้ยงนำไปทำปุ๋ยในฟาร์มข้าวสาลีอีกด้วย

ถือว่าเป็นแผนธุรกิจที่น่าสนใจเพราะการพึ่งพาตัวเองนี้ทำให้บริษัทสามารถควบคุมต้นทุนได้เอง และยังมีความยืดหยุ่นมากกว่าการอาศัย Suppliers นอกจากนี้ในมุมของเศรษฐกิจของประเทศแล้ว การพึ่งพา และใช้วัตถุดิบในประเทศยังเป็นการปกป้องการค้าภายในประเทศได้อีกด้วย ซึ่งต่อจากนี้ไป ‘Business+’ มองว่าเราจะได้เห็นหลาย ๆ บริษัทหันกลับมาพึ่งพาตัวเองมากยิ่งขึ้น และที่ผ่านมา บริษัทใหญ่หลายรายก็ได้กลับมาผลิตสินค้าเอง และพึ่งพาระบบการผลิตระหว่างประเทศน้อยลง ซึ่งการที่บริษัทยักษ์ใหญ่หันมาพึ่งพาตัวเองนี้ จะเกิดผลกระทบต่อยอดขาย และกำไรของ Suppliers ต่างประเทศเป็นจำนวนมาก

ที่มา : ditp , nikkei.com

เขียนและเรียบเรียง : พรรณรุ้ง คุ้มพงษ์พันธ์

Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS

IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.thailand/

#Businessplus #Business #นิตยสารBusinessplus #NipponHam #Deglobalization