The Business Plus บิสิเนสพลัส
จากการที่ New NISSAN KICKS e-POWER ได้รับรางวัล Product Innovation Awards ประเภทรถยนต์อเนกประสงค์ จากนิตยสาร Business+ ประจำปี 2023 มร.อิซาโอะ เซคิกุจิ ประธานนิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย มาไขความลับที่ทำให้ รถยนต์ Compact SUV รุ่นนี้ ได้รับรางวัลในปีนี้
“ประสบการณ์ใหม่ คันนี้ใช่เลย” คือ แนวคิดหลักที่นิสสันใช้ในการทำการตลาดสำหรับ New NISSAN KICKS e-POWER เจเนอเรชันที่สอง ซึ่งนับได้ว่าเป็นแนวคิดที่เรียกว่า “ตรงประเด็น” มาก เพราะ New NISSAN KICKS e-POWER มอบประสบการณ์ใหม่ให้แก่ผู้ขับขี่ได้อย่างน่าประทับใจ” ประธาน นิสสัน ประเทศไทย กล่าว
3 เหตุผลที่ทำให้ New NISSAN KICKS e-POWER มอบประสบการณ์ใหม่ คันนี้ใช่เลย
New NISSAN KICKS e-POWER รถยนต์คอมแพ็กต์ เอสยูวี ที่มอบกำลังและสมรรถนะเฉกเช่นรถยนต์ไฟฟ้าโดยไม่ต้องชาร์จไฟจากภายนอก มาพร้อมเทคโนโลยี อี-พาวเวอร์ เอกสิทธิ์เฉพาะจากนิสสัน ที่ได้รับรางวัลมากมาย ผลิตจากฐานการผลิตในประเทศไทย เพื่อลูกค้าในประเทศ และเพื่อส่งออก
- โดดเด่นและแตกต่างด้วยเทคโนโลยี อี-พาวเวอร์ มอบประสบการณ์การขับขี่เฉกเช่นรถยนต์ไฟฟ้า 100% โดยไม่ต้องชาร์จไฟจากภายนอก
เทคโนโลยี อี-พาวเวอร์ เอกสิทธิ์เฉพาะของนิสสัน ลูกค้าจะได้รับประโยชน์มากมายจากประสบการณ์การขับขี่เหมือนรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 100% โดยเปลี่ยนน้ำมันให้เป็นพลังงานไฟฟ้า จึงออกตัวได้เร็วเร่งแรงดั่งใจ โดยไม่ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้งาน
- อี-เพดดัล สเต็ป ขับขี่นุ่มนวล ในทุกรูปแบบของเส้นทาง
New NISSAN KICKS e-POWER มาพร้อม อี-เพดดัล สเต็ป นวัตกรรมจากนิสสันที่ให้ความสะดวกสบายและขับขี่ง่ายไม่เหนื่อย เมื่อผู้ขับขี่อยู่ในโหมด Sport & Eco จะสามารถเพิ่มหรือลดความเร็วได้ด้วยการใช้แป้นคันเร่งเพียงแป้นเดียว โดยเมื่อยกเท้าขึ้นจากคันเร่ง รถสามารถชะลอความเร็วลงอย่างนุ่มนวล และคงปล่อยไหลไปได้อย่างต่อเนื่องในย่านความเร็วต่ำ เสริมความสะดวก และเหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น - เทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงรอบคัน
ทั้งนี้ นิสสันได้เพิ่มเทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคัน หรือ Nissan’s 360° SAFETY SHIELD ใน New NISSAN KICKS e-POWER เพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับการปกป้องเต็มที่ และสามารถขับขี่ด้วยความมั่นใจในทุกการเดินทางโดยเทคโนโลยีที่เพิ่มเข้ามา ได้แก่ เทคโนโลยีแจ้งเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง หรือ Lane Departure Warning (LDW) โดยหากระบบตรวจจับได้ว่า รถกำลังเบี่ยงออกนอกเลนโดยที่ไม่มีการเปิดไฟเลี้ยว ระบบจะส่งสัญญาณเตือนไปยังผู้ขับขี่ โดยการสั่นที่พวงมาลัย
เทคโนโลยีเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ หรือ High Beam Assist (HBA) ที่จะปรับระดับการส่องสว่างของไฟหน้า พร้อมตรวจจับและตอบสนองความเคลื่อนไหวที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของรถที่วิ่งสวนทางแบบอัตโนมัติ
“นิสสันมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเราตลอดเวลา เพื่อให้มีความสดใหม่ เรารับฟังความต้องการของลูกค้า และนำมาปรับปรุงรถยนต์ของเราให้ตรงตามความต้องการ New NISSAN KICKS e-POWER จึงตรงใจลูกค้าด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย มอบความมั่นใจ และความสะดวกสบายในทุกการขับขี่”
นอกจากนี้ เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยขั้นสูงต่าง ๆ ที่ติดตั้งมาใน New NISSAN KICKS e-POWER อาทิ เทคโนโลยีควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ หรือ Intelligent Cruise Control (ICC) เทคโนโลยีช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ หรือ Intelligent Emergency Braking (IEB), เทคโนโลยีเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ หรือ Intelligent Forward Collision Warning (IFCW) และเทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา หรือ Blind Spot Warning (BSW) ซึ่งมีอยู่แล้วใน New NISSAN KICKS e-POWER รุ่นก่อนหน้า ยังคงให้ความมั่นใจด้านความปลอดภัยอย่างเต็มที่
ในเรื่องของความประหยัด เครื่องยนต์ DOHC แบบ 3 สูบ 12 วาล์ว ความจุ 1.2 ลิตร ใน New NISSAN KICKS e-POWER จะสร้างและจ่ายกระแสไฟให้กับเจเนอเรเตอร์ และอินเวอร์เตอร์ เพื่อชาร์จเข้าสู่แบตเตอรี่ขับเคลื่อนด้วยการผสานเครื่องยนต์และแบตเตอรี่ที่มีขนาดความจุมากขึ้นนี้ ซึ่งนอกจากจะให้พละกำลังมากขึ้นแล้ว ยังให้การประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น โดยมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 26.3 กิโลเมตรต่อลิตร สำหรับการขับขี่ในเมือง และ 23.8 กิโลเมตรต่อลิตร ในการขับขี่โดยเฉลี่ย
จากคุณสมบัติและสมรรถนะที่กล่าวมาข้างต้น ไม่แปลกใจเลยว่าทำไม New NISSAN KICKS e-POWER
ถึงเป็นรถที่ลูกค้าให้การตอบรับเป็นอย่างดีนับตั้งแต่เปิดตัว
“นิสสันมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมเพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ระยะยาว Nissan Ambition 2030 ในการยกระดับชีวิตของผู้คนในสังคม การรับฟังความเห็นของลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญมาก เราจึงให้ความสำคัญกับการศึกษาความต้องการของลูกค้า ยิ่งในปัจจุบันการพัฒนาในด้านต่าง ๆ ทำให้ลูกค้ามีพฤติกรรมการบริโภคหรือความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว” มร.อิซาโอะ เซคิกุจิ กล่าวสรุป
