ถึงเวลาที่ต้องปรับเปลี่ยน “เนสกาแฟ” แบรนด์กาแฟสำเร็จรูปอันดับ 1 ของประเทศไทยมานาน
เริ่มปรับชื่อจาก “เนสกาแฟ 3 in 1” เป็น “เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู” พร้อมปรับสูตร โดยผสมกาแฟคั่วบดละเอียด เพื่อรับมือกับ การขยายตัวของ ร้านกาแฟสด ที่มีอยู่มากมาย ทำให้ผู้บริโภคที่เคยดื่มกาแฟผงสำเร็จรูป ชงเองทั้งที่บ้าน และที่ทำงาน เปลี่ยนไปซื้อกาแฟสด เพราะสามารถหาซื้อได้สะดวก ราคาไม่แพง และยังได้รับประสบการณ์ในการดื่มกาแฟที่ดี เมื่อมนุษย์ได้รับประสบการณ์ที่ดี ก็จะพาตัวเองไปหาสิ่งที่ดีกว่าเสมอ
และโอกาสที่ผู้บริโภคกลุ่มนี้จะหันกลับมาชง “กาแฟผงสำเร็จรูป” มีน้อยลง ทำให้ ตลาดกาแฟผงสำเร็จรูป มีมูลค่าตลาดประมาณ 4,000 ล้านบาท จากตลาดรวมประมาณ 18,000 ล้านบาท ในขณะที่กาแฟสำเร็จรูป มีมูลค่าตลาดประมาณ 14,000 ล้านบาท และกาแฟพร้อมดื่ม หรืออาร์ทีดี มีมูลค่าตลาดประมาณ 10,000 ล้านบาท
ขณะเดียวกันร้านกาแฟรายใหญ่ ก็เริ่มหันมาทำ “กาแฟดริป” ในรูปแบบซองมากขึ้น เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถซื้อไปทานเองได้ที่บ้าน หรือที่ทำงาน สะดวกสบาย แถมได้รสชาติเหมือนทานที่ร้าน แม้จะมีราคาสูงกว่ากาแฟผงสำเร็จรูปก็ตาม แต่ด้วยความที่กาแฟดริปบรรจุซอง เป็นกาแฟคั่วบด 100% ผู้บริโภคที่เป็นคอกาแฟ จึงยินดีจ่ายเงิน เพื่อได้ลิ้มรสสัมผัสและกลิ่นจากกาแฟอาราบิก้า
และเพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดกาแฟ เนสกาแฟ เปิดตัว “เนสกาแฟ โกลด์ เครมมา” กาแฟสำเร็จรูประดับพรีเมี่ยม ที่ใช้เทคโนโลยีเอกสิทธิ์เฉพาะของเนสกาแฟ เพื่อผลิตกาแฟผงละเอียดสีทอง ที่ผสานกาแฟอาราบิก้าชั้นดีจากเทือกเขาสูงในภาคเหนือของประเทศไทย คั่วบดละเอียด 10 เท่า เพื่อให้ทุกคนได้เข้าถึงความหอมกรุ่นจากเมล็ดกาแฟคุณภาพ มอบรสชาติเข้มเต็มรสแต่นุ่มกลมกล่อม พร้อมฟองกาแฟเครมมาละมุน อย่างลงตัวของกาแฟชั้นเลิศ และทำให้ผู้บริโภคที่ต้องการดื่มด่ำกับสุนทรียรสของกาแฟชั้นเลิศระดับพรีเมี่ยม สามารถลิ้มลองรสชาติกาแฟพรีเมี่ยม ในราคาที่เข้าถึงได้
ทั้งนี้ เนสกาแฟหวังว่า เนสกาแฟ โกลด์ เครมมา จะช่วยกระตุ้นตลาดกาแฟผงสำเร็จรูปมากขึ้น และดึงดูผู้บริโภครุ่นใหม่ให้หันมาดื่มกาแฟผงสำเร็จรูปมากขึ้น