รู้จัก IPO น้องใหม่ผู้ผลิต-จัดจำหน่ายสินค้าอุปโภค ‘NEO’ จ่อเทรด 9 เม.ย.นี้!

ในชีวิตประจำวันของผู้คน ต่างก็มีความเกี่ยวข้องกับสินค้าอุปโภคตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้ทำให้ในปัจจุบันมีสินค้าอุปโภคบนท้องตลาดมากมายจากผู้ผลิตทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ จึงทำให้ตลาดสินค้าอุปโภคเป็นอีกหนึ่งตลาดที่มีการแข่งขันค่อนข้างสูง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หากผู้ผลิตมีจุดแข็งที่มากพอ ก็จะทำให้สามารถยืนอยู่บนตลาดนี้ได้อย่างมั่นคง เช่นเดียวกับ บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (มหาชน) ที่ยืนหยัดอยู่บนตลาดนี้มาอย่างยาวนานกว่า 34 ปี ด้วยการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี ทำให้สามารถครองใจผู้บริโภคจวบจนปัจจุบัน และด้วยประสบการณ์ที่สั่งมา ประกอบกับการดำเนินธุรกิจที่มั่นคง ทำให้ ‘นีโอ คอร์ปอเรท’ พร้อมที่จะก้าวไปสู่เติบโตอีกขั้น ด้วยการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ด้วยชื่อ ‘NEO’

โดย บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (มหาชน)หรือชื่อย่อหลักทรัพย์ ‘NEO’ ประกอบธุรกิจทำการตลาด ผลิต และจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภค (Consumer Products) โดยแบ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก 3 กลุ่ม รวม 8 แบรนด์ ประกอบด้วย
1. กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือน (Household Products) อาทิ แบรนด์ไฟน์ไลน์ (Fineline) แบรนด์สมาร์ท (Smart) และแบรนด์โทมิ (Tomi)
2. กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล (Personal Care Products) อาทิ แบรนด์บีไนซ์ (BeNice) แบรนด์ทรอส (TROS) แบรนด์เอเวอร์เซ้นส์ (Eversense) และแบรนด์วีไวต์ (Vivite)
3. กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้สำหรับเด็ก (Baby and Kids Products) ภายใต้แบรนด์ดีนี่ (D-nee)

ทั้งนี้ ได้แต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย โดยกำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ 39 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ คาดว่าจะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 9 เมษายน 2567 โดยใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ ‘NEO’ โดยมีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท แบ่งเป็น หุ้นสามัญจำนวน 300 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท โดยเป็นทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว 222 ล้านบาท และจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 87.50 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 29.2 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ

สำหรับวัตถุประสงค์ของการใช้เงินที่ได้จากการขาย IPO ทาง ‘บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (มหาชน)’ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้เพื่อ
1. เพื่อลงทุนในโครงการขยายกำลังการผลิตสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือน (Household Products) ซึ่งรวมถึงการขยายคลังวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์และระบบบริหารจัดการคลัง ระหว่างปี 2567 – 2570 จำนวน 1,960 ล้านบาท
2. เพื่อชำระคืนเงินกู้ที่มีกับสถาบันการเงิน ปี 2567 จำนวน 500 ล้านบาท
3. เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ ปี 2567 จำนวน 476.22 ล้านบาท

ด้านผลประกอบการย้อนหลัง 4 ปี (2563-2566) ของ ‘บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (มหาชน)’ พบว่า

ปี 2563 มีรายได้รวมอยู่ที่ 6,768 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 602 ล้านบาท

ปี 2564 มีรายได้รวมอยู่ที่ 7,445 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากปี 2563 และมีกำไรสุทธิ 729 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.09% จากปี 2563

ปี 2565 มีรายได้รวมอยู่ที่ 8,301 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.50% จากปี 2564 และมีกำไรสุทธิ 569 ล้านบาท ลดลง 21.95% จากปี 2564

ปี 2566 มีรายได้รวมอยู่ที่ 9,484 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.25% จากปี 2565 และมีกำไรสุทธิ 840 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.63% จากปี 2565

คุณสุทธิเดช ถกลศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (มหาชน) หรือ NEO’ ให้สัมภาษณ์กับ Business+ ถึงการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ว่า

“เรามีการเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นเวลากว่า 5 ปี เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถทำตามมาตรฐานที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนดได้อย่างสม่ำเสมอ ด้วยความตั้งใจที่อยากจะเป็นหุ้นที่ดี ซึ่ง Key Milestones ของเราไม่ใช่แค่การได้เข้ามาอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ แต่ต้องเป็นการเข้ามาอย่างดี โดยจะเห็นได้ว่าไม่ใช่ผู้ประกอบการสินค้า FMCG ทุกรายที่จะสามารถผ่านวิกฤติ COVID-19 ได้เป็นอย่างดี แต่ NEO สามารถทำได้ อย่างไรก็ดี ผมมักจะพูดว่าเราโชคดี เพราะอยู่ในเทรนด์ที่ผู้บริโภคใส่ใจในคุณภาพของสินค้า ซึ่งในความเป็นจริงแล้วไม่มีความบังเอิญ แต่ในการทำธุรกิจจะต้องรู้จริงว่าผู้บริโภคมองหาอะไร โดยโจทย์ของเรามีความชัดเจนตั้งแต่เริ่มต้นว่าจะต้องผลิตสินค้าที่มีคุณภาพเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่อยากได้สินค้าที่ดีในการดูแลตัวเอง ทำให้บริษัทฯ มีส่วนแบ่งการตลาดสูง อีกทั้งในช่วงวิกฤต COVID-19 ก็เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่าเราสามารถทำผลงานได้ดีมาก นอกจากนี้ การตัดสินใจที่จะไม่ขึ้นราคาสินค้าในช่วงเวลาดังกล่าวเพื่อช่วยเหลือผู้บริโภค ก็เป็นการแสดงให้เห็นว่าเรามีความชัดเจนในสิ่งที่เราอยากจะทำ อยากจะเป็น”

ที่มา : Exclusive Content

เขียนและเรียบเรียง : เพชรรัตน์ แสงมณี

ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.thebusinessplus.com/

Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS

IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.thailand/

#Businessplus #Business+ #นิตยสารBusinessplus #NEO #นีโอคอร์ปอเรท #ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย #SET #บริษัทจดทะเบียน #IPO #หุ้นIPO