Mitsubishi

ไปต่อไม่ไหว! Mitsubishi ยกธงขาวในจีนหลังเทรนด์รถไฟฟ้ากดยอดขายลดฮวบ

มิตซูบิชิ มอเตอร์ (Mitsubishi Motors) หนึ่งในบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่สัญชาติญี่ปุ่น ประกาศหยุดดำเนินธุรกิจในประเทศจีนอย่างไม่มีกำหนด และมีการคาดการณ์กันว่า จะต้องเลิกจ้างพนักงานเกือบทั้งหมด ซึ่ง Mitsubishi ต้องหยุดการดำเนินธุรกิจหลังจากยอดขายในจีนตกฮวบมาหลายปีติดต่อกัน เพราะเทรนด์ในจีนเริ่มหันไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า ถึงแม้ว่าที่ผ่านมา Mitsubishi จะพยายามหันมาผลิตรถยนต์ไฟฟ้าตามเมกะเทรนด์ก็ตาม แต่ยังไม่สามารถชิงส่วนแบ่งการตลาดในจีนจากค่ายใหญ่ด้านรถยนต์ไฟฟ้าที่นำหน้าไปไกลอย่าง BYD หรือ Tesla ได้เลย

โดย ‘Business+’ พบข้อมูลว่า ยอดขายของ Mitsubishi ในประเทศจีนตกต่ำมาหลายปี จากเทรนด์ของตลาดที่เปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างรวดเร็ว ในไตรมาส 1/66 ยอดขายของ Mitsubishi หดตัวไปถึง 58% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเมื่อเทียบยอดการผลิตรถกับปี 2019 ซึ่ง Mitsubishi มียอดขายราว 130,000 คัน แต่ในปี 2022 ผลิตรถได้เพียงแค่ 34,575 คันเท่านั้น แตกต่างกันมากถึง 95,425 คัน

และถึงแม้ว่า Mitsubishi จะพยายามเปลี่ยนผ่านไปสู่รถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นแต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ โดยเคยประกาศแผนออกมาในเดือนมี.ค. ว่าจะใช้พลังงานไฟฟ้า 100% ของรถยนต์ที่จำหน่ายทั่วโลกภายในปีงบประมาณ 2578 และลงทุนสูงถึง 1.8 ล้านล้านเยน (59 พันล้านริงกิตมาเลเซีย) ในการใช้พลังงานไฟฟ้า รวมถึงที่ผ่านมา Mitsubishi ก็ได้มีการพัฒนามาผลิตรถยนต์ไฟฟ้าหลายรุ่นออกมา ไม่ว่าจะเป็น Mitsubishi Airtrek EV ซึ่งเป็นคอมแพ็คเอสยูวีพลังงานไฟฟ้า (BEV) รุ่นแรกของมิตซูบิชิในประเทศจีน หรือแม้กระทั่งออกรถยนต์ไฟฟ้าไซซ์มินิอย่าง Mitsubishi eK X EV ที่มีราคาเริ่มต้นเพียง 6.4 แสนบาท แต่ก็ยังไม่ได้รับความนิยมมากนัก อาจจะเป็นเพราะว่าการปรับเปลี่ยนของรถยนต์แบบสันดาปมาเป็นรถยนต์ไฟฟ้านั้น ช้าเกินไป ทำให้เสียส่วนแบ่งตลาดให้กับคู่แข่งที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดอย่าง BYD หรือ Tesla ที่เข้าสู่ตลาดรวดเร็ว

โดยมีการวิเคราะห์กันว่า จุดแข็งในการตีตลาดของค่ายรถยนต์ไฟฟ้าของจีน คือ การตั้งราคาที่ดึงดูดใจผู้ซื้อในวงกว้างมากขึ้น ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากมาตรการของภาครัฐ เช่น มาตรการด้านภาษี และเงินสนับสนุนของภาครัฐด้วยเช่นกัน โดยที่ผ่านมาจีนให้การสนับสนุนของภาครัฐ 70,000 – 100,000 บาทมาช่วยกระตุ้นยอดขาย ซึ่งทำให้รถยนต์ BEV สัญชาติจีนขยับราคาลงไปสูสีกับรถยนต์ใช้น้ำมัน (ภายใต้การคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันจะยังอยู่ในระดับสูงไปอีกนาน) นั่นจึงทำให้ผู้บริโภคในจีนหันความสนใจมาที่ยานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นและทำให้ได้เปรียบในการสร้างความรับรู้ต่อแบรนด์ และสามารถชิงส่วนแบ่งการตลาดมาได้ก่อนค่ายญี่ปุ่นที่การปรับตัวยังล่าช้ากว่า

ขณะที่เรามองว่าการปิดธุรกิจในประเทศจีนของ Mitsubishi นั้น จะมีผลกระทบตามมาในแง่ของการเลิกจ้างพนักงานจำนวนมาก โดยตัวแทนของ Guangzhou Automobile Group ซึ่งเป็นพันธมิตรระดับภูมิภาคของ Mitsubishi ผู้ผลิตรถยนต์ ระบุว่า ขณะนี้ทุกฝ่ายกำลังพยายามปรับโครงสร้างพนักงานให้เหมาะสม เพื่อปกป้องสิทธิตามกฎหมายของพนักงานที่ได้รับผลกระทบ

นอกจากนี้เราพบการรายงานว่า สายการผลิตรถสันดาปค่ายญี่ปุ่นในจีนที่มีอยู่ได้รับผลกระทบในทางลบจากการที่จีนเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ที่สะอาดกว่า ทำให้ยอดขายต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ เท่ากับว่า ในอนาคตเราอาจจะได้เห็นค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นอีกหลายรายในจีนที่กำลังประสบกับปัญหาเดียวกัน และอาจต้องประกาศหยุดผลิตรถยนต์ออกมาตามๆ กัน

เรียบเรียง : พรรณรุ้ง คุ้มพงษ์พันธ์
ที่มา : mitsubishi , piston , autospinn
ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.thebusinessplus.com/
Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS