The Success Story of The Month By ‘Business+’ ฉบับเดือนธันวาคม 2567 จะพาผู้อ่านมาพบกับบทสัมภาษณ์สุดพิเศษจาก “ลภัสรดา เลิศภานุโรจ” หรือ พี่ดาว มาสเตอร์พีช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER ซึ่งจะมาพูดคุยถึงเหตุในการวางหมุดหมายธุรกิจ Regional Company และเธอจะพา MASTER ให้บรรลุเป้าหมายสุดท้าทายที่วางไว้ได้อย่างไร ตลอดจนร่วมแชร์มุมมองการบริหารองค์กร และเคล็ดลับความสำเร็จในฐานะซีอีโอหญิงคนเก่ง
ถือเป็นการรับไม้ต่อที่มีความหมายอย่างยิ่งสำหรับบริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER ที่วางตัว “ลภัสรดา เลิศภานุโรจ” หรือ พี่ดาว มาสเตอร์พีช กับบทบาทประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เมื่อต้นปีที่ผ่านมา กระทั่งเธอพิสูจน์ฝีมือบริหาร MASTER ด้วยผลงานระดับ Masterpiece จากผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 109.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.60% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 99.80 ล้านบาท ตลอดจนนำ MASTER ย้ายการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) สู่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) กับมูลค่าบริษัท 18,000 ล้านบาท ถือว่ามีมูลค่าดีที่สุดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม หากประเมินมูลค่าและความสำเร็จของ MASTER ณ เวลานี้ ต้องยอมรับว่า MASTER ยังมีเส้นทางธุรกิจที่ไปได้ไกลมากกว่านี้หลายเท่า นั่นเพราะ Business Model มุ่งการเติบโตทั้ง Organic และ Inorganic ด้วยการนำกลยุทธ์แบบ Merger and Partnership (M&P) มาเป็น Journey จะเป็นแรงส่งให้ MASTER ประสบความสำเร็จ ยากที่คู่แข่งจะลอกเลียนแบบ
ทว่า จุดหมายปลายทางของ MASTER ที่ต้องการไปไกลกว่านั้นคือ การเป็นผู้นำอันดับต้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ Regional Company ในกลุ่มอุตสาหกรรมนี้ แน่นอนว่าจะทำให้สถานะของ MASTER ขยับสู่การเป็น Global Company ได้ในเวลาอันใกล้ โดยมุมมองของนักลงทุน ต้องยอมรับว่า มีโอกาสเป็นไปได้สูงมาก และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่ Business+ นัดหมายเพื่อพูดคุยแบบ Exclusive กับ ‘คุณลภัสรดา เลิศภานุโรจ’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER ถึงเหตุในการวางหมุดหมายธุรกิจไว้เช่นนั้น และเธอจะพา MASTER ให้บรรลุเป้าหมายสุดท้าทายที่วางไว้ได้อย่างไร ตลอดจนร่วมแชร์มุมมองการบริหารองค์กร และเคล็ดลับความสำเร็จในฐานะซีอีโอหญิงคนเก่ง
MASTER กับภารกิจท้าทายพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ ก้าวสู่ผู้นำอันดับต้นของอุตสาหกรรมด้านความงามในไทยและเอเชีย ในฐานะ Regional Company
แม้ ‘ธุรกิจศัลยกรรมความงาม’ จะอยู่ในช่วงขาขึ้นและมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องไม่ว่าภาวะเศรษฐกิจหรือกำลังซื้อจะเป็นอย่างไร แต่ขณะเดียวกันการแข่งขันในสมรภูมินี้ก็รุนแรง เรียกได้ว่า ดุเดือดจนกลายเป็น ‘น่านน้ำทะเลเลือด’ ไปแล้ว จากการเข้ามาแย่งชิงมาร์เก็ตแชร์ของผู้เล่นรายใหม่ ๆ ขณะที่ผู้เล่นรายเดิมก็สู้ไม่ถอย เพื่อรักษาฐานที่มั่นของตัวเองไว้
ทว่าท่ามกลางการแข่งขันในสมรภูมิอันร้อนแรงดังกล่าว ‘บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน)’ หรือ MASTER ในนามโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช โรงพยาบาลศัลยกรรมความงามอันดับต้นของไทยและเอเชีย กลับยังคงความแข็งแกร่งและมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยสิ้นปี 2567 ตั้งเป้าการเติบโตจากปีที่ผ่านมา 20% รวมไปถึงการวางหมุดหมายทางธุรกิจไว้อย่างน่าสนใจ กับการเดินหน้าสู่การเป็น Specialty Hospital ภายใต้การวาง Business Blueprint เปรียบเสมือนการพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ ที่ไม่ได้หวังผลเพียงสร้างการเติบโตให้เฉพาะ MASTER เท่านั้น แต่ต้องการเป็นแรงผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางศัลยกรรมความงาม ซึ่งเป็นภารกิจที่มีความท้าทายเป็นอย่างมาก
“ทุกธุรกิจมีการแข่งขันกันอยู่แล้วเป็นเรื่องปกติ เช่นเดียวกับธุรกิจศัลยกรรมความงาม โดยหลายคนอาจมองว่า ตลาดนี้เป็น Red Ocean ไปแล้วจากการมีคู่แข่งเข้ามามากมาย แต่สำหรับ MASTER ไม่ได้กลัวหรือกังวลอะไร เพราะเราโตมาได้อย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญเราไม่ได้แข่งกับใคร เราแข่งกับตัวเองเพื่อพัฒนาให้ทุกอย่างดีที่สุดและตัวเองแข็งแรงที่สุด” คำตอบของคุณลภัสรดา เมื่อเราถามว่า กังวลหรือไม่กับสถานการณ์ปัจจุบันที่ธุรกิจศัลยกรรมความงามมีการแข่งขันที่รุนแรง และเมื่อมาดูผลประกอบการของ MASTER ก็สามารถยืนยันคำตอบของเธอได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
โดยในไตรมาส 3 ปี 2567 MASTER ทำกำไรสุทธิไปได้ 109.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.56% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนงวด 9 เดือนปี 2567 ทำกำไรสุทธิไป 303.19 ล้านบาท เติบโต 19.91% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเมื่อจบปี 2567 คุณลภัสรดามั่นใจว่าผลประกอบการของ MASTER จะเติบโตตามเป้าหมายที่ได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ คือ เติบโตจากปีที่ผ่านมา 20% ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตที่สูงกว่าภาพรวมของอุตสาหกรรมความงามที่มีการประเมินไว้ว่า ในปี 2567 จะมีการเติบโตประมาณ 9.7% มีมูลค่ารวมอยู่ราว ๆ 70,000 ล้านบาท
ความแข็งแกร่งตามแบบฉบับ MASTER
สำหรับจุดแข็งที่ทำให้ MASTER แข็งแกร่ง มีความแตกต่างจากผู้เล่นรายอื่น จนครองความเป็นผู้นำในธุรกิจนี้ได้ ประกอบด้วย
- บริการที่ครบวงจร สามารถตอบโจทย์ความงามของลูกค้าได้ตั้งแต่หัวจรดเท้า (ยกเว้นการแปลงเพศ) โดยในส่วนบริการศัลยกรรมมีตั้งแต่ศัลยกรรมเสริมจมูก ศัลยกรรมตาสองชั้น ศัลยกรรมยกคิ้วดึงหน้า เสริมหน้าผาก ศัลยกรรมหน้าอก ศัลยกรรมดูดไขมันและแก้ไขรูปร่าง ศัลยกรรมตัดหนังหน้าท้อง ศัลยกรรมโครงหน้า รวมถึงมีบริการปลูกผมและดูแลเส้นผม ไปจนถึงบริการดูแลผิวพรรณ สุขภาพเพศชาย สุขภาพเพศหญิง และอื่น ๆ เรียกได้ว่า มาใช้บริการที่นี่ จะสวยได้ครบ จบในที่เดียว ตั้งแต่หัวจรดเท้า แตกต่างจากผู้ให้บริการรายอื่นที่ส่วนใหญ่จะมีความชำนาญเฉพาะด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น
- การมีแพทย์ชำนาญการประจำแบบ Full time เฉพาะที่มาสเตอร์พีชมีอยู่ประมาณ 47 คน รวมทั้งเครือแล้ว 147 คน โดยแพทย์ทุกคนจะประจำอยู่ที่โรงพยาบาล 6 วันต่อสัปดาห์ และมีสัญญาระยะขั้นต่ำ 10 ปี จึงมั่นใจได้เลยว่า เมื่อเข้ามาใช้บริการกับ MASTER จะมีแพทย์ชำนาญการให้คำปรึกษาแนะนำอยู่ตลอด ตามคอนเซปต์ Be a Better You เป็นคุณในเวอร์ชันที่ดีกว่า
- เรื่องของราคาที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ทุกกลุ่ม เรียกได้ว่า ค่าบริการสามารถเข้าถึงได้ง่าย “จากกลยุทธ์ที่เราเป็น Blueprint เราประเมินจากผลการดำเนินงาน 3 ไตรมาส ถือว่า MASTER ทำผลงานได้ดี และคาดผลดำเนินงานในไตรมาส 4/2567 จะเป็นช่วงสำคัญที่ผลักดันทั้งรายได้และกำไร จากช่วงไฮซีซัน (High Season) ซึ่งต้องยอมรับว่า MASTER สร้างการเติบโตใน 2 แนวทาง คือ Organic และ Inorganic ผ่านการทำ M&P (Merger and Partnership) ด้วยการเข้าไปถือหุ้นในบริษัทที่มีความชำนาญการเฉพาะด้านและเป็นบริษัทแถวหน้าในแต่ละภูมิภาค ภายใต้กลยุทธ์ Cross Border, Cross Selling และ Cross Synergy”
กลยุทธ์ดังกล่าว คุณลภัสรดาอธิบายว่า เป็นการผนึกกำลังเติบโตไปด้วยกัน และถูกออกแบบมาให้เสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันระยะยาว รวมถึงรองรับการเติบโตทั้งในไทยและต่างประเทศ ปัจจุบันพาร์ตเนอร์ที่ MASTER เข้าไปลงทุนรวมแล้ว 15 ราย ประกอบด้วย
Cross Border ได้แก่ ‘บริษัท มีแพลนดี จำกัด’ เจ้าของคลินิกเสริมความงาม WIND Clinic, ‘บริษัท ทีวายพี เมดิคัล จำกัด’ เจ้าของ TYP Clinic และ คลินิกเสริมความงาม Aurora Clinic
Cross Selling ได้แก่ ‘คลินิกเสริมความงาม Rattinan Medical Center’, ‘บริษัท ด็อกเตอร์เชน เซอร์เจอรี่ ฮอสพิทอล จำกัด’, ‘บริษัท ด็อกเตอร์ ท๊อป แฮร์ ฮอสพิทอล จำกัด’, ‘บริษัท บีอีคิว จำกัด’ สัดส่วน, ‘บริษัท ซีเอ็มเอ็นเอช 2012 จำกัด’ ผู้ประกอบกิจการศูนย์ดูแลผู้ป่วยผู้สูงอายุเชียงใหม่ เนิร์สซิ่งโฮมแคร์, ‘บริษัท วี เอ็กคลูซีฟ กรุ๊ป จำกัด’ ผู้ประกอบกิจการคลินิกเสริมความงาม V Square Clinic, ‘บริษัท มี เซนเตอร์ จำกัด’ ผู้ประกอบกิจการคลินิกดูแลสุขภาพจิต Me Center Clinic, ‘บริษัท กรวินโฮลดิ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด’ และ ‘บริษัท เอส45 เมติคอล กรุ๊ป จำกัด’ ผู้ประกอบกิจการคลินิกเสริมความงาม S45 Clinic
Cross Synergy ได้แก่ ‘บริษัท คิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด’ (KIN Corp.), ‘บริษัท ทวิงเกิ้ล สตาร์ จำกัด’ และ ‘บริษัท เอสธิลิส โค้ด จำกัด’
“การหาพาร์ตเนอร์จะยึดหลัก Win-Win Situation ‘รวมกันเพื่อสร้างและเติบโต’ พิจารณาจาก Growth Mindset ถัดมาจะดู Performance และในไปป์ไลน์ เรายังมีอีกหลายดีลในการหาคู่ หรือพาร์ตเนอร์มา Synergy กัน แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้”
ภารกิจพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ เดินหน้าสู่ Specialty Hospital
ต้องยอมรับว่า คำกล่าวข้างต้นของประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MASTER กลายเป็นข้อได้เปรียบอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่ง และเมื่อเราถามคุณลภัสรดา หรือพี่ดาว มาสเตอร์พีช ถึงเป้าหมายของ MASTER เป็นอย่างไร เธอกล่าวอย่างชัดเจนว่า เราวางเป้าหมายใหญ่ คือการเป็น Specialty Hospital กลุ่มโรงพยาบาลเฉพาะทางที่จะสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางของศัลยกรรมความงาม โดยกำหนดเป็นแผนยุทธศาสตร์ระยะยาวตั้งแต่ปี 2566-2570 ภายใต้การวาง Business Blueprint เปรียบเสมือน ‘ภูเขาเอเวอเรสต์’ ที่ MASTER ต้องพิชิตให้ได้
แน่นอนว่า การบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ซีอีโอ MASTER ตั้งเป้าจะทำให้สำเร็จภายใน 3 ปีต่อจากนี้ ซึ่งปัจจุบัน MASTER ได้เดินทางมาอยู่ที่เบสแคมป์ที่ 2 เป็นช่วงของการเติบโตและขยายธุรกิจ ส่วนสเต็ปต่อไปจะก้าวสู่เบสแคมป์ที่ 3 คือ การเป็น ‘Regional Hospital’ โดยในปี 2568 แผนสำคัญจะอยู่ที่การขยายและเพิ่มฐานลูกค้าต่างชาติให้อยู่ในสัดส่วน 40% จากปัจจุบันมีลูกค้ากลุ่มนี้อยู่ในสัดส่วน 25.58% โดยโฟกัสใน 4 ประเทศที่เป็นฐานลูกค้าหลัก ได้แก่ อินโดนีเซีย กัมพูชา ลาว และเมียนมาร์
“ลูกค้าต่างชาติที่มาใช้บริการในไทย มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นมาก อย่าง MASTER เอง ก่อนเกิดวิกฤต Covid-19 เรามีลูกค้ากลุ่มนี้ในสัดส่วน Digit เดียว แต่ตอนนี้มีสัดส่วนอยู่ที่ 25.58% และลูกค้าต่างชาติจะมีพฤติกรรมแตกต่างจากคนไทย โดยคนไทยเมื่อมาใช้บริการ จะทำหัตถการทีละหัตถการ ขณะที่ต่างชาติจะทำอย่างน้อย 2 หัตถการ ให้คุ้มค่ากับการเดินทางมา ทำให้มีการใช้จ่ายต่อบิลล์สูงกว่าคนไทย 20-30% ซึ่งเราเห็นโอกาสจากลูกค้ากลุ่มนี้ ส่วนการเพิ่มฐานลูกค้าต่างชาตินั้น จะใช้จุดแข็งของเราในเรื่อง Word of Mount หรือการบอกต่อผ่าน Influencer อย่างในอินโดนีเซียเราได้จับมือร่วมสนับสนุนเวทีการประกวดของ ‘อีวาน กูนาวาน’ (Ivan Gunawan) นักออกแบบแฟชั่น และ Director ของเวทีมิสแกรนด์อินโดนีเซีย ภายใต้ Mega Bintang World Foundation ที่มียอดติดตามถึง 31 ล้าน โดยให้รางวัลกับนางงามทั้ง 7 คน ที่ชนะการประกวดจากเวทีนี้มาทำศัลยกรรมความงามที่ MASTER เมื่อพวกเขารู้สึกได้ผลก็เกิดการบอกต่อ ทำให้ยอดผู้ใช้บริการจากอินโดนีเซียของเราเพิ่มขึ้นสูง”
เส้นทางความสำเร็จที่เต็มไปด้วยความท้าทาย
อย่างไรก็ตาม การวาง Business Blueprint เปรียบเสมือนยอดเขาสูงอย่างเอเวอเรสต์ก็เต็มไปด้วยความท้าทาย โดยพี่ดาว มาสเตอร์พีช อธิบายว่า การวาง Business Blueprint ดังกล่าว ไม่ได้มองเฉพาะเรื่องของ Performance เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีนัยแฝงเพื่อสื่อสารและทำความเข้าใจกับทีมงานทั้งหมดที่ตอนนี้มีอยู่ 800 คน ให้เห็นภาพและเข้าใจตรงกันถึงเป้าหมายที่จะเดินไปนั้นไม่ใช่เรื่องที่จะพิชิตได้ง่าย ๆ ดังนั้น วัฒนธรรมองค์กรของ MASTER จึงมุ่งสร้างและพัฒนาคนในองค์กรให้เป็น Professional Sports Team เพื่อให้พร้อมก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน จะไม่เป็นภาระซึ่งกันและกัน โดยเริ่มต้นตั้งแต่กระบวนการคัดเลือกคนเข้ามาร่วมงาน ด้วยการดู Mindset, MBTI (แบบทดสอบบุคลิกภาพ) ฯลฯ เพื่อพิจารณาว่า เหมาะสมกับงานและแมตช์กับองค์กรหรือไม่
เมื่อเรารับพนักงานเข้ามาร่วมทีม การทำงานจะมีการประเมินและให้ Feedback กันอย่างตรงไปตรงมา โดยเฉพาะในระดับ Key Player ซึ่งจะประเมินทุก ๆ 3 เดือนว่า จะ ‘รั้ง’ เพื่อเดินไปด้วยกันต่อ หรือ ‘ไม่รั้ง’ โบกมือลากัน ผ่านแบบประเมิน Expectation ที่นอกจากจะพิจารณาถึง Mindset และ MBTI แล้ว ยังมีหลักการประเมินอีกหลายข้อ เช่น Enneagram (อธิบายบุคลิกลักษณะ 9 ประเภทที่แตกต่างกัน)
“วัฒนธรรมองค์กรของเรายึดหลักแก้ปัญหาที่คน ก่อนแก้ที่งาน ยกตัวอย่างเรื่องการ Feedback แบบตรงไปตรงมาบนโต๊ะ เพราะถ้าไม่หวังดีต่อกันและอยากจะเติบโตไปด้วยกัน เราคงไม่ให้คำแนะนำกัน จึงอยากให้มองเรื่อง Feedback เป็นเหมือนการให้ของขวัญ หรือ Feedback is The Gift เพราะเรื่องคนเราเน้น ‘รับมาพัฒนา และจากลา’ ซึ่งต่างจากที่อื่น แต่เป็นสิ่งที่คนไทยกลัว ดังนั้นเราจึงมี Turn Over สูงสำหรับคนก่อนผ่านทดลองงาน แต่อย่าลืมว่าเป้าหมายของเราสูงทุกคนต้องตื่นตัวตลอดเวลา ไม่เช่นนั้นคงไปไม่ถึงยอดภูเขา”
แม้เป้าหมายจะสูงและระหว่างทางต้องเผชิญกับความท้าทายมากมาย แต่ภายใต้การนำทัพของคุณลภัสรดา ก็ทำให้ MASTER เติบโตและเดินหน้ามาได้อย่างประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็น การเข้า IPO ในตลาดหลักทรัพย์ mai ได้สำเร็จเมื่อเดือนมกราคม 2566 ก่อนจะย้ายมาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เมื่อ 28 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา
รวมถึงสร้างให้องค์กรเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน นอกจากนี้ยังการันตีความสามารถจากการได้รับรางวัลในฐานะผู้ประกอบการและซีอีโอที่มีผลงานโดดเด่นในด้านต่าง ๆ จากเวทีประกาศรางวัลธุรกิจชั้นนำมากมาย อย่างล่าสุด รางวัลนักวิชาชีพสตรีดีเด่น หอการค้าไทย ประจำปี 2567 ซึ่งเป็นโครงการจัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 12 เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรตินักธุรกิจสตรีดีเด่น นักวิชาชีพสตรีดีเด่น และนักธุรกิจสตรีรุ่นใหม่ ที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจอย่างโดดเด่นและเป็นแบบอย่างที่ดี มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน และสร้างแรงบันดาลใจให้แก่สตรีนักธุรกิจในวงการธุรกิจและสังคมไทย
เคล็ดลับความสำเร็จของซีอีโอหญิงคนเก่งคนนี้คืออะไร ?
แน่นอนว่า การที่คุณลภัสรดา หรือพี่ดาว มาสเตอร์พีช ได้รับการยกย่องเข้ารับรางวัลนักวิชาชีพสตรีดีเด่น หอการค้าไทย ประจำปี 2567 ถือเป็นอีกหนึ่งความภูมิใจ เพราะนั่นหมายความว่า รางวัลอันทรงเกียรตินี้มอบแก่สตรีผู้ขับเคลื่อนสังคม จากความสามารถอันเป็นที่ประจักษ์แก่สังคม โดยพี่ดาว มาสเตอร์พีช แชร์ให้เราฟังว่า ความสำเร็จที่เกิดขึ้นของเธอมาจากนิสัยส่วนตัวที่ปลูกฝังมานาน นั่นคือ การมีวินัยในทุกอย่างที่ลงมือทำ และเป็นคนที่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ จนกว่าจะประสบความสำเร็จ
“บางคนมีเป้าหมายแล้วคอยมองอยู่แบบนั้น ไม่ลงมือทำ จนรู้สึกแสบตาหรือท้อใจ แต่ตัวเองจะลงมือทำ และหากไม่สำเร็จหรือบรรลุเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ก็จะไม่ยอมรามือ และเป็นการทำเพื่อเป็นตัวอย่างให้กับน้อง ๆ ในทีมดู นั่นเพราะในฐานะ ผู้นำ เมื่อต้องให้คำแนะนำหรือคำปรึกษา หากเราไม่ทำให้คนในทีมเห็นก่อน พวกเขาจะไม่เกิดความเชื่อถือและเชื่อมั่นในตัวเรา ซึ่งเรื่อง Trust และ Teamwork มีความสำคัญเป็นอย่างมากเพื่อให้องค์กรเดินหน้าได้เร็ว”
นอกจากนี้ เธอยังเป็นคนที่ชอบท้าทายและหาเป้าความสำเร็จใหม่ ๆ ให้กับตัวเองเสมอ อย่างความสำเร็จในการทำงานที่ MASTER เธอต้องการเดินหน้าสร้างให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักและถูกนึกถึงในฐานะ ‘ศูนย์กลางด้านความงามและสุขภาพ’ โดยเป้าหมายนี้ เป็นเป้าหมายเดียวกันกับ MASTER เพื่อให้ทั้งเธอและองค์กรเดินหน้าไปด้วยกันได้
“เวลาไปพูดตามเวทีและงานต่าง ๆ หรือเวลาโรดโชว์พบนักลงทุน จะพูดเสมอว่า ธุรกิจนี้ในเกาหลีโตกว่าไทยเป็น 10 เท่า ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยอย่าแข่งกันเองเลย อยากให้ช่วยกันสร้างให้เติบโต ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมของธุรกิจและประเทศของเรามากกว่า”
การทำงานของหลายคนอาจพูดถึง Work-Life Balance ขณะที่คุณลภัสรดาบอกว่า เป็นคนไม่เชื่อในเรื่องนี้ เพราะเป็นคนทำงาน 24 ชั่วโมง ตลอด 7 วัน แต่เชื่อใน Work-Life Integration การผสมผสานงานกับการใช้ชีวิตเข้าด้วยกัน โดยต้องรู้ว่า เราทำงานหนัก ณ วันนี้ เพื่อเป้าหมายอะไร ไม่ใช่เป็นการทำงานหนักไปตลอดชีวิต ซึ่งความเชื่อนี้ได้ถูกถ่ายทอดความเป็น DNA ขององค์กรและคนในทีมให้มีเป้าหมายร่วมกัน และเมื่อรวมกับแผนยุทธศาสตร์ ตลอดจนวัฒนธรรมองค์กรที่ถูกสร้างมาอย่างแข็งแรงของ MASTER คุณลภัสรดามั่นใจว่าจะทำให้องค์กรแห่งนี้เติบโตได้อย่างยั่งยืน รวมไปถึงสามารถพิชิตเป้าหมายใหญ่ นั่นคือ การปีนสู่จุดสูงสุดของยอดเขาเอเวอเรสต์ ด้วยการเป็น Regional Company ให้ได้ภายใน 3 ปีต่อจากนี้
เขียนและเรียบเรียง : Nutty
ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.thebusinessplus.com/
Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS
IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.newgen2021/
#TheBusinessPlus #Businessplus #BusinessPlus #นิตยสารBusinessplus #Business #MASTER