Moshi Moshi VS MINISO 2 แบรนด์คู่แข่งที่สร้างแวลู่ด้วยคำว่า สไตล์ ‘ญี่ปุ่น’

ปัจจุบันสินค้าแนวไลฟ์สไตล์ (Lifestyle) เป็นที่นิยมอย่างมากในทุกช่วงวัย ที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ แทบทุกสถานที่จะมีร้านค้าขายปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์กระจายเกือบทุกพื้นที่ อย่างเช่น ห้างสรรพสินค้า จะมีร้านค้าปลีกเหล่านี้มากกว่า 5 ร้าน ซึ่งมูลค่าสินค้าก็อยู่ในระดับราคาที่เหมาะสมตามคุณภาพ จากการตรวจสอบราคาจะเริ่มตั้งแต่ 20 บาท ซึ่งในหนึ่งร้านก็ไม่เพียงขายแค่กิ๊ฟช็อปเท่านั้น แต่ขายสิ่งอื่นที่อยู่ในชีวิตประจำวันร่วมด้วย

หากพูดถึงร้านค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์ในประเทศไทยที่ได้รับความนิยมอย่างมาก คงหนีไม่พ้นแบรนด์ MINISO และแบรนด์ Moshi Moshi ซึ่งทั้งสองแบรนด์นี้มีแหล่งลูกค้าที่มีช่วงอายุอยู่ในระดับเดียวกัน และขายสินค้าที่ใกล้เคียงกัน แต่ทั้งนี้ความต่างก็จะอยู่ที่ในเรื่องของราคา รวมถึงความหลากหลายของสินค้า แม้กระทั่งการ Collab กับแบรนด์การ์ตูนยอดนิยมเพื่อหวังเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายโดยเฉพาะ

สำหรับ Moshi Moshi เป็นแบรนด์สัญชาติไทย อยู่ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย การที่ Moshi Moshi เป็นแบรนด์ยอดนิยม มีสาขาที่เปิดดำเนินการแล้วทั้งสิ้น 113 สาขา ครอบคลุมมากกว่า 44 จังหวัด เป็นผลมาจากบริษัทได้นำแนวคิดการตกแต่งร้านและยกระดับมาตรฐานร้านค้าให้เหมือนย่านค้าส่งในประเทศญี่ปุ่น จึงทำให้เป็นที่นิยมและแตกต่างจากร้านค้าอื่น ๆ

อีกทั้งส่วนใหญ่เป็นสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัท ที่มีการออกแบบโดยเฉพาะ (Exclusive) เพื่อสร้างความประทับใจจากกลุ่มผู้บริโภค ซึ่งการ Collab กับแบรนด์การ์ตูนทาง Moshi Moshi ก็ได้รับลิขสิทธ์จากค่ายใหญ่มากกว่า 2 ค่าย อาทิ Disney, Sanrio สำหรับในการสร้างคาแรคเตอร์ต่าง ๆ เป็นต้น

โดยกลยุทธ์ของ Moshi Moshi ที่ดำเนินมาอย่างเสมอ มีด้วยกัน 4 ข้อ คือ

Design สำหรับออกแบบ สร้างสรรค์ และพัฒนาสินค้า ให้ตรงกับความชอบ และการใช้งานของผู้บริโภค

Quality เพื่อพัฒนาสินค้าที่มีคุณภาพ ใช้งานได้ดี และเพื่อสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า

Price ราคาสินค้าย่อมเยา เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น

Variety นำเสนอสินค้าที่หลากหลาย เพิ่มความสะดวก และตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างครบถ้วน

หากดูผลประกอบการย้อนหลัง 5 ปี พบว่า

ปี 2561 รายได้ 1,286 ล้านบาท กำไรสุทธิ 105 ล้านบาท

ปี 2562 รายได้ 1,700 ล้านบาท กำไรสุทธิ 311 ล้านบาท

ปี 2563 รายได้ 1,368 ล้านบาท กำไรสุทธิ 101 ล้านบาท

ปี 2564 รายได้ 1,264 ล้านบาท กำไรสุทธิ 131 ล้านบาท

ปี 2565 รายได้ 1,895 ล้านบาท กำไรสุทธิ 253 ล้านบาท

ขณะที่เมื่อมาดูแบรนด์ MINISO สัญชาติจีน อยู่ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท ซิงไท่ เทรดดิ้ง จำกัด โดยแบรนด์ได้รับแรงบันดาลใจมาจากประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากที่แห่งนั้นมีร้านขายสินค้าที่เกี่ยวกับของใช้ในชีวิตประจำวันและของตกแต่งบ้านมากมาย ซึ่งไม่เพียงแต่คุณภาพดี ดีไซน์สวยงาม ราคาก็ยังไม่แพงสามารถจับต้องได้

ปัจจุบัน MINISO มีสาขาในประเทศจีนมากกว่า 2,000 สาขา และต่างประเทศมีมากมากกว่า 80 ประเทศ รวมถึงประเทศไทย มีสาขาทั้งหมด 73 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งจุดเด่นของ MINISO คือ การมีสินที่หลากหลาย อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เยอะ อีกทั้งยังขายสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่นแบบญี่ปุ่น ๆ นอกจากนี้ยังมีการ Collab กับแบรนด์การ์ตูนชั้นนำอย่างสม่ำเสมอ อาทิ We Bare Bears, MARVEL เป็นต้น

ทั้งนี้ MINISO ดำเนินธุรกิจผ่าน 5 กลยุทธ์ ได้แก่ 1. สินค้าเรียบง่าย เป็นของที่คนจำเป็นต้องใช้งาน, 2.เป็นของแท้ ไม่ปรุงแต่ง, 3.มีคุณภาพในราคาถูก, 4.วัสดุทำมาจากวัตถุดิบธรรมชาติเท่าที่จะทำได้ และ 5.เคารพในผู้บริโภคและธรรมชาติ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นส่วนที่ช่วยผลักดันให้ MINISO เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในวงการธุรกิจร้านค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์

โดยหากดูผลประกอบการย้อนหลัง 5 ปี พบว่า

ปี 2560 รายได้ 478 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 7 ล้านบาท

ปี 2561 รายได้ 1,299 ล้านบาท กำไรสุทธิ 51 ล้านบาท

ปี 2562 รายได้ 1,449 ล้านบาท กำไรสุทธิ 52 ล้านบาท

ปี 2563 รายได้ 709 ล้านบาท กำไรสุทธิ 16 ล้านบาท

ปี 2564 รายได้ 469 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 39 ล้านบาท

อย่างไรก็ดีเมื่อดูข้อมูลทั้งสองบริษัทจะเห็นจุดที่คล้ายคลึงกัน คือคำว่า สินค้าสไตล์ ‘ญี่ปุ่น’ ซึ่งอาจอนุมานได้ว่า ‘ญี่ปุ่น’ ถือเป็นคำที่อิมแพคต่อผู้บริโภค ดึงดูดใจผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี รวมทั้งยังสร้างความน่าเชื่อถือ ไว้ใจได้ ในเรื่องของคุณภาพให้กับแบรนด์

ในขณะจุดต่างที่เห็นได้ชัดคือเรื่องของราคา โดย Moshi Moshi จะเริ่มต้นที่ 20 บาท ขณะที่ MINISO เริ่มต้นที่ 69 บาท ซึ่งความแตกต่างของสินค้า Moshi Moshi จะเน้นสินค้าเบ็ดเตล็ด ส่วน MINISO จะเน้นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากกว่า แต่สุดท้ายก็ยังไม่ทิ้งคำว่า สไตล์ ‘ญี่ปุ่น’

โดยหากมองภาพรวมอุตสาหกรรมค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์ในประเทศไทยในอีก 5 ปีข้างหน้า (2564-2569) มีแนวโน้มเติบโตสูงแตะระดับ 20.4% ต่อปี ซึ่งปัจจุบัน Moshi ก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์ในประเทศไทย โดยมีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2562 และในปี 2564 มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับหนึ่งสูงถึง 37.6%

.

ที่มา : เว็บไซต์บริษัท, SET, DBD

.

เขียนและเรียบเรียง : ศิริวรรณ อรรถสุวรรณ

.
ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.facebook.com/businessplusonline/
Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS
.
#Businessplus #thebusinessplus #นิตยสารBusinessplus #MINISO #Moshi