ไขข้อสงสัย ทำไม ‘LG H&H’ บริษัทเครื่องสำอางรายใหญ่ของเกาหลีใต้ ถึงถอนตัวออกจากตลาดผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก

หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ‘Business+’ ได้นำเสนอ Content เกี่ยวกับเรื่องของสังคมผู้สูงอายุไปหลายประเด็นแล้วนั้น ในช่วงที่ผ่านมาตลาดผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กได้เกิดความเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง

โดยครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากบริษัท LG Household & Healthcare กำลังถอนตัวออกจากตลาดผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับเด็ก ซึ่ง LG H&H เป็นธุรกิจเครือ LG ที่ขายสินค้าเกี่ยวกับความงาม และสุขภาพไปทั่วโลก (ก่อนหน้านี้ LG H&H ได้ซื้อกิจการ New Avon เครื่องสำอางที่หลายคนน่าจะรู้จัก Avon แบรนด์เครื่องสำอางจากสหรัฐอเมริกาที่เน้นขายตรง)

ทั้งนี้ การถอนตัวครั้งนี้มีสาเหตุมาจากอัตราการเกิดของเกาหลีใต้ที่ต่ำมาก ซึ่งส่งผลต่ออุปสงค์ของสินค้าดังกล่าวให้ต่ำลงตาม

โดยเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน LG H&H เปิดเผยว่า จะเริ่มหยุดการผลิตผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับเด็กทั้งหมดในปี 2566 โดยผลิตภัณฑ์ที่จะหยุดการผลิต ได้แก่ Kindermilch Biotics Formula อาหารเสริมโปรไบโอติกสำหรับเด็ก และนมผงแพะ Kabrita ซึ่งสินค้าเหล่านี้ถูกจำหน่ายภายใต้แบรนด์ Babience ของบริษัท ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ LG Household & Healthcare ที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหาร สบู่อาบน้ำ และโลชั่นของเด็ก

แต่บริษัทจะยังคงจำหน่ายผลิตภัณฑ์สกินแคร์สำหรับเด็กภายใต้แบรนด์ Babience ต่อไป แต่จะจำหน่ายใน LG Household & Healthcare ออนไลน์เท่านั้น

โดย LG Household & Healthcare ได้วิเคราะห์แล้วว่า อัตราการเกิดที่ต่ำลงเรื่อยๆ ส่งผลให้อุปสงค์ของผลิตภัณฑ์ลดลงจึงนำมาสู่การตัดสินใจที่จะหยุดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับเด็กในครั้งนี้ หลังจากเข้าสู่ตลาดผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กครั้งแรกได้ราว 10 ปี (เข้าสู่ตลาดในปี 2555 ภายใต้ชื่อแบรนด์ Babience และเป็นบริษัทเกาหลีแห่งแรกที่เริ่มขายนมผงแพะสำหรับทารกในปี 2560)

การตัดสินใจถอนตัวครั้งนี้สอดคล้องกับอัตราการเจริญพันธุ์โดยรวมของเกาหลีใต้ หรือจำนวนการเกิดโดยเฉลี่ยที่ผู้หญิงจะให้กำเนิดบุตรในช่วงวัยเจริญ พันธุ์คือ 0.81 ในปี 2564 ตามสถิติของเกาหลีซึ่งลดลง 0.03 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว (ของจีนอยู่ที่ 1.70 และ UN ระบุว่า อัตราการเจริญพันธุ์ที่เหมาะสมกับทั้งโลกควรเฉลี่ยที่ 2.55) ดังนั้น จะเห็นได้ว่าอัตราการเจริญพันธุ์ของเกาหลีใต้นั้น ค่อนข้างต่ำ

โดย LG Household & Healthcare เป็นแบรนด์ที่ปรับตัวเพื่อตอบรับกับการที่ประเทศเกาหลีใต้มีอัตราการเกิดที่ลดลงอย่างต่อเนื่องและมีอัตราการเกิดที่ต่ำที่สุดในโลก จึงส่งผลต่อตลาดผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากปริมาณเด็กจะลดลง

ซึ่งในส่วนของผู้ประกอบการไทย ควรที่จะศึกษาสภาวะการเปลี่ยนแปลงของตลาด และนำไปปรับกลยุทธ์ เช่น อาจชะลอการพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก หรือหากจะมุ่งตลาดสำหรับเด็กต่อ ควรที่จะสร้างจุดแข็งให้ชัดเจนมากขึ้นเพื่อให้สินค้าของเราได้รับการคัดเลือกจากผู้บริโภคที่จะมีจำนวนลดน้อยลงอย่างต่อเนื่อง

ที่มา : สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโซล

เขียนและเรียบเรียง : พรรณรุ้ง คุ้มพงษ์พันธ์

ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.thebusinessplus.com/
Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS
IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.newgen2021/

#Businessplus #Business+ #นิตยสารBusinessplus #ผู้อาวุโส #สังคมผู้สูงอายุ