เกียวโต ความงดงามในเงาวัฒนธรรม

อดีตเมืองหลวงของญี่ปุ่นอย่างเกียวโต มีแหล่งท่องเที่ยวให้ไปมากมาย โดยเฉพาะร่องรอยทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของญี่ปุ่น

เมืองใหญ่อันดับ 7 ของญี่ปุ่นในมุมมองของผม (วิทยา กิจชาญไพบูลย์) สิ่งที่เชิดหน้าชูตาให้กับเมืองน่าจะเป็นร่องรอยของสิ่งก่อสร้างทางด้านศิลปะวัฒนธรรมและประวัติศสาสตร์อันเก่าแก่มากกว่า และไม่ต้องแปลกใจว่ามนต์เสน่ห์ของเกียวโตที่ปรากฏให้เห็นบ่งบอกถึงภูมิทัศน์ความเป็นญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ทั้งจากสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่าง ๆ หรือแม้แต่วิถีของวัฒนธรรมคนท้องถิ่น

มุมที่จะฉายภาพให้เห็นถึงความเป็นเมืองเก่า แน่นอนว่าเหมือนคุณย้อนเวลากลับไปเมื่อเกือบ 1,000 ปีก่อน ซึ่งจุดท่องเที่ยวสำคัญ ๆ ของเกียวโตจึงเป็นเรื่องไม่น่าแปลกใจ หากคุณจะเดินสวนกับเกอิชาในชุดกิโมโนบนถนนใจกลางเมืองหรือสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ๆ อาทิ วัดคินคะคุจิ (Kinkakuji) หรือวัดทอง ที่ว่ากันว่าเป็น Signature ของเกียวโต

ศาลา 3 ชั้น ตกแต่งด้วยแผ่นทองคำบริสุทธิ์ ตั้งอยู่กลางสระน้ำในสวนสวยโดดเด่นเป็นสง่า ชวนให้ทุกคนต้องถ่ายภาพเป็นเครื่องยืนยันว่า “ฉันมาถึงเกียวโตแล้ว”

มาเที่ยววัดทอง แต่ไม่ไปวัดเงิน หรือวัดกินคะคุจิ (Ginkakuji) ก็เหมือนโดนสบประมาทเช่นกัน ดังนั้นใครที่ไปเกียวโต วัดทั้งสองแห่งถือเป็น Landmark สำคัญที่ห้ามพลาด แต่การเดินทางไปวัดทั้งสองต้องย้อนไปคนละทาง นั่นทำให้ผมเลือกจุดหมายต่อไปก่อนเข้าพักในโรงแรมวันแรก คือวัดน้ำใส หรือวัดคิโยมิซึ (Kiyomizu)

สถานที่นี้เป็นวัดที่มีชื่อเสียงที่สุดของเกียวโตวัดหนึ่ง ตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกของเกียวโต และยังได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในอนุสรณ์สถานที่สำคัญในประวัติศาสตร์เกียวโตโบราณ และยังได้รับการรับรองให้เป็นมรดกโลกจาก UNESCO อีกด้วย

ค่ำวันแรกไม่ไกลจากวัดน้ำใส ผมพาครอบครัวไปพักที่ Grand Prince Kyoto ที่ได้รับการออกแบบโดย Togo Murano ซึ่งโรงแรมหรูแห่งนี้กว้างใหญ่และเป็นสถานที่พักลงตัวสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการดื่มด่ำกับสีสันของเกียวโต

ห้องพักกว่า 309 ห้องถูกดีไซน์ให้สอดคล้องกับโลเกชันที่เป็นป่า ดังนั้นหากมองมุมสูงของโรงแแรมนี้จะคล้าย ๆ กับโดมขนาดใหญ่ ซึ่งโรงแรม 4 ดาวแห่งนี้ตั้งอยู่บนทำเลที่เยี่ยมยอด สามารถเดินชมดอกซากุระบานได้ในสวนสาธารณะทาการะ กาอิเกะ และในระยะทางไม่ไกลกัน ยังมีศูนย์ประชุมขนาดใหญ่ที่โรงแรมสร้างขึ้นมา หมายความว่า Grand Prince เหมาะสำหรับลูกค้านักเที่ยวกลุ่ม Mice และนักท่องเที่ยวแบบครอบครัวเหมือนผม หรือติดตามได้ที่เว็บไซต์ http://www.princehotels.com/en/kyoto 

การบริการที่ดีเลิศและสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหนือกว่าของ Grand Prince ทำให้การเข้าพักที่นี่เป็นประสบการณ์ที่ไม่อาจลืม ทั้งความสะดวกสบายในหลาย ๆ มิติ

ที่น่าชื่นชมคือ ห้องอาหาร 4 แบบ 4 สไตล์คือ Beaux Sejours ให้บริการอาหารฝรั่งเศสและอาหารปิ้งย่างที่สดใหม่, Tohen Restaurant มีรายการอาหารจีนและทัศนียภาพป่า นอกจากนี้ยังมีบริการอาหารญี่ปุ่น คาเฟ่ และบาร์ Pond Cafe ให้บริการอาหารบุฟเฟต์และอาหารแบบเบา ๆ

สำหรับผมแล้ว จุดมุ่งหมายในการเดินทางเที่ยวเกียวโตกับทริปแบบครอบครัว ผมอยากจะบอกว่า Grand Prince เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการค้างแรมของคุณในเกียวโต หลากหลายอรรถรสที่ซึมซับได้ ทั้งจากเสียงหัวเราะของเด็ก ๆ คำชมของเพื่อนร่วมทริปที่แอบกระซิบมาว่า ได้มีโอกาสใส่ชุดยูกาตะด้วย

ความสนุกสนานที่ได้มาแบบไม่คาดคิด แม้ว่าวันรุ่งขึ้นผมต้องเดินทางไปยังฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari Shrine) ซึ่งเป็นศาลเจ้าชื่อดังที่นักท่องเที่ยวหากมาเกียวโตต้องเดินทางมาดูโทริอิ (Torii) หรือประตูศาลเจ้าที่เรียงต่อทอดยาวจากตีนเขาไปถึงยอดเขาสูงถึง 233 เมตร ส่วนอาราชิยาม่า หรือที่รู้จักดีในหมู่นักเที่ยวคนไทยว่า “สวนป่าไผ่” ผมว่าเสน่ห์ของป่าไผ่ขนาดสูงอยู่ที่สภาพอากาศแบบเย็น ๆ ตลอดเส้นทางเดิน

เสน่ห์อันมากมายทั่วเกียวโต ผมว่ามีอีกหลายจุดที่ไม่สามารถเดินทางไปได้หมด เพราะนัดต่อไปสำหรับผมคือ โอซาก้า

สถานที่หลายแห่งที่ต้องไปเยือนให้ได้อย่างปราสาทโอซาก้า Landmark สำคัญ, Osaka Aquarium พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำใหญ่อันดับ 2 ของญี่ปุ่น, Universal Studios Japan ธีมปาร์คสัญชาติอเมริกาแห่งแรกที่มีสร้างในเอเชีย

ที่ขาดไม่ได้ในทริปพักร้อนครั้งนี้ คือ ท่องถนนชอปปิงโดทงโบริ (Dotonbori) ที่มีทั้งร้านค้า ร้านอาหารมากมาย รวมไปถึงจุดโดดเด่นของป้ายไฟโฆษณา โดยเฉพาะป้ายไฟสัญลักษณ์ของกูลิโกะ (Glico Running Man) ที่ใคร ๆ มาก็ต้องมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึก

…นี่เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ที่ซุกซ่อนอยู่ในทริปเกียวโตคาบเกี่ยวโอซาก้า ซึ่งผมว่ายังมีอีกหลายส่วนที่ยังไม่ได้ไปสัมผัส สัญญาว่า หากมีโอกาสได้ไปเยือนอีกครั้งจะนำเรื่องราวดี ๆ มาฝากกันครับ