Kerry

‘เคอรี่ เอ็กซ์เพรส’ เปิดแผนหาเงินใช้หนี้+เพิ่มสภาพคล่องบริษัท

หลังจากบมจ.เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) (KEX) ขาดทุนต่อเนื่องตั้งแต่ปี 65 ทำให้บริษัทมีขาดทุนสะสมมากถึง 7,680.03 ล้านบาท และยังมีหนี้สินระยะสั้น (ที่ต้องเร่งจ่าย) 6,925.49 ล้านบาท ทำให้ KEX ต้องเร่งเพิ่มสภาพคล่องให้กับบริษัทอย่างเร่งด่วน

ล่าสุดได้เปิดแผนการเพิ่มทุนจดทะเบียน จากทุนจดทะเบียนเดิม 890 ล้านบาทเป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 2,299.25 พันล้านบาท (เพิ่มอีกอีก 1,409.25 ล้านบาท) ซึ่งจะเป้นการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนไม่เกิน 2,818.50 ล้านหุ้น ให้กับกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท (RO)

โดยที่ผู้ถือหุ้นเดิมของ KEX จะสามารถนำหุ้นเดิมจำนวน 0.6196 หุ้นเดิมมาแลกเป็น 1 หุ้นใหม่ได้ (อัตราส่วน 0.6196 :1 หุ้นใหม่) และกำหนดราคาขาย 3.20 บาท/หุ้น คิดเป็นมูลค่าการเพิ่มทุนในครั้งนี้รวม 9,000 ล้านบาท ซึ่งราคาที่จะขายให้ผู้ถือหุ้นเดิมนั้น เป็นราคาที่ต่ำกว่ากระดานซื้อขายในตลาดหุ้น โดยราคาหุ้น KEX ก่อนวันประกาศแผนอยู่ที่ 3.22 บาท (13 มิ.ย.67)

และหากย้อนกลับไปต้นปีราคาหุ้นจะอยู่ที่ราวๆ 5-6 บาทเลยทีเดียว เท่ากับว่าราคาที่ผู้ถือหุ้นเดิมจะได้นั้นถูกกว่าราคาเฉลี่ยในกระดานค่อนข้างมาก แต่เมื่อเราย้อนกลับไปดูผลกระกอบการที่ผ่านมาของ KEX ประกอบกับการแข่งขันในธุรกิจขนส่งพัสดุด่วนที่ยังคงดุเดือดจนกดให้บริษัทต้องขาดทุนต่อเนื่องแล้วก็อาจจะเป็นราคาที่ต้องการดึงดูดใจผู้ถือหุ้นเดิมให้ใส่เงินเพิ่มทุน เพราะนักลงทุนต้องประเมินถึงความเสี่ยงในอนาคตว่า KEX อาจจะยังต้องเผชิญกับอุปสรรคในการขยายธุรกิจ

โดยผลประกอบการย้อนหลังของ KEX มีดังนี้

ปี 2563 มีกำไรสุทธิ 1,405.03 ล้านบาท

ปี 2564 มีกำไรสุทธิ 46.92 ล้านบาท

ปี 2565 ขาดทุนสุทธิ 2,829.84 ล้านบาท

ปี 2566 ขาดทุนสุทธิ 3,880.64 ล้านบาท

ไตรมาส 1/67 ขาดทุนสุทธิ 1,188.29 ล้านบาท

ซึ่ง KEX ได้เปิดเผยว่าจะนำเงินจากการเพิ่มทุนครั้งนี้ไปใช้ชำระคืนหนี้เงินกู้ยืมระยะสั้นและระยะยาว จำนวนเงิน 3,240 ล้านบาท ในช่วงปี 67-68 โดย ณ วันที่ 31 มี.ค. 67 บริษัทมีเงินกู้ยืมระยะสั้นและระยะยาวคงเหลือ 3,237.91 ล้านบาท

และนำเงินอีก 5,760 ล้านบาท ไปใช้เพื่อรองรับเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการลงทุนที่จำเป็นสำหรับการรักษาความสามารถในการแข่งขันของบริษัทในระยะยาว

เป็นที่น่าจับตามองต่อว่า หากผู้ถือหุ้นใช้สิทธิในการเพิ่มทุนทั้งหมดวงเงินที่ KEX ได้รับครั้งนี้ค่อนข้างสูง ซึ่งอาจทำให้ KEX กลับมามีสภาพคล่องที่ดีอีกครั้ง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ จะนำเงินเกือบ 6 พันล้านบาทไปเพิ่มความแข็งแกร่งของบริษัทได้อย่างไร เพราะตลาดขนส่งพัสดุด่วนก็ยังคงมีการแข่งขันที่ดุเดือด

เขียนและเรียบเรียง : พรรณรุ้ง คุ้มพงษ์พันธ์
ที่มา : SET
ติดตาม Business+ ได้ที่ Line Business+ : https://lin.ee/pbIHCuS