‘JASPAL’ ผู้นำธุรกิจสินค้าแฟชั่นสัญชาติไทย สู่การบริหาร 25 แบรนด์ดัง ที่รันวงการระดับสากล

หากจะกล่าวถึงแบรนด์แฟชั่นชื่อดังอย่าง ‘JASPAL’ แน่นอนว่าภาพจำของหลาย ๆ คนคงเป็นภาพของแบรนด์ที่จำหน่ายสินค้าแฟชั่นที่มีความเป็นสากล จนบางครั้งก็ชวนให้เข้าใจผิดว่าเป็นแบรด์ที่มีการนำเข้ามาจากต่างประเทศ แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่านอกจาก ‘JASPAL’ จะเป็นแบรนด์แฟชั่นสัญชาติไทยแล้ว ยังมีจุดเริ่มต้นที่แตกต่างจากภาพจำของทุกคนโดยสิ้นเชิง นอกจากนี้ยังมีแบรนด์สินค้าในเครือมากถึง 25 แบรนด์ ซึ่งรวมไปถึงแบรนด์ชื่อดังที่รันวงการแฟชั่นในระดับสากลที่ยังมีผู้คนอีกจำนวนไม่น้อยที่ไม่ทราบว่าแท้จริงแล้วเป็นแบรนด์ที่อยู่ภายใต้การบริหารโดยคนไทย

คุณจรัญ สิงห์สัจจเทศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยัสปาล จำกัด (มหาชน) เล่าถึงประวัติความเป็นมาของแบรนด์ ‘JASPAL’ ว่ามีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1947 โดยเริ่มจากการดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายเครื่องนอนนำเข้าคุณภาพสูงจากต่างประเทศ และได้มีการนำชื่อ ‘ยัสปาล’ หรือ ‘JASPAL’ มาใช้เป็นครั้งแรก โดยมาจากชื่อบิดาของคุณจรัญซึ่งเป็นผู้ดูแลธุรกิจอยู่ในขณะนั้น

อย่างไรก็ดี ในปี ค.ศ. 1972 ทางครอบครัวของคุณจรัญได้ขยายธุรกิจไปยังวงการแฟชั่น โดยได้ดำเนินธุรกิจเสื้อผ้าและสินค้าแฟชั่นสาขาแรกภายใต้ชื่อ ‘Jaspal Emporium’ ณ สยามเซ็นเตอร์ ซึ่งจากจุดเริ่มต้นนี้จะนำมาซึ่งความยิ่งใหญ่ของ ‘JASPAL’ ในอนาคต

โดยหลังจากทาง ‘JASPAL’ ได้รุกเข้าสู่ธุรกิจแฟชั่นอย่างเต็มตัว ก็ได้ทยอยเปิดแบรนด์สินค้าต่าง ๆ เพิ่มขึ้น และขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ได้แก่
ปี 1980 : เปิดตัวแบรนด์ CPS CHAPS
ปี 1985 : ก่อตั้งบริษัท ยัสปาล แอนด์ ซันส์ จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายเครื่องนอนโดยตรง
ปี 2001 : เปิดตัวแบรนด์ LYN
ปี 2005 : เปิดตัวแบรนด์ CC DOULE O
ปี 2008 : ขยายธุรกิจไปยังประเทศมาเลเซีย
ปี 2010-2015 : เปิดตัวแบรนด์ Jelly Bunny, LYN AROUND, MISTY MYNX, ROYAL IVY REGATTA, QUINN
ปี 2015 : ขยายธุรกิจไปยังประเทศกัมพูชา
ปี 2017 : ขยายธุรกิจไปยังประเทศเวียดนาม
ปี 2023 : แปรสภาพบริษัท จากบริษัทจำกัด เป็นบริษัทมหาชนจำกัด และได้ยื่นแบบคำขอและ Filing ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์

สำหรับธุรกิจภายใต้การบริหารจัดการในเครือ ‘JASPAL’ ปัจจุบันแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่
1.ธุรกิจด้านแฟชั่นไลฟ์สไตล์ อยู่ภายใต้การบริหารโดยบริษัท ยัสปาล จำกัด (มหาชน) จำนวน 19 แบรนด์ แบ่งเป็น
Fashion In-House Brands จำนวน 10 แบรนด์
1.) JASPAL 2.) MISTY MYNX 3.) CC DOUBLE 4.) ROYAL IVY REGATTA 5.) CPS CHAPS 6.) LYN  7.) LYN AROUND 8.) Jelly Bunny 9.) QUINN 10.) SHOE BAR
Fashion Import-Brands จำนวน 9 แบรนด์
1.) Ipanema 2.) ASICS 3.) Fred Perry 4.) Melissa 5.) Diesel 6.) Superdry 7.) NEW ERA 8.) CHAMPION 9.) MANGO

2. ธุรกิจด้านการผลิตและจำหน่ายเครื่องนอน ซึ่งได้แก่ ผ้าปูที่นอน เครื่องนอน และที่นอน อยู่ภายใต้การบริหารโดยบริษัท ยัสปาล แอนด์ ซันส์ จำกัด จำนวน 6 แบรนด์ ได้แก่
Mattress and Bedding In-House Brands จำนวน 3 แบรนด์
1.) SANTAS 2.) SANTAS HOME 3.) STEVENS
Mattress and Bedding Import Brands จำนวน 3 แบรนด์
1.) Sealy Posturepedic 2.) TEMPUR 3.) Ethan Allen

ทั้งนี้ ปัจจุบัน สินค้าในเครือ ‘JASPAL’ มีช่องทางในการจำหน่ายที่หลากหลายและครอบคลุม มีจำนวนสาขาหน้าร้านมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ โดยมีสาขาหน้าร้านและจุดจำหน่ายสินค้าทั้งหมด 970 สาขา แบ่งเป็น ในประเทศไทย 888 สาขา และต่างประเทศ 82 สาขา

โดยในปัจจุบัน บริษัท ยัสปาล จำกัด (มหาชน) มีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 ในอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและรองเท้าเฉพาะอย่างของประเทศไทย โดยในช่วงปี 2563,2564 และปี 2565 กลุ่มบริษัทฯ มีส่วนแบ่งทางการตลาดเท่ากับ 8.4%, 10% และ 10.5% ตามลำดับ

ด้านผลการดำเนินงานของบริษัท ยัสปาล จำกัด (มหาชน) ถือเป็นบริษัทฯที่มีความสามารถในการทำกำไรที่ใกล้เคียงกับบริษัทระดับโลก โดยในปี 2022 กลุ่มบริษัทฯ มีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 51.7% ขณะที่มีรายได้อยู่ที่ 11,854.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.51% จากปี 2021 ที่มีรายได้อยู่ที่ 9,153.06 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 914.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 312.92% จากปี 2021 มีกำไรสุทธิ 221.47 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี เบื้องหลังความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่นี้ ย่อมต้องมีองค์ประกอบที่สำคัญที่ผลักดันให้อาณาจักร ‘JASPAL’ เติบโตอย่างยิ่งใหญ่และมีแบรนด์ในเครือมากถึง 25 แบรนด์ โดยคุณจรัญได้เปิดเผยถึง Key Success ของ ‘JASPAL’ ไว้ดังนี้
– ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญกว่า 70 ปี
– เข้าใจอุตสาหกรรม High Value Fashion
– มีแบรนด์สินค้าและช่องทางจำหน่ายที่หลากหลาย
– ทีมออกแบบที่สร้างสรรค์ เข้าใจในเทรนด์และกระแสของแฟชั่น
– มีแบรนด์สินค้าที่เป็นเอกลักษณ์
– มีความสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้าและลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ

นอกจากนี้ คุณจรัญยังได้เปิดเผยถึงแผนการขยายธุรกิจต่อจากนี้ โดยมุ่งเน้นไปที่การขยายสาขาและจุดจำหน่ายสินค้าเพิ่มเติม รวมไปถึงการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายต่าง ๆ ตามการเปลี่ยนแปลงและเทรนด์ของอุตสาหกรรม และการขยายสาขาตลาดเข้าสู่ประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคอาเซียน โดยมีเป้าหมายที่สำคัญคือการเป็นผู้นำด้านธุรกิจแฟชั่นไลฟ์สไตล์ในภูมิภาคอาเซียน