3 สิ่งสำคัญสู่การเป็นผู้สำเร็จของ ‘อีซูซุ’

ตลอดระยะเวลากว่า 6 ทศวรรษในประเทศไทย ‘อีซูซุ’ มีภาพลักษณ์อันโดดเด่นของแบรนด์ (Outstanding Brand Image) ทั้งในด้านผลิตภัณฑ์และการบริการหลังการขาย ส่งผลให้อีซูซุสามารถครองใจผู้บริโภคชาวไทยได้อย่างมั่นคง

 

คุณวิชัย สินอนันต์พัฒน์ กล่าวถึง จุดเด่นของสินค้าหรือบริการของ อีซูซุที่สามารถครองใจผู้บริโภค

โดยมีปัจจัยสำคัญทั้งหมด 3 ข้อดังนี้

1. ผลิตภัณฑ์อันโดดเด่น (Outstanding Products) คือ อีซูซุเป็นรถที่มีความคุ้มค่าเงินสูงสุด (Best-value-for-money Vehicle) ซึ่งหมายถึง

– คุณภาพดีที่สุด (Best Quality) รวมถึงการออกแบบภายนอก ภายใน (Best Design)

– ประหยัดน้ำมันที่สุด (Best Fuel Efficiency)

– แข็งแกร่ง ทนทานที่สุด (Best Durability)

– ราคาขายต่อดีที่สุด (Best Resale Value)

 

นอกเหนือจากปัจจัยข้างต้นแล้ว อีซูซุยังโดดเด่นในเรื่องเทคโนโลยีโดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัย  ด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่  ADAS (Advanced Driver Assistance Systems) ที่มาพร้อมนวัตกรรมกล้องหน้าคู่อัจฉริยะ 3D Imaging Stereo Camera ทำหน้าที่เสมือนดวงตาคู่คอยตรวจจับวัตถุด้านหน้าแบบ Real Time ได้อย่างชัดเจน และแม่นยำกว่าด้วยระบบกล้องหน้าเดี่ยว (Mono Camera) พร้อมเรดาร์ 2 จุด และเซนเซอร์ 8 จุดรอบคัน โดยมีทั้งใน “The New MU-X” และ “New! Isuzu D-Max MAGIC EYEs” ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของวงการรถปิกอัพเมืองไทย

2. เครือข่ายผู้จำหน่ายอันโดดเด่น (Outstanding Dealership Network) ด้วยโชว์รูม ศูนย์บริการ และอะไหล่ที่มีประสิทธิภาพสูงมากกว่า 300 แห่งทั่วประเทศ

 

3. กลยุทธ์การตลาดอันโดดเด่น (Outstanding Marketing Strategies) ที่ทำให้อีซูซุ แตกต่างจากคู่แข่งอื่น ๆ ด้วย 3 กลยุทธ์หลัก คือ

– การสร้างความแตกต่าง (Differentiation) เพื่อทำให้อีซูซุเป็นทางเลือกอันดับแรก และโดดเด่นเหนือแบรนด์อื่น ๆ ในใจของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเสมอ

– การตลาดเพื่อสร้างความภักดี (Loyalty Marketing) เพื่อให้ลูกค้ารักและผูกพันกับแบรนด์อีซูซุ เมื่อจะซื้อรถเพิ่มก็จะเลือกแบรนด์อีซูซุ และยังเป็นผู้บอกต่อหรือแนะนำรถอีซูซุให้แก่ลูกค้าใหม่อีกด้วย

– การเป็นนิติบุคคลที่ดีของสังคม (Good Corporate Citizen) เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของแบรนด์อีซูซุในฐานะส่วนหนึ่งของสังคมไทย เราจึงต้องมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมไทยอย่างต่อเนื่อง

 

 

โดยที่ในช่วงที่ผ่านมา 2 ผลิตภัณฑ์ของอีซูซุที่ได้รับการตอบรับจากตลาดจนได้รับรางวัลการันตีจาก BUSINESS+ PRODUCT OF THE YEAR 2022 คือ “รถยนต์ปิกอัพ NEW! ISUZU D-MAX”   และ รถยนต์อเนกประสงค์ THE NEW MU-X”

 

 

สำหรับรถปิกอัพนั้น อีซูซุมีให้ผู้บริโภคเลือกอย่างมากมายหลายรุ่นทั้ง 2 ประตู และ 4 ประตู ห้องโดยสารแบบตอนเดียว ตอนครึ่ง และ 2 ตอน ซึ่งมีให้เลือกทั้งความสูงมาตรฐาน และแบบยกสูง ระบบเกียร์แบบออโตเมติกและเกียร์ธรรมดา รวมทั้งระบบขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อ และ 4 ล้อ โดยห้องโดยสารภายในมีอุปกรณ์ต่าง ๆ เพียบพร้อมทั้งความหรูหราและความสะดวกสบาย เพื่อตอบสนองความต้องการหลากหลายรูปแบบของลูกค้า ทั้งด้านการทำธุรกิจและการใช้ส่วนตัว

 

 

ขณะที่กลุ่มเป้าหมายของรถยนต์อเนกประสงค์ “The New MU-X” สามารถแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลักดังนี้

– กลุ่มลูกค้าที่ใช้รถยนต์นั่ง ที่ต้องการเปลี่ยนเป็นรถอเนกประสงค์ เนื่องจากมีกิจกรรมหลากหลาย ทั้งการใช้รถในวันทำงาน และใช้ชีวิตเดินทางในวันหยุดพักผ่อน จึงต้องการความอเนกประสงค์ที่รถยนต์นั่งไม่สามารถให้ได้

– กลุ่มลูกค้าที่ซื้อรถเพิ่มเป็นคันที่ 2 หรือ 3 ของครอบครัว ลูกค้ากลุ่มนี้ ส่วนมากเป็นผู้มีฐานะและมีรถยนต์นั่งอยู่แล้ว แต่ต้องการรถอเนกประสงค์ที่สามารถตอบโจทย์ได้หลากหลายรูปแบบ เพิ่มขึ้นอีกสำหรับครอบครัว

– กลุ่มลูกค้าที่เคยใช้รถปิกอัพมาก่อน ลูกค้ากลุ่มนี้พอใจในความโดดเด่นด้านต่าง ๆ ของรถปิกอัพอีซูซุ เช่น เรื่องความประหยัดน้ำมัน และความทนทาน เมื่อมีรายได้เพิ่มมากขึ้น และจำนวนสมาชิกในครอบครัวเพิ่มมากขึ้น จึงต้องการรถที่ให้ความอเนกประสงค์ พร้อมสะท้อนสถานะทางสังคมที่สูงขึ้น

 

นอกจากนี้อีซูซุ ยังมีรถบรรทุกที่ตอบโจทย์ตลาดมากมายหลายประเภท ให้ลูกค้าได้เลือกใช้ในการทำธุรกิจ

ไม่ว่าจะเป็นรถบรรทุกขนาดกลาง 2–3 ตันทั้ง 4 และ 6 ล้อ รุ่น “Isuzu Elf”, รถบรรทุก 6 ล้อขนาดใหญ่รุ่น FTR, รถบรรทุก 10 ล้อเพลาเดียว และสองเพลา, รถบรรทุก 12 ล้อ, รถบรรทุกหัวลาก 6 ล้อ และรถบรรทุกหัวลาก 10 ล้อ สองเพลา โดยรถประเภทนี้ทั้งหมดเป็นรถเพื่อการพาณิชย์ เพื่อการขนส่งและโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ

 

 

ตลอดระยะเวลาอันยาวนานในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยจะเห็นได้ว่า อีซูซุให้ความสำคัญต่อการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีต่าง ๆ มาพัฒนาคุณภาพของสินค้าและบริการอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม “Digital Disruption” ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ทำให้การดำเนินชีวิตของผู้คนเปลี่ยนรูปแบบไปจากเดิม ส่งผลให้เกิด “เส้นทางใหม่ของผู้บริโภค” (The New Customer Journey) ในขั้นตอนการตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการ

 

 

ดังนั้นอีซูซุจึงมีการวิเคราะห์ทุกจุดที่มีปฏิสัมพันธ์กับผู้บริโภค (Touch Points) ตลอดเส้นทางของผู้บริโภค ตั้งแต่ก่อนซื้อ ระหว่างซื้อ และหลังการซื้อสินค้าหรือบริการ เพื่อให้สามารถพัฒนาวิธีการตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้มากขึ้น เพื่อสร้างความพอใจและรักษาฐานลูกค้าไว้ให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

 

อีซูซุใช้ช่องทางที่หลากหลาย (Omni-Channels) ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ในการสื่อสารกับลูกค้า เพื่อให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย ก่อให้เกิดประสบการณ์ที่ดี และใช้ข้อมูลต่าง ๆ ให้เกิดประโยชน์ เราเชื่อว่า Big Data มีบทบาทมากในการวิเคราะห์พฤติกรรมและความต้องการของลูกค้า จึงลงทุนในด้านระบบบริหารจัดการข้อมูลต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก เพื่อให้สามารถนำเสนอสินค้าและบริการที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด คุณวิชัย กล่าว

เขียนและเรียบเรียง : พรรณรุ้ง คุ้มพงษ์พันธ์
Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS
IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.thailand/
#Businessplus #Business+ #นิตยสารBusinessplus #ISUZU #อีซูซุ