หนึ่งในเครือโรงแรมหรูระดับโลกที่หลาย ๆ คนนึกถึง แน่นอนว่าจะต้องมีชื่อ ‘InterContinental’ เพราะถือเป็นเครือโรงแรมขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงกระจายอยู่ 208 แห่งหรือใน 65 ประเทศทั่วโลก
แล้วเรื่องราวของ InterContinental เป็นอย่างไร?
จุดเริ่มต้นของเครือโรงแรมใหญ่ InterContinental เกิดขึ้นในปี 1933 โดยประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา คุณ Franklin Delano Roosevelt ต้องการที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจภายในลาตินอเมริกาด้วยภาคการท่องเที่ยวและมุ่งที่จะเป็นศูนย์กลางธุรกิจมากขึ้น
ทำให้เกิดนโยบายดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตราที่ต่ำ เพื่อสนับสนุนการสร้างเครือโรงแรมต่าง ๆ โดยนโยบายนี้ก็ไปเตะตา สายการบินสัญชาติอเมริกันอย่าง ‘Pan Am’ ขึ้น ทำให้ Pan Am กลายเป็นนักลงทุนธุรกิจโรงแรม เพื่อมุ่งหวังจะต่อยอดจากการบินให้ครบครันมากขึ้น ทำความเข้าใจง่าย ๆ คือบินกับ Pan Am เข้าพักกับเครือ InterContinental เอื้อให้กลุ่มลูกค้าไม่จำเป็นจะต้องหาโรงแรมเองตามจุดหมายปลายทางนั้น ๆ
ซึ่งธุรกิจโรงแรมเริ่มจากการโรงแรมเช่าโรงแรมเก่า ๆ และมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงห้องใหม่ โดย Pan Am ไม่ได้มีทุนมากขนาดนั้น แต่ก็ได้รับการอนุมัติสินเชื่อจากรัฐบาลสูงถึง 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 50% ของค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงทั้งหมด
ต่อมาในปี 1946 เครือโรงแรมถือกำเนิดขึ้นด้วยชื่อ InterContinental Hotels Corporation ภายใต้การถือหุ้นใหญ่ของ Pan Am 100% โดย Pan Am ได้เริ่มวางเป้าหมายการขยายเครือโรงแรมโดยการเดินทางไปตามหัวเมืองต่าง ๆ สอดคล้องกับธุรกิจการบินและพยายามมองหาทำเลทองในการก่อตั้งโรงแรม และมุ่งมั่นที่จะขยายเครือโรงแรมไปทั่วโลกด้วยชื่อเครือ ‘InterContinental’
ทั้งนี้ เรามาดู Timeline 5 ปีแรกที่ InterContinental Hotels Corporation ได้เริ่มเซ็นสัญญาเช่าปรับปรุงและก่อสร้างขึ้นใหม่กันสักนิด
-
1947 เซ็นสัญญาเช่า Hotel Victoria Plaza เมืองมอนเตวิเดโอ ประเทศอุรุกวัย (ใช้เวลาปรับปรุง 5 ปี)
-
1949 ก่อสร้าง Grande Hotel ในเมืองเบเลม ประเทศบราซิล
-
1950 ก่อสร้าง Hotel Carrera ในซันติอาโก ประเทศชิลี
-
1953 ก่อสร้าง 2 โรงแรมในเครือ Hotel Tamanaco ในการากัส และ Hotel del Lago ใน Maracaibo พร้อมเปิดตัว Hotel Victoria Plaza หลังจากปรับปรุงเสร็จ
จะเห็นได้ว่าการเติบโตของ InterContinental ขยายสาขาไปอย่างรวดเร็ว ในลาตินอเมริกา ซึ่งมีกลุ่มลูกค้าหลัก ๆ คือกลุ่ม ‘นักธุรกิจ’ ที่มาเจรจาธุรกิจ ทำให้ไม่ได้อยู่โรงแรมนานเท่าไหร่นัก แต่ก็ยังคงต้องการความสะดวกสบายที่ครบครันในช่วงสั้น ๆ
โดยบริการของโรงแรมก็มีผู้อยู่เบื้องหลังการเติบโตอย่างคุณ Byron Calhoun ผู้จัดการคนสำคัญของเครือ InterContinental ซึ่งเขา มีประสบการณ์งานบริการในโรงแรมมาตั้งแต่เด็กและเขามักจะเข้าใจดีกว่ากลุ่มลูกค้าที่มาพักต้องการการบริการพื้นฐาน อาทิ ความสะอาด เตียงที่ดี น้ำร้อนและน้ำดื่มที่วางใจได้ ห้องน้ำส่วนตัว บริการซักรีดด่วน บริการรับจอดรถ อาหารปลอดภัย บริการโทรศัพท์และสายตรงในภาษาของแขกที่มาเข้าพักนั่นเอง
ต่อมาหลังจากที่ InterContinental ได้เริ่มขยายธุรกิจไปยังทวีปอื่น ๆ ทั่วโลกก็เริ่มขึ้นชื่อว่าเป็นเครือโรงแรมหรูที่มีเหล่าแขกเป็นทั้งนักธุรกิจ คนดังและนักการเมือง รวมถึงราชวงศ์ต่าง ๆ เข้ามาพักมากขึ้น อาทิ เจ้าหญิง Graceแห่งโมนาโก, นักแสดงหญิง Ava Gardner, นักดนตรี Louis Armstrong และอื่น ๆ อีกมากมาย
ที่น่าสนใจคือ Neal Prince นักออกแบบของเครือ InterContinental มักไปตามใจกลางเมืองต่าง ๆ ก่อนที่จะคิดสร้างหรือปรับปรุงโรงแรม มาผสมผสานเข้ากับความหรูหราแบบอเมริกันยุคใหม่ในยุคกลางเข้ากับองค์ประกอบการตกแต่งที่ดึงมาจากวัฒนธรรมท้องถิ่น ทำให้สร้างเอกลักษณ์อันเด่นชัดแก่แบรนด์
ทั้งนี้ เพื่อกระจายกลุ่มแขกที่มาเข้าพักให้ได้หลากหลายขึ้น ในปี 1972 InterContinental ได้ก่อตั้งกลุ่มโรงแรมราคาปานกลางที่เรียกว่า Forum Hotels ตามขึ้นมาด้วย
หลังจากนั้นมาเรื่องราวของเครือโรงแรมเหมือนจะดำเนินไปได้ดี จนกระทั่งในปี 1981 ที่ Pan Am ได้ประสบวิกฤตการณ์เงินทำให้หลังจากนั้น InterContinental เปลี่ยนเจ้าของมาหลายครั้งด้วย Timeline ดังนี้
-
1981 บริษัท Grand Metropolitan ซื้อ InterContinental และForum Hotels ในราคา 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยนำโรงแรมที่มีอยู่ 17 แห่งเข้ากับ InterContinental และ Forum Hotels ให้กลายเป็นเครือเดียวกัน
-
1982 Scanticon International เครือโรงแรมสัญชาติเดนมาร์กเข้ามาถือหุ้น 20% เพื่อต่อยอดธุรกิจการจัดประชุมและอีเวนท์ต่าง ๆ
-
1988 ถูกขายอีกครั้งให้กับ Seibu Saison Group ด้วยราคา 2.27 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
-
1998 ถูกขายอีกครั้งให้กับ Bass PLC ด้วยมูลค่า 2.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ