“The Green Computing and Purpose-Built Foundation for Sustainable Future”

วันนี้ความยั่งยืนเป็นเรื่องที่องค์กรให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ

รายงาน “Global Risks Report 2021” โดย World Economic Forum ระบุว่าสภาพอากาศอันรุนแรง ความล้มเหลวจากการรับมือกับปัญหาสภาพภูมิอากาศ และความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ คือความเสี่ยงสูงสุดสามอันดับแรกสำหรับธุรกิจในช่วง 10 ปีข้างหน้า

ผลสำรวจจากรายงาน IBM Global CEO Study ล่าสุดชี้ให้เห็นว่า

  • วันนี้ความยั่งยืนก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญขององค์กร โดย 48% ของผู้บริหารที่สำรวจระบุว่าได้บรรจุเรื่องความยั่งยืนเป็นหนึ่งในภารกิจที่มีความสำคัญสูงสุดขององค์กร
  • 47% ของผู้บริหารในเอเชียแปซิฟิคมองว่าเรื่องความยั่งยืนเป็นหนึ่งความท้าทายสูงสุด ขณะที่การขาดมุมมองเชิงลึก ROI ที่ไม่ชัดเจน รวมถึงข้อจำกัดเชิงเทคโนโลยี เป็นสิ่งที่ผู้บริหารมองว่าเป็นอุปสรรคต่อการขับเคลื่อนความยั่งยืน
  • ผู้บริหารที่สำรวจระบุว่าได้รับความกดดันในเรื่องความยั่งยืนจากบอร์ด (73%) นักลงทุน (57%) หน่วยงานที่กำกับดูแล (51%) พันธมิตร (48%) และภาครัฐ (48%)
  • กว่า 80% ของผู้บริหารที่สำรวจมองว่าการขับเคลื่อนความยั่งยืนจะส่งผลเชิงบวกต่อผลประกอบการและการเติบโตขององค์กร

กรีนคอมพิวติ้งและประโยชน์เชิงบวกที่มีต่อองค์กร

  • กรีนคอมพิวติ้ง (หรือกรีนไอที) เป็นการออกแบบ การผลิต การใช้ หรือการกำจัดคอมพิวเตอร์ ชิป หรือชิ้นส่วนเทคโนโลยีอื่นๆ ในแนวทางทางที่ลดผลกระทบรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการ
    • ลดการปล่อยคาร์บอน
    • ลดการใช้พลังงานทั้งในมุมผู้ผลิต ดาต้าเซ็นเตอร์ และผู้ใช้งาน
    • เลือกใช้วัตถุดิบในการผลิตที่ยั่งยืน
    • สนับสนุนความยั่งยืนด้วยการใช้พลังงานทางเลือก

นอกจากนี้ยังรวมถึงการลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ การผลิตที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การเพิ่มอายุการใช้งานของอุปกรณ์และชิ้นส่วนต่างๆ การช่วยให้ผู้ใช้สามารถนำอุปกรณ์ต่างๆ มาใช้ซ้ำหรือรีไซเคิลได้

  • วันนี้อุตสาหกรรมไอทีปล่อยก๊าซเรือนกระจกในสัดส่วนระหว่าง 8% – 3.9% ของการปล่อยก๊าซทั่วโลก[i].
  • International Energy Agency ประมาณการณ์ว่าวันนี้ 1% ของไฟฟ้าทั่วโลกถูกใช้ไปกับดาต้าเซ็นเตอร์ และภายในปี 2025 ดาต้าเซ็นเตอร์จะใช้ 1/5 ของพลังงานไฟฟ้าทั่วโลก
  • รายงานโดย Association for Computing Machinery ระบุว่าจำเป็นต้องมีการจำกัดการใช้พลังงานและการปล่อยคาร์บอนของระบบคอมพิวเตอร์ทั่วทั้งอุตสาหกรรม ICT หากต้องการบรรเทาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ

ระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับการพัฒนาเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน: IBM LinuxONE Emperor 4

  • IBM LinuxONE Emperor 4 เป็นระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ต่อยอดความยั่งยืน
    • ลดการใช้พลังงาน 75%
    • ลดการใช้พื้นที่ในดาต้าเซ็นเตอร์ลง 50%
    • ลดฟุตปรินท์จาก CO2e (คาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า) ได้กว่า 850 เมตริกตันต่อปี[ii] เมื่อเทียบกับมาตรฐานเซิร์ฟเวอร์ในอุตสาหกรรมที่สามารถรันเวิร์คโหลดได้ในระดับเดียวกัน
  • IBM LinuxONE Emperor 4 สามารถสเกลเพื่อรองรับเวิร์คโหลดหลายพันรายการได้ภายในเครื่องเดียว[iii]
    • IBM LinuxONE Emperor 4 มีระบบ Scale-out-on-scale-up ที่รันเวิร์คโหลดด้วย high density และฟีเจอร์ในการเปิดใช้คอร์ที่ไม่ได้ใช้งานอยู่ โดยไม่สร้างคาร์บอนฟุตปริ้นท์เพิ่มขึ้น ช่วยให้สามารถ:
  • เพิ่มการตอบสนองต่อความต้องการและการทำธุรกรรมที่พุ่งสูงขึ้นได้ดีขึ้น
  • ร่นเวลาในการพัฒนา การเปิดใช้ซอฟต์แวร์ และการเพิ่มฟังก์ชันต่างๆ ของแอพ
  • รองรับการเติบโตของธุรกิจ
  • ลดต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ(Total cost of ownership หรือ TCO)

นอกจากนี้ IBM LinuxONE Emperor 4 ยังสามารถแทรคการใช้พลังงานได้แบบเรียลไทม์ ด้วยเครื่องมือมอนิเตอร์พลังงานบน LinuxONE

  • ตอบโจทย์ความท้าทายด้านไซเบอร์ซิเคียวริตี้ทั้งในวันนี้และอนาคต
    • ความสามารถในการรัน 25,000 ล้านธุรกรรมต่อวันได้อย่างปลอดภัย ของ IBM LinuxONE Emperor 4 ช่วยให้องค์กรสามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและปกป้องข้อมูล
    • ระบบเข้ารหัสแบบ end-to-end ช่วยปกป้องข้อมูลทั้งในรูปแบบ at-rest และ in-flight ซึ่งเป็นหนึ่งในเรื่องที่องค์กรในอุตสาหกรรมที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลอย่างธนาคารหรือการบริการทางการเงินให้ความสำคัญสูงสุด
    • IBM LinuxONE Emperor 4 ได้รับการพัฒนาขึ้นบนพื้นฐาน confidential computing และแนวปฏิบัติด้านซิเคียวริตี้ชั้นนำของไอบีเอ็ม
    • IBM LinuxONE Emperor 4 มาพร้อมกับ Crypto Express 8S Adapter ที่ได้รับการออกแบบให้องค์กรสามารถรัน CRYSTALS-Dilithium ได้ โดย CRYSTALS-Dilithium เป็นอัลกอริธึมที่ได้ถูกเลือกให้เป็นส่วนหนึ่งของมาตรฐานการเข้ารหัส post-quantum โดย NIST (กรอบการทำงานยอดนิยมด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์) ของสหรัฐอเมริกา[iv]
  • ระบบพื้นฐานรองรับอนาคต
    • IBM LinuxONE Emperor 4 ได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรของไอบีเอ็ม อาทิ Illmuio, METACO, MongoDB, NGINX, Fiorano, Fujitsu Limited, Sysdig, Inc. และ Temenos
    • สนับสนุนเวิร์คโหลด Linux และ Red Hat OpenShift-certified จำนวนมาก ครอบคลุมถึง data serving, core banking และ digital assets
    • Cloud native development บน IBM LinuxONE Emperor 4 ช่วยให้นักพัฒนาสามารถใช้งานได้อย่างอไจล์ โดยไม่จำเป็นต้องเรียนรู้การใช้งานระบบปฏิบัติการใหม่ๆ เพิ่มเติม อีกทั้งยังช่วยให้องค์กรสามารถโฟกัสที่การพัฒนาบริการใหม่ๆ แทนที่จะต้องเสียเวลาอยู่กับการบริหารจัดการเซิร์ฟเวอร์จำนวนมากที่มีความซับซ้อน โดยทุกองค์กรสามารถได้รับประโยชน์จากมาตรฐานแบบเปิดและอิโคซิสเต็มบน Linux และ Kubernetes ซึ่งรวมถึง DevSecOps และเครื่องมือ cloud native ต่างๆได้

องค์กรยังสามารถใช้ IBM LinuxONE TCO Calculator ด้วยการตอบคำถามเพียงไม่กี่ข้อเกี่ยวกับฮาร์ดแวร์ ประเภทของเวิร์คโหลด และซอฟต์แวร์ จากนั้น IBM LinuxONE TCO Calculator จะสามารถคำนวณ TCO ในภาพใหญ่ให้ได้ทันที โดยเป็นการประมาณการณ์บนพื้นฐานของอุตสาหกรรม[v]

ข้อคิดเห็นจากผู้บริหารไอบีเอ็ม

“วันนี้ความยั่งยืนก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในเรื่องที่มีความสำคัญสูงสุดขององค์กร และเป็นหนึ่งในภารกิจท้าทายของผู้บริหารทั้งในภูมิภาคอาเซียนและทั่วโลก เทคโนโลยีกรีนคอมพิวติ้งที่ช่วยลดผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อม อย่างการลดการปล่อยคาร์บอน หรือการลดการใช้พลังงานทั้งในมุมผู้ผลิต ดาต้าเซ็นเตอร์ และผู้ใช้งาน จึงทวีความสำคัญไม่แพ้กัน” คุณแอ็กเนส เฮฟท์เบอร์เกอร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ของไอบีเอ็ม อาเซียน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และเกาหลี (IBM ASEANZK) กล่าว “ดาต้าเซ็นเตอร์ใช้พลังงานมหาศาล และถือเป็นสัดส่วนใหญ่เมื่อเทียบกับปริมาณการใช้พลังงานทั้งหมดขององค์กร แต่วันนี้เทคโนโลยีช่วยให้องค์กรสามารถลดการใช้พลังงานของดาต้าเซ็นเตอร์ได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งนอกจากจะช่วยลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนฟุตปริ้นท์ขององค์กรได้แล้ว ยังจะช่วยตอบโจทย์ท้าทายด้านความยั่งยืนขององค์กรทั้งในระยะสั้นและระยะยาว”

“IBM LinuxONE Emperor 4 เป็นระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงความยั่งยืนตั้งแต่เริ่มต้นกระบวนการออกแบบ จึงสามารถลดการใช้พลังงาน 75% ลดการใช้พื้นที่ในดาต้าเซ็นเตอร์ลงได้ถึง 50% อีกทั้งยังสามารถลดฟุตปรินท์จาก CO2e 850 เมตริกตันต่อปี เมื่อเทียบกับเซิร์ฟเวอร์ในระดับเดียวกัน” คุณฟรานซิส​ โก ผู้อำนวยการ IBM Z Systems และ LinuxONE จากกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยี ของไอบีเอ็ม เอเชียแปซิฟิค กล่าว “สิ่งนี้ตอกย้ำว่าวันนี้ ระบบโครงสร้างพื้นฐานทางไอทีสามารถมาพร้อมกับประสิทธิภาพ ความปลอดภัยสูงสุด และการสนับสนุนความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรมได้พร้อมๆ กัน สอดคล้องกับผลสำรวจผู้บริหารทั่วโลกเมื่อเร็วๆ นี้ ที่ซีอีโอส่วนใหญ่มองว่าการขับเคลื่อนความยั่งยืนจะส่งผลเชิงบวกต่อผลประกอบการและการเติบโตขององค์กร”

ข้อคิดเห็นจากนักวิเคราะห์เกี่ยวกับ IBM LinuxONE

นายฟิล แฮสสีย์ ซีอีโอของ capioIT กล่าวว่า “สำหรับองค์กรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคแล้ว ประเด็นความยั่งยืนถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญในทุกมิติของธุรกิจ วันนี้แน่นอนว่าการลงทุนในเทคโนโลยีด้านความยั่งยืนเป็นเรื่องที่มีความสำคัญสูงสุด ไอบีเอ็มได้เดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีที่สนับสนุนความยั่งยืนมาอย่างยาวนาน และเมนเฟรม LinuxONE ก็เป็นหนึ่งในผลของความพยายามเหล่านี้ [LinuxONE] มอบประโยชน์ในด้านความยั่งยืน ทั้งในแง่การใช้พลังงาน ดาต้าเซ็นเตอร์ฟุตปรินท์ และประโยชน์แก่ลูกค้าปลายทาง นวัตกรรมนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถพัฒนามิติด้านความยั่งยืนในรายงานได้ ขณะเดียวกันก็ยังคงได้รับสมรรถนะทางเทคโนโลยีจากการลงทุนในระบบเมนเฟรมของตน”

ส่วนหนึ่งของลูกค้า IBM LinuxONE ในภูมิภาค ASEANZK (อาเซียน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และเกาหลี)

Amret (กัมพูชา)
แม้ว่าจะเป็นหนึ่งในประเทศที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา ประชากรกัมพูชาที่อายุมากกว่า 15 ปี ถึง 78% ยังไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินต่างๆ ได้ กว่า 30 ปีที่ผ่านมา Amret ได้มุ่งมั่นในการลดช่องว่างดังกล่าว และเปิดให้บริการทางการเงินแบบไมโครไฟแนนซ์แก่ประชาชนหลายล้านคนทั่วประเทศกัมพูชา โดย IBM LinuxONE คือระบบที่รองรับบริการทางการเงินแบบไมโครไฟแนนซ์ของ Amret ให้มีความเสถียรสูง และสามารถทำงานได้ตลอดเวลาโดยที่ไม่เกิดการล่มในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ในก้าวต่อไปในเส้นทางดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน Amret ไม่เพียงแค่มองถึงระบบโครงสร้างพื้นฐานที่มีความเสถียรสูงเพื่อรองรับเวิร์คโหลด mission-critical เท่านั้น แต่ยังมองถึงระบบที่จะเป็นพื้นฐานรองรับการสร้างอนาคตทางเศรษฐกิจและความยั่งยืนด้วย

Sacombank (เวียดนาม)

ในฐานะหนึ่งในสถาบันการเงินรายย่อยชั้นนำของเอเชีย และหนึ่งในธนาคารพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม Sacombank มองเห็นปริมาณการใช้งานช่องทางดิจิทัลต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าหลายล้านราย และความจำเป็นในการมีระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีที่จะสามารถรองรับปริมาณการทำธุรกรรมที่เติบโตอย่างต่อเนื่องนี้ได้ โดยที่ผ่านมา IBM LinuxONE เป็นระบบหลักที่อยู่เบื้องหลังบริการทางการเงินที่ไม่เคยล่มของ Sacombank ช่วยให้ธนาคารสามารถสเกลบริการต่างๆ ภายใต้ระดับความปลอดภัยที่สูงที่สุด โดยเป็นไปตามกฎข้อบังคับที่กำกับดูแลอยู่และไม่ส่งผลให้การพัฒนานวัตกรรมต่างๆ ช้าลงแต่อย่างใด ระบบดังกล่าวช่วยให้ Sacombank สามารถเพิ่มประสิทธิภาพ ลดเวลาในการประมวลผลธุรกรรม และลดค่าไลเซนส์ซอฟต์แวร์ต่างๆ ลงได้ โดยคาดว่า Sacombank จะสามารถลดต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ (Total cost of ownership หรือ TCO) ลงได้กว่า 533,000 ดอลลาร์สหรัฐในเวลา 6 ปี วันนี้ LinuxONE ช่วยให้ Sacombank มีศักยภาพที่จะสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมและนำบริการทางการเงินดิจิทัลรูปแบบใหม่ออกสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับตอบโจทย์เรื่องความยั่งยืนไปด้วยในขณะเดียวกัน

UnionBank (ฟิลิปปินส์)

UnionBank ได้เปิดให้ใช้บริการที่อินทิเกรทเข้ากับระบบ digital asset orchestration ที่ชื่อ Harmonize ของ METACO ผ่าน IBM Cloud เพื่อช่วยให้สามารถได้รับประโยชน์จากแนวปฏิบัติ confidential computing ของระบบโครงสร้างพื้นฐานสำหรับ digital asset ของไอบีเอ็ม โดยแนวทางดังกล่าวนอกจากจะช่วยให้ UnionBank ได้รับประโยชน์จากมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด FIPS 140-2 ระดับ 4 เพื่อรองรับการบริหารจัดการและไมเกรทคีย์ต่างๆ แล้ว ยังช่วยบรรเทาความเสี่ยงจากการปฏิบัติการ รวมถึงความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นได้จาก threshold signatures และนโยบายความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นได้ รวมถึงยังช่วยต่อการกับปัญหาการสมรู้ร่วมคิดระหว่างคนในและผู้พัฒนาซอร์สโค้ดจากภายนอก โดย IBM Cloud Hyper Protect Services ที่เปิดให้บริการทั้งบน IBM Cloud และ on-premise ผ่าน IBM LinuxONE คือเทคโนโลยีที่รองรับศักยภาพเหล่านี้ของ UnionBank

ธนาคารอิสลามขนาดใหญ่ (มาเลเซีย)

ภายใต้ก้าวย่างดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันและการขยายธุรกิจ ธนาคารอิสลามขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในมาเลเซียได้มองถึงการนำระบบคอร์แบงค์กิงและระบบบริหารการขออนุมัติสินเชื่อแบบอิสลามมาใช้ และเพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าหลายล้านรายทั่วประเทศของธนาคารจะได้รับประสบการณ์การออมเงินและบริการทางการเงินที่ดีที่สุดจากธนาคาร ธนาคารแห่งนี้จึงได้เลือก IBM LinuxONE เป็นระบบหลักที่รองรับ โดย LinuxONE ช่วยให้ธนาคารสามารถให้บริการได้อย่างต่อเนื่องไม่มีสะดุด ด้วยศักยภาพและความปลอดภัยสูงสุด ภายใต้การใช้ต้นทุนอย่างมีประสิทธิผล ซึ่งเหล่านี้ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเร่งการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับธนาคารต่อไป

บริษัท สตรีม ไอ.ที. คอนซัลติ้ง จำกัด (ประเทศไทย)

ในประเทศไทย บริษัท สตรีม ไอ.ที. คอนซัลติ้ง จำกัด ที่ปรึกษาธุรกิจด้านดิจิทัล ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจของไอบีเอ็ม ได้นำระบบ IBM LinuxONE มาสนับสนุนก้าวสำคัญในการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อเดินหน้าให้บริการดิจิทัลแก่ประชาชนหลายล้านรายทั่วประเทศ โดยใช้พลังประมวลผลขั้นสูงที่มีมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูงสุด และด้วยศักยภาพในการทำงานอย่างราบรื่นไร้ปัญญาดาวน์ไทม์ของ IBM LinuxONE ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่ได้รับการทดสอบความพร้อม และการเปิดใช้งานระบบและบริการดิจิทัล นำไปสู่การให้บริการที่รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ ช่วยให้หน่วยงานต่างๆ สามารถรองรับธุรกรรมในปริมาณมหาศาลและรองรับผู้ใช้งานจำนวนมากได้โดยไม่สะดุด พร้อมทั้งสามารถขยายการให้บริการหรือปรับใช้แอปพลิเคชันใหม่ๆ ได้ทุกเมื่อที่ต้องการ