Gro Intelligence บริษัททรงอิทธิพลปี 2021 กับการคาดการณ์ที่คาดไม่ถึง

เป็นธรรมเนียม สำหรับนิตยสาร TIME ที่จะปล่อย TIME100 Most Influential Companies list
หรือ 100 บริษัททั่วโลกที่ทรงอิทธิพลมาทุกปี

สำหรับในปีนี้ก็มีหลายบริษัทที่น่าจับตามอง กับรูปแบบบริษัทที่มีความหลากหลาย ซึ่งไม่กี่วันที่ผ่านมานี้นิตยสาร TIME ได้ปล่อยภาพ 5 หน้าปก ซึ่งเป็น 5 บริษัทที่ติดอยู่ 1 ใน TIME100 Most Influential Companies lis

 

ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Gro Intelligence เป็นบริษัทสตาร์อัพ ที่นำระบบเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (IA) เข้ามาช่วยในการเก็บข้อมูล และวิเคราะห์ความเป็นไปได้ เพื่อควบคุมและดูแล ทั้งผลผลิตทางการเกษตร และการเตรียมพร้อมรับมือ กับการเปลี่ยนแปลงของตลาดอาหารในอนาคตที่คาดไม่ถึง

 

ทั้งนี้ Gro Intelligence ก็ได้เป็นหนึ่งในเบื้องหลังสำคัญ ของแบรนด์ระดับโลกหลากหลายประเภท ทั้ง Unilever และ Yum! Brand (บริษัทแม่ของ KFC, Pizza Hut และ Taco Bell) ที่เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในเรื่องอาหาร

 

 

รวมไปถึงบริษัทที่เป็นสถาบันการเงินอย่าง BNP Paribas (ธนาคารสัญชาติฝรั่งเศส ซึ่งเป็นธนาคารที่ใหญ่เป็นอันดับ 8 ของโลก) และ Wells Fargo (ธนาคารเก่าแก่จากสหรัฐอเมริกา ที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศ)

โดยให้บริการด้านข้อมูล และวิเคราะห์ในเรื่องของระบบนิเวศทั่วโลก ซึ่งมีมากกว่า 650 ล้านล้านข้อมูล จากแหล่งข้อมูลมากกว่า 40,000 แห่ง ทั้งในเรื่องของ การคาดการณ์พืชผล , ภาพถ่ายดาวเทียม , ลักษณะภูมิประเทศ , รายงานการตกตะกอนความชื้นในดิน , การระเหยและการคายน้ำของพืช เพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกและการคาดการณ์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่ไม่ซ้ำกันกว่า 15,000 รายการ

 

แล้วข้อมูลเหล่านี้จำเป็นอย่างไรในกับธุรกิจ ?

เพื่อให้ห้เห็นชัดขึ้นขอยกตัวอย่างงานวิเคราะห์ ที่ Gro กำลังตั้งคำถามและศึกษาอยู่ในขณะนี้ เช่น ไข้สุกรแอฟริกัน จะส่งผลกระทบต่อตลาดเนื้อหมูของจีนอย่างไร และผลกระทบต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลกในภายหลังหรือไม่?

คนขับรถบรรทุกที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดีเซล อาจส่งผลกระทบต่อราคาน้ำตาลในบราซิลได้อย่างไร?

อีกทั้งบริษัท ยังได้ทำงานร่วมกับรัฐบาลทั่วโลกในประเด็นความมั่นคงทางอาหาร (Food-Security) เพื่อการบริโภคอาหารอย่างเพียงพอ ไม่เสี่ยงในการเข้าถึงอาหารเมื่อเกิดความขาดแคลนขึ้นมาอย่างกะทันหัน

นั่นหมายความว่า เรื่องของระบบนิเวศ เป็นความเกี่ยวข้องกับห่วงโซ่อาหาร และราคาตลาดโลกอย่างมีนัยยะสำคัญ ซึ่งส่งผลโดยตรงกับผู้ผลิตและผู้บริโภคในอนาตด การมีข้อมูลที่สามารถประเมินสถานการณ์ความเป็นไปได้ล่วงหน้า จึงเป็นสิ่งสำคัญ และจำเป็นสำหรับทุกธุรกิจ

 

“It’s about getting ready for disaster, It’s about hedging for the downside risk.”
“มันเกี่ยวกับการเตรียมพร้อมสำหรับภัยพิบัติ มันเป็นเรื่องของการป้องกันความเสี่ยง”

หนึ่งในคำกล่าวของ Sara Menker ผู้ก่อตั้ง Gro Intelligence
ซึ่งเป้าหมายหลักขององค์กรนั้น คือ มุ่งให้ความสำคัญกับในเรื่องของ อาหาร (Food-Security) และ การเปลี่ยนแปลงสภาพทางภูมิอากาศ (Climate Change)

ซึ่งในปีที่ผ่านมา สหรัฐอเมริกาต้องประสบปัญหาที่ได้รับผลกระทบมาจากสภาพอากาศ และภัยทางธรรมชาติกว่า 22 ครั้ง ทั้งความแห้งแล้ง , พายุไซโคลน และไฟป่า สร้างความเสียหายถึง 95 พันล้านดอลลาร์

ด้วยเหตุนี้เอง นักลงทุนหลายเจ้าจึงเริ่มให้ความสำคัญ กับข้อมูล (Big Data) และการคาดการณ์สถานการณ์ เพื่อเตรียมการรับมือล่วงหน้า

Gro จึงสามารถระดมทุนได้ถึง 85 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนมกราคมเพียงเดือนเดียว ซึ่งได้การสนับสนุน จากนักลงทุนทั่วโลก ทั้งด้านเทคโนโลยีชื่อดังอย่าง Intel Capital และ Africa Internet Ventures , EchoV และ TPG Growth (บริษัทการลงทุนและบริหารจัดการกองทุนรวม)

ด้วยความสามารถในการบริหารนี้เอง และแนวทางองค์กรที่น่าสนใจ จึงทำให้ Sara Menker เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งหญิงผิวสี เพียงไม่กี่คนที่มีศักยภาพในการนำบริษัทบรรลุ Unicorn Status หรือ Startup ที่มีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์

 

เรียกได้ว่า เป็นยุคที่หลาย ๆ บริษัทให้ความสำคัญกับข้อมูล (Big data) เป็นอย่างมาก เพราะที่ผ่านมาเกิดสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันมากมาย การเตรียมต่อความไม่แน่นอนจึงเป็นสิ่งสำคัญของธุรกิจในอนาคตให้ยั่งยืนต่อไป

 

Photograph by Joshua Kissi for TIME

 

ผู้เขียน : ธนัญญา มุ่งสันติ