fed

‘พาวเวล’ ทุ่มสุดตัวปกป้องระบบธนาคารสหรัฐฯ ขอเวลาประเมินผลกระทบ และเลือกนโยบาย เพื่อแก้ไขปัญหาเสถียรภาพการเงินไปพร้อมๆ เงินเฟ้อ

หลังจากเกิดเหตุการณ์ Bank Run กับธนาคารในสหรัฐฯ อย่าง Silicon Valley Bank ไล่ลามไปยังธนาคารอื่นด้วยระยะเวลารวดเร็ว ซึ่งหลังจากเหตุการณ์นี้ทุกฝ่ายต่างจับตามองการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในเดือนมีนาคม ที่จัดในช่วงวันที่ 22-23 มี.ค.ว่าจะมีนโยบายออกมาเพื่อปกป้องเสถียรภาพการเงินของสหรัฐอย่างไร เพราะไม่ว่าจะขึ้น หรือลดดอกเบี้ยก็มีผลกระทบเช่นกัน ตามที่ ‘Business+’ ได้เคยนำเสนอไปแล้วก่อนหน้านี้ https://www.thebusinessplus.com/fed-3/

โดยผลของการประชุมนัดที่ผ่านมา ‘เจอโรม พาวเวล’ ประธาน FED ประกาศขึ้นดอกเบี้ย 0.25% และมีการแถลงใน 5 มีประเด็นสำคัญๆ ดังนี้

  1. เฟดจะใช้เครื่องมือทั้งหมดที่มีเพื่อปกป้องระบบธนาคารของสหรัฐ : โดย พาวเวล กล่าวว่า ระบบธนาคารของสหรัฐยังคงแข็งแกร่งและมีความยืดหยุ่น โดยมีฐานเงินทุนและสภาพคล่องที่มากเพียงพอ ซึ่ง FED ยังคงติดตามสถานการณ์ในระบบธนาคารอย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะใช้เครื่องมือทั้งหมดที่มีอยู่เพื่อปกป้องระบบธนาคารให้มีความปลอดภัยและแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ยังพร้อมที่จะเรียนรู้บทเรียนที่เกิดขึ้นจากวิกฤตการณ์ในครั้งนี้ และจะดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้วิกฤตการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำอีกในอนาคต
  2. ปัญหาของธนาคารภูมิภาคอาจส่งผลให้เกิดภาวะตึงตัวด้านสินเชื่อ แต่ยังเร็วเกินไปที่จะตัดสินใจว่าจะใช้นโยบายใดในการรับมือ : โดย พาวเวล เชื่อว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในระบบธนาคารในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมานั้น จะส่งผลให้เกิดภาวะตึงตัวด้านสินเชื่อต่อภาคธุรกิจและภาคครัวเรือน และท้ายที่สุดแล้วจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม แต่ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะระบุขอบข่ายของผลกระทบเหล่านี้ และยังเร็วเกินไปที่จะตัดสินใจได้ว่า FED ควรจะใช้นโยบายการเงินตอบสนองเรื่องนี้อย่างไร ด้วยเหตุนี้ในแถลงการณ์ของคณะกรรมการเฟดจึงไม่มีการใช้คำว่า การเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถือเป็นเรื่องที่เหมาะสม แต่ FED เปลี่ยนมาใช้คำว่า ‘การปรับเพิ่มกรอบเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีกระดับหนึ่งในวันข้างหน้าถือเป็นเรื่องที่เหมาะสม โดยเราจะจับตาข้อมูลที่จะได้รับในวันข้างหน้า และจะประเมินว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกในช่วงที่ผ่านมานั้นมีผลกระทบอย่างไรต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ตลาดแรงงาน และเงินเฟ้อ แต่ในขณะเดียวกันคณะกรรมการเฟดก็ยังคงยึดมั่นในจุดยืนที่จะฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2%”
  3. เฟดพร้อมขึ้นดอกเบี้ยอีกหากจำเป็นเพื่อสกัดเงินเฟ้อ : ทาง FED ได้ส่งสัญญาณในระหว่างการแถลงข่าวครั้งนี้ว่า จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก หากจำเป็นในการควบคุมเงินเฟ้อ แม้ภาวะตึงตัวด้านสินเชื่อที่กำลังเกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจมหภาค แต่ FED จะดำเนินนโยบายคุมเข้มด้านการเงินต่อไปเพื่อฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่ระดับ 2%
  4. เงินฝากในภาคธนาคารยังคงมีเสถียรภาพในสัปดาห์ที่ผ่านมา : พาวเวล มองว่าเม็ดเงินฝากในระบบธนาคารของสหรัฐยังคงมีเสถียรภาพในสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้เกิดวิกฤตการณ์แห่ถอนเงินจากธนาคาร Silicon Valley Bank (SVB) จนเป็นเหตุให้ธนาคารแห่งนี้ล้มละลาย และทำให้หน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินของสหรัฐต้องใช้มาตรการฉุกเฉินเพื่อฟื้นฟูระบบธนาคารแต่ FED ได้ออกมาตรการที่แข็งแกร่งร่วมกับกระทรวงการคลังสหรัฐ และบรรษัทค้ำประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) เพื่อแสดงให้เห็นว่าเงินฝากของประชาชนมีความปลอดภัย
  5. SVB มีการบริหารจัดการที่ย่ำแย่ แต่เชื่อว่าผลกระทบจะไม่บานปลาย : พาวเวลได้กล่าวถึงกรณีของธนาคาร SVB ว่า ธนาคารแห่งนี้มีระบบการบริหารจัดการที่ “ย่ำแย่” แต่วิกฤตที่เกิดขึ้นจากการล้มละลายของ SVB จะไม่ลุกลามจนสร้างความเสียหายต่อระบบธนาคารของสหรัฐ โดยยังไม่พบว่าวิกฤตการณ์ของ SVB ทำให้ระบบการเงินของสหรัฐอ่อนแอลง

สำหรับการประชุมเฟดในครั้งนี้ ที่ประชุมมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 4.75-5.00% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2550 โดยจากสำรวจของ ‘Business+’ พบว่า FED ได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายมาแล้ว 9 ครั้งติดต่อกันรวมครั้งล่าสุด ซึ่งก่อนหน้านี้สถาบันการเงินหลายแห่งมองว่า FED อาจจะชะลอการขึ้นดอกเบี้ย หรือบางแห่งมองว่าอาจหยุดขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมีนาคม เพื่อรักษาเสถียรภาพการเงินสหรัฐเอาไว้ก่อน เพราะการขึ้นดอกเบี้ยของ FED จะไปกระทบต่อธนาคารที่การลงทุนกับพันธบัตรที่มีอายุยาวนานจำนวนมาก เพราะราคาของพันธบัตรจะสวนทางกับอัตราดอกเบี้ย หาก FED ขึ้นดอกเบี้ยก็จะยิ่งกดให้ราคาพันธบัตรชุดเก่าลดลง ดังนั้นถ้า FED ยังคงขึ้นดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วเพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ ก็จะยิ่งทำให้พอร์ตของธนาคารที่ลงทุนหนักไปกับพันธบัตรจะยิ่งสูญเสียมูลค่าลงอย่างมาก และถ้าธนาคารนั้น ถูกลูกค้าถอนเงินฝากออกไปจำนวนมากจนขาดสภาพคล่องก็จะถูกบังคับให้ต้องขายพันธบัตรในราคาที่ต่ำกว่าราคาตั้งต้น (ขายขาดทุน)

ดังนั้น การประกาศขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องของ FED ในครั้งนี้ถึงแม้ว่าพาวเวลจะประกาศพร้อมปกป้องเสถียรภาพการเงินของระบบธนาคารสหรัฐฯ ทุกรูปแบบ แต่ก็ได้ชี้ให้เห็นว่า พาวเวล มองผลกระทบของธนาคาร SVB จะไม่ลุกลามจนสร้างความเสียหายต่อระบบธนาคารของสหรัฐ และจะไม่ทำให้ระบบการเงินของสหรัฐอ่อนแอลง ดังนั้น จึงต้องให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% เหมือนเดิม

หากใครอยากอ่านจุดเริ่มต้นของการล่มสลายของ Silicon Valley Bank สามารถอ่านได้ที่ https://www.thebusinessplus.com/silicon-valley/

ที่มา : IQ , CNBC

เขียนและเรียบเรียง : พรรณรุ้ง คุ้มพงษ์พันธ์

ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.thebusinessplus.com/

Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS

IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.newgen2021/

#Businessplus #BusinessPlus #นิตยสารBusinessplus #ตลาดเงิน #ตลาดทุน #ตราสารหนี้ #ตราสารทุน #SiliconValleyBank #FED #ธนาคารกลางสหรัฐ