Entertainmerce เส้นทางผู้นำของ RS พร้อมย่างก้าวสำคัญสู่ ธุรกิจการเงิน

หลังจากทำผลงานได้ดีในปี 2563 ด้วยรายได้รวมมากกว่า 2,700 ล้านบาท พร้อมกำไรสุทธิ 425 ล้านบาท นั้นทำให้บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ไม่รอช้าที่จะสานต่อความสำเร็จจากปีที่แล้ว โดยคุณสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยทิศทางของ อาร์เอส ที่จะก้าวต่อไปในปี 2564 ภายใต้โมเดลธุรกิจ Entertainmerce ที่แข็งแกร่งซึ่งถูกพิสูจน์มาแล้วตลอดปี 2563
โดยทางผู้นำอย่าง เฮียฮ้อ ได้ตั้งเป้าหมายของธุรกิจในปีนี้ว่า อาร์เอส จะต้องพิชิตรายได้รวมที่ 5,700 ล้านบาทให้ได้ในปีนี้และก็เชื่อมั่นว่าจะสามารถทำได้อย่างแน่นอน ซึ่งรายได้ก้อนนี้จะแบ่งออกเป็น Commerce 4,000 ล้านบาท (RS MALL 3,000 ล้านบาท และ Coolanything 1,000 ล้านบาท) ส่วน Media กับ Entertainment จะอยู่ที่ 1,700 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้ากำไรขั้นต้น 50% – 52 % กำไรสุทธิ 12% – 14%
.
เฮียฮ้อ ยังเพิ่มเติมมุมมองในปีนี้ว่า “ผมคิดว่าเป็นปีแห่งโอกาส และความท้าทายสำหรับบริษัทนะ เราเชื่อว่าจะสามารถทำ ALL TIME HIGH ได้ด้วย Business Model ที่แข็งแกร่งของเรา และธุรกิจที่หลากหลาย ยืดหยุ่นพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่ผันแปรจากปัจจัยต่าง ๆ ขณะที่เรื่องคนก็สำคัญไม่แพ้กัน รวมไปถึงการบริหารจัดการองค์กรด้วย”
ขณะที่เสาหลักสำหรับธุรกิจของ อาร์เอส จะมีด้วยกัน 4 เสา
1.การต่อยอดจากจุดแข็งของเรา
2.ก้าวเข้าสู่ตลาดใหม่ ๆ ที่ยังเคยไป
3.การบริหาร Content
4.M&A (ยุทธ์ศาสตร์หลักในแนวราบ)
ขณะที่ RS MALL ซึ่งถือเป็นแหล่งรายได้สำคัญของบริษัทคาดว่าจะเติบโตในรูปแบบ Inbound (ลูกค้าใหม่) อยู่ที่ 30% Outbound (ข้อมูล และการเพิ่มการซื้อซ้ำเป็น 2.4 ต่อเดือนจาก 2 ครั้งต่อเดือน) อยู่ที่ 40% และ Online อยู่ที่ 15% (เพิ่ม Traffic ใหม่ 150% ต่อเดือน) ด้านบริษัท Lifestar เฮียฮ้อ บอกว่าจะเติบโตไปกับกระแสเทรนด์โลกอย่างสุขภาพ รวมไปถึงช่องทางการขายก็ต้องหลากหลายด้วยเช่นกัน
.
โดยมีสัดส่วนผลิตภัณฑ์ด้านดังนี้
1.Functional ready to drink 40%
2.Innovative Health Product 40%
3.Pet Food 20%
.
ปัจจุบันตลาดโดดยภาพรวมของ Functional ready to drink มีการเติบโต 15% ทุก ๆ ปี เช่นเดียวกับ Innovative Health Product ขณะที่ Pet Food โตปีละ 10% มาเป็นเวลา 10 ปีแล้ว มูลค่าตลาดมากกว่า 16,000 ล้านบาท
.
ขยับมาดูฝั่ง Media ซึ่งเป็นตัวเชื่อมโยงที่สำคัญกับสินค้าที่บริษัทผลิต ปีนี้ทางบริษัทคาดว่าจะมีด้านรายได้ที่ 200 ล้านบาท โดยมากจากธุรกิจ Entertainmerce 40% ผู้สนับสนุน 30% Event 10% และ License / Online 20% ด้าน COOLIZM จะโตผ่านแม่น้ำสามสาย 1. COOL Fahrenheit ที่คาดว่ายอดคนฟังจะพุ่งถึง 3.7 ล้านคนในปีนี้ 2. COOL LIVE คอนเสิร์ต และ 3. Coolanything ขณะที่ธุรกิจเพลงทางบริษัทก็เชื่อว่าปีนี้จะเป็นปีที่เติบโตอย่างแข็งที่ทุก ๆ มิติ
พร้อมกับอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของบริษัทก็คือการเดินหน้าเข้าสู่ธุรกิจการเงินผ่านการทำ Mergers and Acquisitions (M&A) กับบริษัท เชฎฐ์ เอเชีย ซึ่งเป็นการรุกเข้าสู่ธุรกิจ “บริหารสินทรัพย์-สินเชื่อรายย่อย” เพื่อสร้างการเติบโตในแนวราบ ในเรื่องนี้ทาง เฮียฮ้อ มองว่า “นี่จะเป็นการวมตัวที่แข็งแกร่งทำให้ระบบนิเวศน์ของบริษัททั้งคู่สมบูรณ์ขึ้น และการเข้าไปลงทุนในครั้งนี้ของ อาร์เอส เพราะเราเห็นว่าจะสามารถมีส่วนช่วยทำให้ เชฎฐ์ เอเชีย สามารถเติบโตแบบก้าวกระโดดได้ โดยจำนวนเงินที่ลงทุนเป็นมูลค่ามากกว่า 920 ล้านบาท (เป็นรูปแบบการเพิ่มทุน ทำให้ อาร์เอส จะถือหุ้นของ เชฎฐ์ เอเชีย 35%)” ปัจจุบันพอร์ตของ เชฎฐ์ เอเชีย มีมูลค่ามากถึง 45,000 ล้านบาท เฉพาะในส่วนของ NPL อยู่ที่ 27,000 ล้านบาท พร้อมกำไรสุทธิ 200 ล้านบาท
.
ติดตาม Business+
ได้ที่ thebusinessplus.com